แลกเปลี่ยนพลังแห่งการสร้างสรรค์กับ 10 ปรมาจารย์ CAMP G The X Gen

    'เรียนรู้ตลอดชีวิต' ถือเป็นทักษะสำคัญในการเอาตัวรอดของคนยุคนี้ ไม่ว่าคุณจะอายุมากหรือยังเป็นวัยรุ่น เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นลูกน้องหรือเจ้านาย หรือทำงานสาขาใดก็ตาม ทุกคนล้วนต้องติดตามกระแสสังคมและปรับตัวให้เข้ากับโลกที่หมุนวนเปลี่ยนไป ชนิดที่ว่านาทีเดียวก็ช้าไป

    CAMP G คือแหล่งการเรียนรู้ใหม่ที่ไม่จำกัดรูปแบบแค่การเลกเชอร์ในห้องเรียน แต่เป็นการสอนศาสตร์ที่หลากหลาย เข้ากับโจทย์ที่ยุคสมัยหยิบยื่นมาให้ผู้ที่สนใจอยู่เสมอ โปรเจกต์นี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 แล้ว และถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เพราะ CAMP G มาในชื่อ CAMP G The X Gen ประกอบด้วย 6 คลาสเอาใจนักสร้างสรรค์ จาก 10 ผู้สอนผู้คร่ำหวอดในแขนงงานของตัวเองมาอย่างโชกโชน

    ผู้ก่อตั้งโปรเจกต์นี้คือ แก๊ป-คณีณัฐ เรืองรุจิระ และ มะริ-ศิริประภา ค่านคร ทั้งคู่เป็นหัวหอกสำคัญของ G Village ฮับของคนทำงานด้านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ซึ่งพวกเขามีความตั้งใจในการสร้างแหล่งเรียนรู้นี้ เพื่อบ่มเพาะนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ทั้งยังเป็นจุดแลกเปลี่ยนความรู้กันสำหรับคนในแวดวงและคนทั่วไปที่สนใจงานด้านการสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปมากจากการทำงานในอดีต

    แก๊ปมองว่ายุคนี้เป็นยุคที่ไม่มีสูตรสำเร็จ ตัวกลางในการสื่อสารไม่ได้จำกัดแค่สื่อใดสื่อหนึ่ง แต่อยู่ในมือของทุกคน กระบวนการคิดงาน ทำงาน และสื่อสารจึงต้องใช้ความเข้าใจของทุกฝ่าย ส่วนมะริที่คลุกคลีกับวงการเอเจนซีมายาวนาน รู้สึกว่าเทรนด์ปัจจุบันคือ การ X หรือร่วมมือกัน Camp G จึงมีรูปแบบของการแชร์เรื่องราวความรู้กัน เพื่อเติมอาวุธที่จะหยิบออกมาใช้ให้เหมาะกับงานที่ทำอยู่

    "เรานึกถึงคำว่า X เพราะรู้สึกว่ายุคนี้เป็นยุคของการร่วมมือกัน แล้วมันรีเลตถึง X men เพราะเราเชื่อว่าคนทำงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์คือ พวกคุณเป็นเด็ก มีความคิดที่อยากลอง พัฒนาและทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เท่าที่ศักยภาพหนึ่งๆ จะทำได้ในเวลาหนึ่งๆ แล้วพอมาแตกย่อย X เป็นคำที่น่าสนใจ ก็จะนึกถึงคำว่า explore เพราะคนทุกวันนี้ต้องสำรวจองค์ความรู้ใหม่ๆ เสมอ และถ้าเราสำรวจแต่ไม่ทดลอง ก็จะเป็นแค่ observe ที่มีความเชื่อเต็มไปหมด แต่ถ้าเราทดลองหรือ experiment ไปเรื่อยๆ จะมีอาวุธตุนไว้เต็มหลัง สุดท้ายจะเกิดเป็น experience แล้วสังคมจะดีโคตรๆ ถ้าเราแลกเปลี่ยนหรือ exchange ซึ่งอันนี้เป็นวงกลมที่เราจะรอดไปด้วยกัน"

