Infographics Lab 203 สตูดิโอออกแบบที่สร้างสรรค์ข้อมูลให้ผู้คนเข้าถึงอย่างเท่าเทียม

    Bangkok Illustration Fair 2023 (BKKIF 2023) เป็นปีที่มีชาวต่างชาติให้ความสนใจสมัครเข้ามาถึง 10 ประเทศ หนึ่งในผู้สมัครที่มีแนวทางการนำเสนอผลงานเฉพาะตัวที่โดดเด่นจนได้เข้ารอบมาคือ Infographics Lab 203 สตูดิโอออกแบบอินโฟกราฟิกจากประเทศเกาหลี โดยมี จาง ซองฮวาน (Jang Sung-hwan) ผู้ก่อตั้งสตูดิโอเดินทางมาร่วมงานด้วยตัวเอง ทีม BKKIF จึงชวนให้เขามาร่วมพูดคุยกับศิลปินต่างประเทศภายในงานร่วมกับอีเมน โล (Emen Lo) จากประเทศจีน และ โทเนีย กัช (Tonia Tkach) ศิลปินจากอิสราเอล ให้ทั้งสามแบ่งปันประสบการณ์การทำงานและมุมมองต่อแวดวงศิลปะในประเทศของตัวเองไว้ สามารถรับชมย้อนหลังได้ทางเพจ Bangkok Illustration Fair 
    ส่วนทีม happening เมื่อได้พบกับ จาง ซองฮวาน ในงาน BKKIF 2023 ก็สัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองและหัวใจที่เปิดกว้างของเขาในฐานะนักออกแบบ แต่เนื่องจากเขาจะต้องรีบเดินทางกลับตามกำหนด เราจึงติดต่อสัมภาษณ์หลังจากนั้น และนำเรื่องราวที่น่าสนใจของเขามาถ่ายทอดไว้ในบทสัมภาษณ์ ซึ่งระหว่างที่พูดคุยกันครั้งนี้เขายังเล่าให้ฟังว่า ตัวแทนจาก GuangZhou International Art Fair เห็นผลงานของเขาจากงาน BKKIF 2023 จึงสนใจเชิญไปร่วมแสดงงานที่ประเทศจีนในปี 2024 ด้วย

    ชวนอ่านความหมายของอินโฟกราฟิกจากนักออกแบบที่ตั้งใจสื่อสารสิ่งที่มีคุณค่าให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นผลงานของ Infographics Lab 203 ประกอบกันแล้ว เราจะดูงานอินโฟกราฟิกได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

คุณช่วยแนะนำตัวและแนะนำ Infographics Lab 203 ให้เรารู้จักหน่อยได้ไหม?
    ผมชื่อ จาง ซองฮวาน ปัจจุบันเป็นซีอีโอของ 203 X Design Studio ผมเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโทสาขาการออกแบบศิลป์ (Virsual Design) จากมหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะที่มีชื่อเสียงในเกาหลีใต้ ผมทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโทเรื่อง การศึกษาเกี่ยวกับระบบการส่งผ่านข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อความ (A Study on Non-Textual Information Transmission Systems) หลังจบการศึกษาผมก่อตั้งทีมข่าวกราฟิก สำนักข่าว ยอนฮับนิวส์ (Yonhap News) ซึ่งเป็นสื่อหลักของเกาหลี และเคยทำหน้าที่อาร์ตไดเรกเตอร์ของชูกันดงอา (Weekly Donga) และ กวาฮักดงอา (Science Donga) ที่หนังสือพิมพ์ดงอาอิลโบ (Donga Ilbo)
    กระทั่ง ค.ศ. 2003 ผมก่อตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ Design Studio 203 ที่อยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย ฮงอิก ต่อมาช่วง ค.ศ. 2009 จึงก่อตั้งนิตยสารท้องถิ่นรายเดือนชื่อ Street H ซึ่งผมได้บันทึกข่าววัฒนธรรมและเรื่องราวของผู้คนละแวกมหาวิทยาลัยฮงอิก จน ค.ศ. 2012 ผมจึงก่อตั้ง Infographics Lab 203 และจัดนิทรรศการกลุ่มอินโฟกราฟิกครั้งแรกของเกาหลีขึ้น
    ตั้งแต่ปี 2018 ผมมีโอกาสนำเสนอผลงานในฮ่องกง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี และได้จัดเวิร์กช็อปอินโฟกราฟิกที่ปักกิ่ง เซินเจิ้น และ ชีอานในประเทศจีน รวมถึง เอาก์สบูรก์ (Augsburg) ในเยอรมนี ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก
    203 ยังเคยได้รับรางวัลเหรียญทองและเหรียญเงินจากรายการประกวดต่างประเทศที่มีชื่อเสียง เช่น Red Dot, Praphis, PRINT Magazine และ Asian Media Awards ด้วย
ช่วยเล่าถึงการจัดเวิร์กช็อปของคุณให้ฟังสักหน่อยได้ไหม?
