Alamak!: กลุ่มคนศิลปะที่พาศิลปินเอเชียไปสู่ที่ทางระดับโลก

    เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลายคนน่าจะได้ไปนิทรรศการภาพวาดดิจิทัล 感0 – KANZERO ของ วาตาโบกุ (Wataboku) ศิลปินชาวญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักในโซเชียลมีเดีย ณ The Jam Factory กันมาบ้าง ซึ่งถือเป็นโชคดีอย่างมากที่เราได้ไปเดินเล่นที่งาน Art Ground 03 ในวันเปิดงานของนิทรรศการนี้พอดี

    นอกจากจะได้พบตัวศิลปินที่ใส่หน้ากากตลอดเวลาอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาแล้ว เรายังได้พูดคุยกับ โยอิชิ นากามูตะ (Yoichi Nakamuta) ผู้ก่อตั้ง alamak! แพลตฟอร์มสำหรับศิลปินและดีไซเนอร์ฝั่งเอเชียที่ทำให้เกิดนิทรรศการนี้ขึ้น และ อาย-ฐิตา ตุลยาเดชานนท์ หญิงสาวชาวไทยผู้ช่วยของโยอิชิและเป็นผู้รับผิดชอบดูแลงานนี้ ก่อนที่เราจะอุดหนุน Kanzero Book หนังสือรวบรวมผลงานของวาตาโบกุและโปสการ์ดจำนวนหนึ่ง พร้อมกับขอนัดสัมภาษณ์อายเกี่ยวกับความเป็นมาของสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่

    บ่ายคล้อยที่คาเฟ่ ไล-บรา-รี่ (Library) เรากลับมาเจออายอีกครั้ง และได้ทราบว่าเธอเพิ่งทำงานกับ alamak! มาได้ประมาณ 6 เดือนเท่านั้น แต่ด้วยความที่เรียนจบจากคณะศิลปกรรม ทำงานด้านอิลัสเตรชัน และเคยเป็นผู้จัดการแกลเลอรีเล็กๆ มาก่อน จึงทำให้หญิงสาวค่อนข้างมีแต้มต่อที่ดี

    "ทำไมต้อง alamak!" เราตั้งคำถามถึงชื่อแพลตฟอร์มเพื่อศิลปินเอเชียที่เธอทำอยู่
    "คำว่า alamak! เป็นเหมือนคำอุทานคล้ายคำว่า Oh! My God เป็นคำแสดงความตกใจของญี่ปุ่น แต่คุณโยอิชิเขาไปได้ยินคนสิงคโปร์พูดเหมือนกัน แล้วก็ไปได้ยินคนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พูดอีก เขาก็เลยคิดว่า มันต้องเป็นคำที่คนในเอเชียใช้แน่เลย เขาเลยอยากใช้คำนี้เป็นชื่อของทีม เพราะตั้งใจอยากให้มันเป็นสิ่งที่คนเซอร์ไพรส์เวลาไปดูงานอะไร แต่เราก็ไม่เคยได้ยินคนไทยพูดคำนี้นะ" เธอหัวเราะปิดท้าย

    alamak! เริ่มต้นมาจากชายชาวญี่ปุ่น โยอิชิ นากามูตะ ที่คลุกคลีอยู่ในวงการศิลปะมาอย่างยาวนาน เขาเป็นทั้งเจ้าของแกลเลอรี คิวเรเตอร์ คอลเล็กเตอร์ และนักจัดอีเวนต์ศิลปะที่ไม่ได้จำกัดแค่ประเภทใดประเภทหนึ่ง ด้วยความที่เขารักและหลงใหลในศิลปะ บวกกับเป็นคนชอบเดินทาง จึงทำให้หนุ่มใหญ่คนนี้มีเครือข่ายศิลปินและเพื่อนในวงการศิลปะทั่วโลก

