Lig: แบรนด์สุดอบอุ่นที่จะทำให้บ้านคุณกลายเป็นแกลเลอรี

    ภายในห้องทำงานขนาดเล็กที่ต่อเติมมาจากบ้านหลังใหญ่ นัดดาว-ณัฐพงศ์ ดาววิจิตร และ ตุลย์-ตุลยา ตุลย์วัฒนจิต กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์คู่ใจ มุมหนึ่งของห้องมีอาร์ตปริ้นท์วางอยู่ประปราย ขณะที่บางส่วนแปรรูปมาเป็นของใช้ที่กระจายตัวอยู่ทั่วห้่อง ตั้งแต่หมอนใบเล็กบนโซฟา เบาะรองนั่งอันใหญ่ ผ้าห่มที่พับไว้ข้างกัน กระเป๋าผ้าบนโต๊ะ และอื่นๆ อีกมากมาย ให้ความรู้สึกราวกับกำลังรับชมงานศิลปะในแกลลอรีขนาดย่อม

    สิ่งเหล่านี้ คือ ผลผลิตจาก Lig แบรนด์ดีไซน์ที่หยิบเอาของใช้ในชีวิตประจำวันมาเติมแต่งสีสัน เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้กับผู้คน

    แม้ว่าหลายคนจะรู้จัก นัดดาวและตุลย์ในฐานะ NUT.DAO และ TUNA DUNN นักวาดภาพประกอบลายเส้นเรียบง่ายมีเอกลักษณ์ และดีไซเนอร์ฝีมือดีที่มีผลงานให้เราติดตามอย่างสม่ำเสมอ แต่วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักพวกเขาในฐานะเจ้าของแบรนด์ดีไซน์ กับเรื่องราวการก่อตั้งแบรนด์ การค้นพบโรงงานผลิตสินค้าคู่ใจ และการชุบชีวิตขยะอุตสาหกรรมให้กลายเป็นชิ้นงานใหม่ที่มีคุณค่ามากกว่าเดิม

    จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Lig เกิดจากการที่ทั้งคู่ต้องการนำเสนอผลงานของตัวเองในรูปแบบใหม่ ไม่ใช่เพียงอาร์ตปริ้นท์ที่มักถูกตั้งไว้ประดับห้องเพียงอย่างเดียว นัดดาวเล่าว่า "เรากับตุลย์ทำงานในสายออกแบบและวาดภาพประกอบอยู่แล้ว ช่วงหลังเราออกบูทมากขึ้น เลยเริ่มมองหาโปรดักซ์ที่นอกเหนือจากอาร์ตปริ้นท์ให้งานมีความหลากหลายมากขึ้น เราคุยกับตุลย์ว่า งั้นลองทำสินค้าสักชิ้นไหม เลยได้เป็นผ้าห่มสองลาย ไปวางขาย"

    ตุลย์เสริมต่อว่า "เราเองก็ติดตามนักออกแบบต่างประเทศเยอะ พอเห็นว่าเขาสามารถขยายงานของตัวเองให้กลายเป็นอย่างอื่นได้ เราก็อยากทำบ้าง เราอยากนำเสนอผ้านี้เป็นงานศิลปะหนึ่งชิ้น เป็นศิลปะที่อยู่ในของใช้ที่คนจับต้องได้ ไม่ใช่แค่งานที่ปริ้นท์แล้วติดอยู่ในกรอบรูป ซึ่งตลาดในประเทศไทยยังไม่มีงานแบบนี้ให้เลือกเท่าไหร่นัก"

    หลังจากได้ผ้าห่ม 2 ลายแรกมาแล้ว พวกเขาก็ทดลองวางขายครั้งแรกในงานอาร์ตกราวด์ (Art Ground) เมื่อปี 2017 ภายในบูทของตนเอง ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนๆ และเพื่อนในแวดวงศิลปะเป็นอย่างดี