    เวิร์กช็อปอินโฟกราฟิกของ 203 จะจัดขึ้นเป็นเวลา 4 วัน อย่างที่บอกว่าเราได้จัดเวิร์กช็อปที่ปักกิ่ง เซินเจิ้น และชีอานในประเทศจีน มหาวิทยาลัยเอาก์สบูรก์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เทคโนโลยี (Augsburg University of Technology) ในเยอรมนี และมหาวิทยาลัยหลายแห่งในเกาหลีใต้ ส่วนใหญ่แล้วหากจัดเวิร์กช็อป 4 วัน เราจะใช้เวลา 6 ชั่วโมงต่อวัน ในช่วงเช้าและช่วงบ่าย คุณสามารถสร้างสรรค์ผลงานอินโฟกราฟิกที่ดีได้ จากการเรียนรู้กระบวนการทำอินโฟกราฟิกของ 203 มันเป็นวิธีการที่มีเหตุผลและมีประสิทธิภาพ ซึ่งก้าวข้ามกำแพงด้านภาษา ตัวอักษร และวัฒนธรรม ถ้าผมมีโอกาสได้จัดเวิร์กช็อปที่กรุงเทพฯ ก็คงจะดีเหมือนกัน
สตูดิโอของคุณมีพนักงานกี่คน เล่าถึงพวกเขาสักหน่อยได้ไหม และเราเห็นว่ามีสมาชิกสำคัญที่ชื่อโมโม่ด้วย?
    เรามีดีไซเนอร์ 4 คน นักเขียน 3 คน บรรณาธิการ 1 คน และผู้จัดการโมโม่ โมโม่เป็นแมวที่ผมเก็บมาเลี้ยงจากอพาร์ตเมนต์ของผมตั้งแต่ปี 2016 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็อาศัยอยู่ในออฟฟิศของเรา เข้าประชุมในงานที่เกี่ยวกับการออกแบบ ทำหน้าที่กำกับดูแล เขาชอบมีส่วนร่วม อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกอย่าง และติดคนมากด้วย

    พนักงานของ 203 ทุกคนมีอายุอยู่ในช่วง 20 กว่าปี พวกเขาเป็นหนุ่มสาวและมีจิตวิญญาณแห่งความท้าทายที่แข็งแกร่ง ก่อนที่จะเข้าร่วมบริษัท พวกเขาไม่เคยได้รับการฝึกฝนด้านการออกแบบอินโฟกราฟิกแบบมืออาชีพมาก่อน หลังจากเข้าร่วมบริษัทพวกเขาก็เติบโตเป็นนักออกแบบอินโฟกราฟิกมืออาชีพในที่สุด

คุณมีประสบการณ์เป็นอาร์ตไดเรกเตอร์นิตยสารมากมายมาก่อน ทำไมถึงสนใจทำงานออกแบบอินโฟกราฟิก?