    และต่อไปนี้คือแนวคิดเรื่องคุณสมบัติสำคัญของนักสร้างสรรค์จากทัศนคติของ 9 ผู้สอนในแคมป์นี้ ที่จะช่วยส่งเสริมพื้นฐานด้านการทำงาน ให้ได้ผลลัพธ์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นจากศักยภาพที่มีอยู่ของผู้สร้างสรรค์ผลงานรุ่นใหม่ทั้งหลาย

คลาส WE WILL DOC YOU!
ไก่-ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับสารคดีรางวัลสุพรรณหงส์ จาก '2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว'
ทำงานสร้างสรรค์ต้องรู้จักปรับตัวและยืดหยุ่น
    ผมคิดว่าคนทำงานสร้างสรรค์ต้องรู้จักปรับตัวและยืดหยุ่น ทุกวิชาชีพย่อมมีกฎและวิธีการของตัวเอง เพียงแต่การจะรับใช้โจทย์ที่เราได้รับต้องอาศัยความยืดหยุ่นสูง เปิดกว้าง และคิดสร้างสรรค์ในการตอบโจทย์คนที่มาจ้างงาน ด้วยความที่งานสร้างสรรค์เป็นเรื่องของงานสื่อสาร สุดท้ายแล้วเราก็ทำงานให้คนดู ฟัง อ่าน ซึ่งในฐานะของศิลปะการสื่อสาร ไม่ได้มีเกณฑ์ชี้วัดที่ชัดเจน เราอาจบอกว่ายอดวิว เรตติ้ง หรืออะไรก็ตาม แต่มันวัดได้แค่มิติเดียวคือจำนวน ไม่ใช่ทั้งหมดของการสื่อสาร เมื่อไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนในทุกมิติ และไม่มีเกณฑ์ติดตัวแดงตัวเขียวในแง่ของคุณภาพงาน ไม่ได้พูดถึงกำไรขาดทุนในแง่ของเศรษฐกิจ คุณสมบัติสำคัญในฐานะคนทำงานสร้างสรรค์คือ ซื่อสัตย์กับตัวเอง ประเมินงานของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เราผิดพลาดตรงไหน ต้องแก้ไขยังไง จะหาคำตอบจากคำถามที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นยังไง เปิดกว้างต่อความคิดเห็น จำเป็นต้องมีวินัยในการหาความรู้ ต้องอัพเกรดตลอดเวลา เพราะการทำงานกับคนในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันในหลายๆ มิติ จำเป็นต้องปรับตัว ทำความเข้าใจ หาความรู้ แล้วพัฒนาต่อ
คลาส The Film Master Craft 
นุชี่-อนุชา บุญยวรรธนะ ผู้กำกับมะลิลา (The Farewell Flower)
สร้างสรรค์จากตัวเอง
    คนจะทำงานสร้างสรรค์ได้ ส่วนสำคัญก็คือต้องรู้จักตัวเองเป็นอย่างดีก่อนว่าตัวเองชอบอะไร ศึกษาและทำให้ดี อีกส่วนหนึ่งคือเราต้องรู้จักสังคม คนชอบดูอะไร สนใจเรื่องอะไร เพราะการทำงานมันอยู่ที่คนว่าเราจะเอาเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องที่เราชอบมาเล่ายังไงให้ถูกใจคนจำนวนมากหรือสังคม อีกวิธีหนึ่งคือ เราต้องเอาเรื่องที่สังคมสนใจมาหยิบจับให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เราเล่าออกมาจากส่วนตัวของเรา

ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จากสิ่งใหม่ แต่เป็นการสร้างใหม่

    จริงๆ แล้วเราชอบก๊อปมากเลย หมายถึงว่า เราดูงานของชาวบ้านเขาว่าชอบใช่ไหม แต่จะไม่ก๊อปหนัง เพราะจะชัดเจนมาก แต่เราจะก๊อปอย่างอื่น เช่น ก๊อปองค์ประกอบศิลป์ หรือแพตเทิร์นจากภาพเขียนมาใช้ในการถ่ายหนัง ถ้าก๊อปแบบนี้คนจับไม่ได้อยู่แล้ว จริงๆ แล้วฉันก๊อปคู่สีของ แวน โกะห์ มาไว้ในหนังเรื่องมะลิลา ก๊อปเท็กซ์เจอร์พู่กันเขาในการจัดหญ้าจัดอะไรในเฟรม เราว่าการสร้างสิ่งใหม่อาจไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่หรือใหม่อะไร แค่ถ่ายเทบางอย่างจากศิลปะแขนงหนึ่งมาก็ดูใหม่แล้ว