    "เราประเดิมด้วยการวางขายที่บูทของตัวเองในงานนี้ เพื่อดูฟีดแบ็กว่าจะขายได้ไหม และเป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัวว่าเรากำลังผลิตงานอาร์ตที่คุณสามารถใช้ได้ในบ้าน คนที่มาซื้องานอาร์ตก็จะได้ซื้อศิลปะที่อยู่ในผ้าห่มไปด้วย กลุ่มลูกค้าแรกๆ คือ คนที่ตามงานของเราอยู่แล้ว เขาก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นงานในแบบอื่นๆ รู้สึกว่า Lig แอบเกาะบุญเก่าของตัวเองเหมือนกันนะ" ตุลย์พูดไปหัวเราะไป

    ในพาร์ทของการออกแบบ นัดดาวและตุลย์จะแยกกันไปคิดลายของตัวเอง แล้วนำมาปรับแต่งเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นอาร์ตเวิร์กที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของทั้งคู่ไว้ ก่อนจะส่งให้โรงงานเป็นผู้ผลิตชิ้นงาน

    ตุลย์เล่าถึงความแตกต่างระหว่างการออกแบบอาร์ตปริ้นท์และของใช้ในบ้านว่า "Lig จะพยายามออกแบบสินค้าที่สีสันไม่ฉูดฉาดมาก แน่นอนว่ามันยังมีลายอยู่ แต่เป็นลายที่ไม่ได้แย่งซีนสิ่งอื่นๆ ในบ้านมากเกินไป แตกต่างจากงานเพ้นท์หรืออาร์ตปริ้นท์ที่คนต้องการโชว์งาน ของใช้มันมีข้อจำกัดมากกว่า เพราะเราต้องคำนึงถึงการใช้งานด้วย มันต้องใช้วาง ห่ม นั่ง งานของเราต้องใช้ได้จริงและเป็นมิตรกับคน"

    นัดดาวพยักหน้า แล้วเล่าต่อว่า กระบวนการผลิตสินค้าก็เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญ ทั้งคู่มักเข้าไปดูที่โรงงานก่อนทุกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจกระบวนการผลิตทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดการทำแบรนด์ Lig นี้ พวกเขาเองก็มีช่วงเวลาที่ผิดหวังมามากเช่นกัน

    "เราต้องใช้เวลาหาผู้ผลิตนานเหมือนกัน มันมีความไม่แน่นอนว่า เขาจะผลิตได้ไหม มันต้องคุยกันเยอะมากๆ กว่าเราจะได้งานแบบที่เราอยากได้ แต่ก็ต้องเตรียมใจไว้ว่า มันจะไม่มีทางได้ตามที่คิดร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เพราะมันต้องปรับจากหน้าจอไปพลอตจุดลงบนผ้า มันมีเรื่องของความยืด ความเบี้ยว เวลาผลิตไปแล้วต้องเปลี่ยนโรงงาน ถ้าคุยกับเขาไม่รู้เรื่องก็มีโอกาสที่สินค้าของเราจะเสียหรือมีตำหนิเหมือนกัน" ตุลย์เล่าถึงประสบการณ์ในการคุยกับผู้ผลิตให้เราฟัง

    แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ถูกคลี่คลาย นัดดาวเล่าถึงครั้งที่ทั้งคู่เจอกับ กานต์ กุลอรรฆย์ เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Standard Archives ที่มีโรงงานผลิตเสื้อผ้าครบวงจรเป็นของตัวเองว่า "เราทำแบรนด์มาได้ประมาณหนึ่งปี ปัญหาในการคุยกับผู้ผลิตก็เริ่มมากขึ้น เนื่องจากเราเป็นแบรนด์เล็กๆ ไม่ได้มีกำลังผลิตมากนัก พอมาเจอกับพี่กานต์ก็ค่อนข้างลงล็อก เขาใจดีมาก ทั้งพาทัวร์โรงงาน ดูการผลิต เรารู้สึกเหมือนได้เจอกับผู้ผลิตที่สนใจในงานเราจริงๆ ไม่ใช่เป็นผู้ผลิตที่ทำงานตามสั่งเท่านั้น"