    สตีฟ จ็อบส์ กล่าวไว้ในสุนทรพจน์รับปริญญาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ค.ศ. 2006 ว่า เมื่อเขาเชื่อมโยงจุดต่างๆ มากมายจากประสบการณ์ที่เคยสัมผัส จุดเหล่านั้นกลายเป็นเส้น และเส้นนั้นก็นำพาเขามาสู่ตัวตนในปัจจุบันของเขา
    ผมก็เช่นกัน ผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์แต่ละจุดไว้ ในช่วงหนึ่งจุดเหล่านั้นได้เชื่อมเส้นทางไปสู่การออกแบบนิตยสาร ถึงกระนั้นเมื่อเชื่อมโยงจุดอื่นๆ ไปอีก มันก็นำไปสู่อินโฟกราฟิก ผมสนใจสื่ออย่างนิตยสารและหนังสือพิมพ์ มันไม่ใช่แค่เรื่องการออกแบบเท่านั้น ในฐานะนักออกแบบผมไม่ได้พอใจอยู่เพียงแค่การได้ออกแบบ แต่การได้รวบรวมข้อมูล จัดโครงสร้าง และเจาะลึกข้อมูลเป็นภารกิจที่น่าตื่นเต้นสำหรับผม นอกจากนั้นงานที่ทำให้สิ่งเหล่านั้นสื่อออกมาเป็นภาพอย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายก็สร้างความตื่นเต้นให้กับผมมากเช่นกัน
คุณเริ่มทำ Infographics Lab 203 ได้อย่างไร?
    ค.ศ. 2003 ผมลาออกจากงานสุดท้ายที่หนังสือพิมพ์ดงอาอิลโบ แล้วเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง ผมอยากสร้างสตูดิโอออกแบบและทำงานแบบที่ตัวเองอยากทำ ถึงกระนั้นโลกแห่งความเป็นจริงไม่ง่ายเลย ตอนที่ผมเริ่มทำธุรกิจ ผมอยากวางตัวเป็นบริษัทอินโฟกราฟิกแห่งแรกของเกาหลี แต่ในช่วงเวลานั้นยังไม่มีลูกค้าเกาหลีที่ต้องการงานอินโฟกราฟิกเลย ดังนั้นผมเลยยังรับทำกราฟิกและเป็นบรรณาธิการออกแบบอย่างที่เคยทำมาก่อน แต่งานลูกค้ามักจะทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดี มีหลายสถานการณ์ที่ผมไม่เห็นด้วยในฐานะนักออกแบบ 
    กระทั่งราวๆ ค.ศ. 2010 ก็ถึงเวลาที่อินโฟกราฟิกเริ่มเป็นที่รู้จักในเกาหลี ดังนั้นในปี 2012 ผมจึงจัดนิทรรศการกลุ่มอินโฟกราฟิกร่วมกับรุ่นน้องที่ทำอินโฟกราฟิกในบริษัทหนังสือพิมพ์ด้วยกัน นั่นเป็นช่วงที่ผมก่อตั้ง 203 Infographics Lab ขึ้น แต่ผมก็ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสทำงานอินโฟกราฟิกมากนัก ดังนั้นในเดือนมิถุนายน 2015 ผมจึงเริ่มทำโปสเตอร์อินโฟกราฟิกเดือนละ 1 ชิ้นเป็นโปรเจกต์ส่วนตัว
    ช่วงแรก แม้แต่คนใกล้ชิดผมก็ยังเป็นห่วง เพราะกังวลว่าผมจะผลิตงานที่ยากแบบนี้เดือนละชิ้นได้อย่างไร ถึงกระนั้นเราก็ทำงานออกมาเดือนละชิ้นแบบไม่มีเว้นเลยสักครั้ง จนถึงตอนนี้มีผลงานอินโฟกราฟิกออกมากว่าร้อยชิ้นแล้ว โปสเตอร์ชุดนี้เปิดโอกาสมากมายมาสู่เรา มันทำให้เราได้ร่วมงานประชุมต่างประเทศ ได้จัดเวิร์กช็อปการทำอินโฟกราฟิก และได้รับรางวัลมากมายจากเวทีที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
อินโฟกราฟิกครบรอบ 100 ปีของการประกาศเอกราชวันที่ 1 มีนาคม บรรยายประวัติศาสตร์เมื่อ 100 ปีที่แล้วในประเทศเกาหลี และ พยองยาง แนงมยอน (Pyongyang Naengmyeon) อินโฟกราฟิกที่ทำร่วมกับหนังสือพิมพ์ คยองฮยาง ชินมุน (Kyunghyang Shinmun)
ช่วยเล่าถึงขั้นตอนการทำอินโฟกราฟิกของ 203 Infographics Lab ได้ไหม?