คลาส Experience Design
เบสท์-วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย และ นัท-นันทวัฒน์ จรัสเรืองนิล ผู้ก่อตั้ง Eyedropper Fill

บริหาร สื่อสาร และจัดการ

    นัท: นอกจากคุณลักษณะความคิดสร้างสรรค์ที่หลายคนรู้แล้ว อีกเรื่องที่สำคัญคือเรื่องการบริหาร ควรจะมีระเบียบด้วยในตัวเอง แล้วก็เรื่องการจัดการ ไม่ว่าจะในตัวเองหรือในทีม ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าจริงๆ แล้วมันก็มีวิธีในการบริหารที่ครีเอทีฟเหมือนกันนะ

    เบสท์: สายงานเรามันคือการทำงานสื่อสาร แต่บางทีเราก็พูดจากสิ่งที่พวกเขาอยากสื่อสาร พูดผ่านแชแนลของเรา หรือบางทีเราก็มีเสียงของตัวเองในการพูดออกไปเลย รู้สึกว่าสกิลนึงของเราเวลาทำงานคือการฟัง หมายถึงว่าการรับฟังคนในหลายๆ ประเภท ทำให้เข้าใจถึงกลุ่มเป้าหมายของคนที่เราอยากจะสื่อสารได้มากขึ้น รวมไปถึงการฟังตัวเองด้วย ไม่ใช่ฟังแค่เสียงคนอื่น

หาความรู้จากการพูดคุย
    เบสท์: เราชอบคุยกับคน อย่างบริษัทเราก็จะมีน้องๆ เวลาเลือกคนมาอยู่ในทีม เรามักจะเลือกคนที่ไม่เหมือนกันมาอยู่ด้วยกัน เพื่อให้เกิดเคมีระหว่างจุลภาค การมาอยู่ด้วยกันน่าจะเกิดบทสนทนา แล้วเราว่าความแตกต่างมันเกิดประโยชน์ ความใหม่ สนุก และเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่เป็นเจ้าของบริษัทด้วย
    นัท: ถ้าเป็นแง่ปัจเจก ปกติก็นั่งอ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์บ้าง และมันก็เป็น DNA ของ Eyedropper Fill อยู่แล้ว ในเรื่องการหาคนที่ต่างจากเรา และมองในสิ่งเดียวกันให้รอบด้าน ฟังหลายๆ ด้าน หลังจากนั้นจะประมวล เห็นค่าอะไรบางอย่าง นำมาพัฒนางานต่อไป

คลาส The Acting Effect

ครูร่ม-ร่มฉัตร ธนาลาภพิพัฒน์ Acting Coach ผู้ก่อตั้ง SPARK DRAMA 

ครูบิว-อรพรรณ อาจสมรรถ Acting Coach ผู้ก่อตั้ง BEW'S ACT-THINGS

ครูกุ๊กไก่-รังสิมา อิทธิพรวณิชย์ Acting Coach ผู้ก่อตั้ง ACTIONPLAY

ใช้ชีวิตและออกไปเจอคนให้หลากหลาย

    ร่ม: คุณสมบัติของการทำงานสร้างสรรค์มีหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน ส่วนตัวเราต้องทำงานกับคน ด้วยตำแหน่งคือ ครูสอนการแสดง เราจะต้องเจอคนที่หลากหลายมากๆ คุณสมบัติที่ค่อนข้างสำคัญสำหรับสายงานคือ ต้องเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ เพราะโลกทุกวันนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ทั้งเจนของคนในอดีตกับปัจจุบัน และคนอีกเจนหนึ่งคือพ่อแม่ของเรา ทุกคนย่อมมีความแตกต่าง ฉะนั้นการที่เรามีใจที่เปิดกว้าง มันช่วยให้เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น แล้วก็หาอะไรใหม่ๆ ได้มากขึ้น