    การพบเจอกันครั้งนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ 'Artists Archive' ที่ชุบชีวิตขยะอุตสาหกรรมให้กลายเป็นของใช้ดีไซน์สวย โดยมีเพื่อนๆ ในแวดวงศิลปะอย่าง juli baker and summer, Bloody Hell Big Head และมินชญา ชโยสัมฤทธิ์ มาร่วมออกแบบในโปรเจกต์นี้ด้วย

    บทบาทของ Lig จึงไม่ใช่เพียงนักออกแบบของแต่งบ้านอีกต่อไป แต่พวกเขายังเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงระหว่างศิลปิน ผู้ผลิต และลูกค้าไว้ ตามชื่อแบรนด์ที่ย่อมาจากคำว่า Ligature ซึ่งเป็นคำศัพท์ทาง Typography หมายถึงการเชื่อมโยงตัวอักษรเข้าด้วยกัน

    ตุลย์เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในแนวทางการทำงานหลังจากได้ทำโปรเจกต์ Artists Archive ว่า "มันเป็นการยืดอายุให้วัสดุที่ถูกผลิตออกมาแล้ว ให้กลับมาใช้ได้อีกรอบหนึ่ง ถ้ามีคนทำโปรเจกต์แบบนี้เพิ่มขึ้น มันก็น่าจะดี เพราะในอุตสาหกรรมมีสิ่งเหล่านี้เยอะมาก เจ้าของโรงงานเขาไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร แต่เราเป็นดีไซนเนอร์ เราน่าจะเข้าไปมองตรงนั้นบ้าง ไม่ใช่แค่ผลิตใหม่อย่างเดียว"

    "สมัยก่อนเราเองก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้ พอมีโอกาสได้ใช้งานของเราซัพพอร์ตปัญหา เราจึงสนใจเรื่องขยะในอุตสาหกรรมมากขึ้น นอกจากโปรเจกต์ Artists Archive แล้ว เวลาทำงานอื่นๆ เราก็พยายามลดความต้องการของตัวเองให้น้อยลง แล้วใช้ของที่มีอยู่แล้วโดยไม่ต้องผลิตใหม่ เราไม่ได้วางตัวเองเป็น Eco ร้อยเปอร์เซ็นต์นะ เพราะเวลาวางขายในห้างเราก็ยังต้องแพ็คสินค้าด้วยพลาสติกอยู่ดี มันยังเป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราก็พยายามลดการผลิตใหม่ให้น้อยที่สุด" นัดดาวบอกกับเรา ก่อนที่ตุลย์จะเสริมต่อว่า "แต่โปรเจกต์ Artists Archive เราสามารถบอกได้ว่าเราลดขยะได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ ทั้งการแพ็กของ ไม่ใช้บับเบิ้ล ไม่ใช้พลาสติก ใช้แม็กอย่างเดียว เวลาขายก็เก็บซองไว้แล้วให้ลูกค้าแค่ผ้า เพราะแบรนด์ที่ทำงานด้วยกันเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆ"

    นอกเหนือจากผ้าห่มซึ่งเป็นสินค้าหลักของแบรนด์แล้ว พวกเขายังมีสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งเสื้อคาร์ดิแกนคุณภาพดี เบาะนอนสำหรับสุนัขสุดนุ่ม ไปจนถึงของชิ้นเล็กอย่าง กระเป๋าใส่ของ แก้วน้ำ และสมุดที่มีสีสันสดใส ในอนาคตพวกเขามีแพลนจะขยายแบรนด์ Lig ให้มีชิ้นงานที่ทำจากวัสดุอื่นๆ นอกเหนือจากผ้าบ้าง และหวังว่างานดีไซน์ขอพวกเขาจะช่วยซัพพอร์ตปัญหาขยะในอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ด้วย

    นัดดาวพูดติดตลกว่า คนรอบตัวมีผ้าห่มกันหมดแล้ว คงถึงเวลาที่ Lig ต้องขยายตลาดและสินค้าให้มีความหลากหลายกว่าเดิม