    ผมขอพูดถึงงานออกแบบของเราที่ไม่ได้จำกัดแค่อินโฟกราฟิกเท่านั้น 'บริบทมาก่อน แล้วค่อยออกแบบ' เราเริ่มจากการเก็บรวบรวมข้อมูล จัดหมวดหมู่ วิเคราะห์ และจัดโครงสร้างข้อมูลเหล่านั้นก่อน จากนั้นเราจึงแปลงโครงสร้างข้อมูลนั้นออกมาให้เห็นภาพ
คุณคิดว่ากระบวนการออกแบบอินโฟกราฟิกแตกต่างจากงานออกแบบกราฟิกดีไซน์อื่นๆ ไหม? อย่างไร?
    การออกแบบกราฟิกส่วนใหญ่จะผ่านงานของบรรณาธิการ นักเขียน และคนอื่นๆ มาก่อน จากนั้นดีไซน์ถึงสำเร็จออกมาเป็นผลลัพธ์ อย่างไรก็ตามการออกแบบอินโฟกราฟิกจะถูกทำโดยนักออกแบบ อย่างน้อยสำหรับ 203 ที่เป็นแบบนั้น ทีมออกแบบของเราเป็นคนเลือกหัวข้อ ทำการวิจัย และวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นด้วยตัวเอง 
    ความแตกต่างอย่างมากคือการที่นักออกแบบที่ได้ศึกษาเนื้อหาจะเป็นผู้จัดระเบียบข้อมูลนั้นให้ออกมาเป็นภาพในรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด ผลงานจะต้องบอกความสมบูรณ์ของข้อมูล และความสมบูรณ์ของภาพที่ออกมาย่อมสอดคล้องกับข้อมูลอย่างมากด้วย การทำงานคล้ายกับ Apple ที่เป็นคนทำทั้งระบบ OS และฮาร์ดแวร์ด้วยตัวเอง
คุณเรียนรู้อะไรผ่านการทำอินโฟกราฟิกบ้าง?
    ภาษาและการเขียนเป็นสิ่งที่ได้รับจากการศึกษา ข้อมูลและความรู้ส่วนใหญ่บนโลกก็ถูกถ่ายทอดผ่านภาษาและการเขียน แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนเรื่องการเขียนอ่าน แม้จะพูดภาษาถิ่นของประเทศที่เขาเกิด ก็อาจจะมีความยากลำบากในการทำความเข้าใจกับข้อมูลด้วยการอ่าน อย่างไรก็ตาม ภาพและข้อมูลในเชิงภาพมีข้อได้เปรียบที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องเรียนอะไรมาเลย ผมอาจจะพูดได้ว่ามันมีประสิทธิภาพในการทำให้ข้อมูลเข้าถึงทุกคนอย่างเท่าเทียม ถือเป็นวิธีการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมที่สามารถข้ามกำแพงภาษาและการเขียนได้
จากประสบการณ์ของคุณ อะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับคนที่สนใจออกแบบอินโฟกราฟิก?
    ตอนที่ผมสอนในมหาวิทยาลัย นักศึกษาชอบวาดรูปกันมาก พวกเขาเติบโตมากับความถนัดในด้านนี้ตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้ทักษะด้านการวาดของพวกเขาพัฒนาไปไกลมาก ถึงกระนั้นเมื่อพวกเขาทำการบ้านหรือทำโปรเจกต์ พวกเขามักจะวาดโดยไม่ได้ค้นหาข้อมูลหรือวิเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพมาก่อน หรือไปค้นหาเรฟเฟอเรนซ์จากภาพหรือเลย์เอาต์ต่างๆ จาก Pinterest หรือ Behance หรือแหล่งอื่นๆ นั่นส่งผลเชิงลบต่อกระบวนการออกแบบในทุกสาขา ไม่เฉพาะอินโฟกราฟิกเท่านั้น นั่นคือเหตุผลที่ผมมักจะเน้นย้ำเสมอว่า บริบทก่อน แล้วดีไซน์จะตามมา
    นักออกแบบอินโฟกราฟิกควรให้ความสำคัญต่อการอ่าน จัดหมวดหมู่ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวอักษร คาแรกเตอร์ และตัวเลขก่อน พวกเขาควรวางความต้องการที่จะวาดและจัดเลย์เอาต์ไว้ และให้ความสำคัญกับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งส่วนนี้เป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียนและนักออกแบบรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมา
คุณคิดว่าอะไรคือคุณค่าของงานออกแบบอินโฟกราฟิก?