    แม้ว่าแพลตฟอร์มนี้จะเริ่มจากสายดีไซน์เป็นหลักก่อน แล้วจึงขยายต่อยอดไปศิลปะสายอื่นๆ alamak! ก็เปิดตัวได้สวยกับงาน Triennale International Exhibition Milan 2016 ที่เป็นเหมือนมหกรรมศิลปะนานาชาติ Biennale ทว่าจัดในพิพิธภัณฑ์ ซึ่ง alamak! ก็ได้พาศิลปินเอเชียไปแสดงงานจนสร้างความฮือฮาแก่ผู้ร่วมงานไม่น้อย แน่นอนว่าหนึ่งในกลุ่มศิลปินเหล่านั้นก็มีศิลปินชาวไทยอย่าง อานนท์ ไพโรจน์ ดีไซเนอร์ฝีมือระดับโลกไปร่วมแสดงผลงานด้วย

    หรือพูดง่ายๆ ก็คือ alamak! เป็นตัวกลางที่พาศิลปินไปแสดงงาน และหาที่ทางให้ผลงานศิลปะของศิลปินรุ่นใหม่ในเอเชียได้รับการมองเห็นมากขึ้นในระดับสากลนั่นเอง

    "ความตั้งใจของคุณโยอิชิในการทำ alamak! คือ เขาอยากจะซัพพอร์ตศิลปินเอเชียรุ่นใหม่ให้เป็นที่รู้จักในฝั่งตะวันตกมากขึ้น เราเป็นคนเอเชียก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องอยู่แค่ในเอเชีย แต่เราเองก็ไม่ได้ปิดกั้นคนตะวันตก จะเป็นแนวแลกเปลี่ยนกันมากกว่า ในกลุ่มเราก็จะมีศิลปินอยู่ประมาณ 20-30 คน เป็นเอเชียหมดเลย ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย และไทย" หญิงสาวที่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญกล่าว

    หลังจากงานนั้น แพลตฟอร์มนี้ก็ยังได้พาเหล่าศิลปินไปจัดแสดงงานอีกหลายนิทรรศการทั้งในเอเชียและยุโรป ก่อนจะได้ร่วมมือกับ The Japan Foundation พาศิลปินที่มีผลงานร่วมสมัยอันสร้างสรรค์จากลายเส้นดิจิทัลมาจัดนิทรรศการโซโล่เป็นครั้งแรกในเมืองไทย และยังถือเป็นงานแรกที่ alamak! ได้มาจัดที่นี่ด้วย

    และนี่ก็คือบทสัมภาษณ์ที่เราได้พูดคุยกับวาตาโบกุ ถึงการมาจัดแสดงงานที่ The Jam Factory ของเขา

คุณรู้สึกยังไงบ้างที่ได้ร่วมงานกับ alamak!

    ผมขอขอบคุณที่พวกเขาตั้งใจช่วยเปิดโอกาสให้เผยแพร่ผลงานผมครับ คิดว่าสิ่งที่พวกเขาช่วยนั้นได้ผลดีมากครับ

หลังจากที่คุณได้จัดแสดงนิทรรศการมาหลายประเทศ ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง

    ช่วงแรกๆ ที่ผมอัพโหลดผลงานในอินเทอร์เน็ต คนที่เขียนคอมเมนต์หรือคำแนะนำต่างๆ ก็คือพวกแฟนๆ ต่างประเทศนั่นเองครับ พอได้มาแสดงงานที่ต่างประเทศ ผมก็เลยรู้สึกว่า ในที่สุดก็เพิ่งได้เจอเพื่อนๆ ที่รู้จักกันมานานแล้วครับ ผลตอบรับแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน สิ่งที่ทำให้ดีใจคือ มีคนมาดูงานมากกว่าที่คิดและพวกเขาส่งกำลังใจให้ผมครับ