    พวกเขาจำหน่ายสินค้าบนออนไลน์เป็นหลักและฝากขายตาม Selected Shop บางแห่ง เพื่อให้คนที่สนใจแวะเข้ามาชมสินค้าจริง ขณะที่โซเชียลมีเดียช่วยให้ก็สินค้าของแบรนด์ออกสู่สายตาของผู้คนได้ง่ายขึ้น

    "ตอนนี้เราขายบนออนไลน์เป็นหลัก เพราะสินค้าส่วนใหญ่ของเราเป็นผ้าห่ม ถ้ามันไปพับอยู่กับเสื้อ แล้วครอปให้ลายเหลือนิดเดียว คนก็คงไม่หยิบออกมาดู ด้วยพื้นที่หน้าร้านที่มีจำกัด ทำให้งานของเรากลืนไปกับสินค้าอื่นๆ แล้วเราก็จะไม่ได้ยอดขายเลย เราพยายามแก้ปัญหาด้วยการทำดิสเพลย์ไป หาที่แขวนให้เขา มันก็ช่วยให้โปรดักซ์รันต่อไปได้ แต่ต้องยอมรับว่าออนไลน์ มันทำให้คนเห็นลายของผ้าเราได้ง่ายกว่าจริงๆ" นัดดาวเล่าถึงประสบการณ์การฝากขายของใน Selected Shop

    แต่สิ่งที่ทำให้สองดีไซเนอร์ต้องยกมือยอมแพ้พร้อมกัน คือ เรื่องเอกสารและการตลาด

    "ตอนแรกที่ขายกันเอง มีสินค้าจำนวนไม่มากมันก็โอเค แต่พอเริ่มมีการฝากขายหรือเข้าระบบห้าง มันต้องมีการเก็บเงิน ทำบัญชี ติดบาร์โค้ด ขอบาร์โค้ด เข้าไปครั้งแรก เราไม่รู้เรื่องเลยว่า ต้องไปปริ้นท์บาร์โค้ดก่อน แล้วค่อยเอากลับมาติดที่กล่อง ก่อนเอาไปส่งหน้าร้าน ก็วิ่งวนอยู่หลายรอบเหมือนกัน" นัดดาวพูดไปหัวเราะไป

    "เอาจริงๆ อะไรที่นอกเหนือจากการออกแบบ ความสวยงามแล้ว เราก็ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ถ้าเป็นตอนออกแบบ ผลิต หรือทำอาร์ตเวิร์ก เราโอเคมาก แต่พอออกบูทเราจะรู้สึกว่ามันยาก ถ้าอยากขายดีก็อาจจะต้องเก็บตัวเองไว้ แล้วให้คนอื่นขายแทน ส่วนเรื่องเอกสารและงานหลังบ้านก็.. เห้อ.. เหนื่อยใจจัง" ตุลย์พูดปิดท้าย ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นทั่วห้อง

    ปัจจุบัน นัดดาวและตุลย์มีเพื่อนอีกหนึ่งคนมาช่วยดูแลบัญชีและการตลาดให้กับแบรนด์แล้ว พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องงานเอกสารอีกต่อไป และมีเวลาไปดูแลการออกแบบและการผลิตอย่างเต็มตัว

    ก่อนที่แบรนด์เล็กๆ นี้จะส่งมอบงานศิลปะที่เข้าถึงง่าย ไปเติมเต็มความรื่นรมย์และความอบอุ่นให้บ้านของคุณไม่เหงาอีกต่อไป

นิษณาต นิลทองคำ

กองบรรณาธิการที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ชอบคุยกับผู้คน ท้องฟ้า และเสียงดนตรี เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฟังเพลง ที่บางทีก็ปล่อยให้เพลงฟังเรา

จรูญรัฐ วิธูสุวรรณ

อดีตช่างภาพนิตยสาร มาเปิดบริษัทของตัวเองได้สักพัก ยังสนุกกับงานถ่ายภาพอยู่เสมอ โดยเฉพาะการถ่ายภาพผู้คน ตอนว่างจะชอบหนีไปเที่ยวตามที่ต่างๆ แก้เบื่อด้วยการถ่ายสถานที่และสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