    บิว: สำหรับบิว หัวใจหลักของการที่เราจะมีความคิดสร้างสรรค์ได้คือ เราต้องไม่กลัวที่จะทำผิด เพราะถ้าเรากลัว เราจะไม่กล้าคิดสิ่งใหม่ๆ บางครั้งหลายๆ อย่างที่เราคิดอาจไม่เวิร์กหรืออาจจะเวิร์ก มันคือกระบวนการเรียนรู้ที่เราจะคิดค้นและสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ขึ้นมา เหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก เราไม่มีกรอบของสังคม ความถูกวัดว่าเป็นผู้ใหญ่ เราสามารถที่จะเป็นเด็ก คิดสร้างสรรค์ จินตนาการ คิดสร้างสรรค์ได้เยอะมาก แต่พอเริ่มโตขึ้น หลายๆ คนมีความกลัวผิด กลัวคำตัดสินของคนอื่น ดังนั้น จุดสำคัญของการจะมีความคิดสร้างสรรค์ได้คือ ต้องไม่กลัวที่จะทำผิด

กุ๊กไก่: เวลาเรามีความครีเอทีฟ เรารู้สึกว่าต้องใช้ชีวิต มันต้องออกไปคุยกับคน ออกไปเจอสิ่งใหม่ๆ ออกไปในด้านที่เราไม่คุ้นเคย ในภาวะแบบนั้นจะทำให้บางสิ่งบางอย่างของเราสร้างอะไรออกมาได้    

คลาส The Sound Creator
ต้า-สักกพิช มากคุณ ผู้ร่วมก่อตั้ง RAP IS NOW
เดียร์ T-Biggest เดียร์-ศุภณัฐ ปรีย์วัฒนานันท์ ผู้ก่อตั้ง BEATSWAY
Doii Mountain คนไท พูลลาภ แร็ปเปอร์ผู้คร่ำหวอดในวงการฮิปฮอป

ทบทวน เปิดรับ และเลือกมาปรับใช้

    เดียร์: คุณสมบัติของการที่จะสร้างสรรค์ผลงานควรเริ่มจากตัวเรา โดยเตรียมตัว ทั้งจิตใจและสมองของเราให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ มีทัศนคติแง่บวกเพื่อเปิดรับทุกช่องทาง หลังจากนั้นก็เป็นนิสัยการเรียนรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนสายนี้ต้องมีอยู่แล้ว ต้องใจกว้าง อย่างสายดนตรีก็ไม่ควรจำกัดแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ควรยอมรับและศึกษาทุกแนวทางเพื่อนำมาปรับใช้ประยุกต์ต่อไปครับ

    ต้า: เราจะย้อนกลับไปในโปรเจกต์ที่เพิ่งทำเสร็จ แล้วดูว่าเราอยากเห็นมันดีขึ้นยังไง โดยอาศัยช่องทาง เทคโนโลยี และวิธีการใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้กับสิ่งที่ทำอยู่

    ดอย: สำหรับผม การเรียนรู้ที่ผมชอบมากที่สุด คือการเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย อ่านหนังสือ ดูหนัง มันเหมือนเป็นทางลัดที่ทำให้เรารู้ว่าเขาคิดยังไง มีกระบวนการยังไงที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ เราก็นำสิ่งนั้นมาปรับใช้กับตัวเองครับ

    นอกจาก 5 คลาสนี้แล้ว ยังมีคลาส นิเวศวิทยาการสร้างสรรค์งาน ที่สอนโดย เต๋อ-นวพล ธํารงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับฟรีเเลนซ์ ห้ามป่วย.. ห้ามพัก.. ห้ามรักหมอ อีกด้วย

    ใครที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของคลาสต่างๆ ได้ทาง Camp G


เดือนเพ็ญ จุ้ยประชา

นักเขียนและกองบรรณาธิการที่พบเจอตัวได้ตามหอศิลป์และร้านหนังสือ ชอบกินแซลมอนและชาบู อยากแก่ไปเป็นคุณป้าใจดีและมีฝูงแมวห้อมล้อม