    ถ้าคุณย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของอินโฟกราฟิก คุณจะพบกับถ้ำ Altamira ในสเปน นั่นเป็นยุคก่อนที่ภาษาและการเขียนถือกำเนิดขึ้น กระทั่งในยุคนั้นยังมีการบันทึกข้อมูลไว้ในรูปแบบภาพวาดเลย หลังจากนั้นเมื่อเกิดภาษาต่างๆ การประดิษฐ์ตัวอักษร และภูมิภาคที่แตกต่างแบ่งแยกการสื่อสารบนโลกออกจากกัน ทั้งตัวอักษร A ในภาษาอังกฤษและตัวอักษรจีน ล้วนมีที่มาจากหัวของวัว แต่กลับมีการออกเสียงและการใช้งานที่แตกต่างกัน
    สิ่งที่น่าสนใจคือไอคอนกลายเป็นเครื่องมือในการสื่อสารของโลกที่มีความหมายอย่างยิ่ง ต้องขอบคุณ GUI ที่เริ่มมีบทบาทตั้งแต่ Macintosh ของ Apple นอกจากไอคอนแล้ว พิกโตแกรมอย่างที่เราเห็นในโอลิมปิกส์และสถานที่สาธารณะต่างๆ ยังทำให้การสื่อสารด้วยภาพมีความเป็นไปได้ 
    สำหรับผม หากไอคอนและพิกโตแกรมเป็นคำ อินโฟกราฟิกคือประโยคหรือชุดข้อมูล มันช่วยลดการพึ่งพาข้อความในการเข้าใจข้อมูล ทำให้เห็นภาพ และเข้าใจง่าย อาจพูดได้ว่า มันทำให้เราเข้าใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ 
    การสร้างความเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติคือคำขวัญของ 203 เป็นเป้าหมายและคุณค่าของอินโฟกราฟิกสำหรับเรา
คุณมองอนาคตของสตูดิโอไว้อย่างไร?
    เมื่อสตูดิโอเริ่มต้นในปี 2003 ชื่อบริษัทคือ Design Studio 203 เมื่อเวลาผ่านไป ผมตระหนักว่า คำว่า 'ออกแบบ' ของเกาหลีใต้ได้สูญเสียความหมายเชิงบวกดั้งเดิมไป ผมรู้สึกว่าความหมายของการแก้ปัญหาของโลกได้จากหายไป แล้วถูกขับเคลื่อนด้วยความต้องการหรือรสนิยมของลูกค้า ดังนั้นในปี 2016 ผมจึงลบคำว่า Design ออกไปจากชื่อบริษัท เหลือเพียง 203 ที่ยังคงอยู่ และเมื่อเราเน้นโปรเจกต์อินโฟกราฟิกมากขึ้น เราจึงเรียกตัวเองว่า Infographics Lab 203
    203 คือเลขห้องของพื้นที่กึ่งใต้ดินที่ผมใช้เป็นสตูดิโอก่อนที่จะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ผมเริ่มต้นธุรกิจภายใต้ชื่อนี้เพื่อไม่ให้ลืมต้นกำเนิดของตัวเอง ผมจะไม่ลืมความหมายของชื่อ 203 และจะบันทึกข้อมูลเชิงบวกและภูมิปัญญาเกี่ยวกับชีวิตของผู้คนในสังคมในรูปแบบภาพต่อไป
    นอกจากนั้น ด้วยงานของเรา เราจะผลิตและขายเนื้อหาหากหลายประเภท ให้สามารถเติบโตไปเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้ รวมถึงสร้างโปรแกรมและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำอินโฟกราฟิกให้กับเยาวชนที่ต้องการเรียนรู้ โดยไม่จำกัดประเทศหรือภาษาใดๆ

ดุสิตา อิ่มอารมณ์

นักเขียน ผู้ใช้พื้นที่ในเวลาว่างไปกับการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ขี่จักรยาน อ่านการ์ตูน เล่นเลโก้ ฯลฯ โดยเชื่อเต็มหัวใจว่าเวลาที่หมดไปกับความรื่นเริงนี้สามารถเติมเต็มชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