ทำไมคอนเซปต์งานของคุณถึงเป็นผู้หญิงในวัยเรียน และเป็นภาพวาดที่ลายเส้นคล้ายมังงะ

    ต้นกำเนิดของผลงานอยู่ที่ความทรงจำของผมเองครับ ช่วงวัยเรียนโดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น ผมเป็นคนซึมซับสิ่งต่างๆ ได้ง่าย ก็เลยได้รับอิทธิพลจากศิลปะและสิ่งต่างๆ เยอะแยะมากมาย เพื่อนๆ หรือศิลปินที่ผมชอบในสมัยนั้น ปัจจุบันก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นผมเลยรู้สึกว่าช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงแห่งการปฏิวัติและมีค่ามากๆ นอกจากนี้พวกเพื่อนๆ และการ์ตูนที่ผมชอบก็มีอิทธิพลต่อการแสดงความทรงจำที่สวยงามในวันนั้นออกมาเป็นผลงานศิลปะด้วยครับ

อยากให้เล่าความประทับใจตอนมาเปิดนิทรรศการที่ไทยให้ฟังหน่อย

    อาจจะเพราะผมวาดหญิงสาวในแบบการ์ตูน หลายคนก็เลยคิดว่า ผลงานผมเหมือนเป็นวัฒนธรรมโอตาคุ แต่จริงๆ แล้วมันมาจากความทรงจำของผม ผมรู้สึกว่าคนที่มาชมนิทรรศการที่ไทยส่วนใหญ่ไม่ได้มองผลงานผมด้วยมุมมองว่าเป็นวัฒนธรรมโอตาคุนะครับ แล้วสถานที่จัดอย่าง The Jam Factory เองก็บรรยากาศดีมาก รวมถึงทีมงานและคนที่มาร่วมงาน ก่อนหน้านี้จำนวนคนไทยที่ติดตามผลงานผมก็ไม่มาก ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะมีคนมาน้อย แต่หลังจากเปิดนิทรรศการที่ไทยครั้งนี้แล้ว จำนวนคนติดตามผลงานที่เป็นคนไทยเพิ่มสูงขึ้น จนกรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองอันดับที่สองที่มีคนติดตามผมเยอะ นี่จึงเป็นหลักฐานให้เห็นว่ามีแฟนใหม่ๆ เกิดขึ้นจากการแสดงงานที่ไทย สุดยอดมากครับ

ในอนาคต คุณมีแผนการอยากทำงานรูปแบบไหนอีกบ้าง

    ที่ผ่านมาก็ทำงานวาดภาพปกนิยาย ภาพอิมเมจของงานอีเวนต์ต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ตอนนี้ก็สนใจทำงานที่สร้างเรื่องราว (Story) หรือมุมมองของโลกอย่างงานเกี่ยวกับเนื้อหาของเกม การ์ตูน และแอนิเมชันครับ ถ้าเป็นงานส่วนตัว ผมคนเดียวก็ทำได้หมด ตอนนี้ก็เลยสนใจงานแบบสร้างโลกใหญ่ๆ ที่ทำเป็นทีมครับ

    นอกจากนี้วาตาโบกุยังได้ไปแสดงงานมาแล้วที่ฮ่องกง และหลังจากนี้ก็จะไปแสดงงานที่สิงคโปร์ต่อ โดยมีผู้ดูแลคนเก่งอย่างสาวอายคอยติดต่อประสานงานและจัดการเรื่องเอกสารทุกอย่างให้ ซึ่งเธอเองก็สนุกและเอนจอยกับงานนี้มาก เพราะถือเป็นการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ และได้พบเจอคนเจ๋งๆ จากทั่วทุกมุมโลก

    "เราคิดว่าเมืองไทยอยู่ในจุดที่กำลังโตขึ้น เราก็อยากจะหาศิลปินมากขึ้น แสดงงานมากขึ้น มันน่าสนุกที่ได้ค้นหาและแสดงงาน อยากรู้ว่าฟีดแบ็กจะเป็นยังไง เราจะลงทุนกับศิลปินคนนี้ไปได้ไกลแค่ไหน เหมือนเราได้โจทย์มาว่า ศิลปินแนวนี้ สถานที่ต้องตรงนี้ จะทำยังไงให้มันมิกซ์กัน อันนั้นคือหน้าที่ขอคิวเรเตอร์ที่จะทำยังไงให้คนชอบ เหมือนเราได้โจทย์มาว่า แจมแฟคฯ นะ งานค่อนข้างมังงะ คนที่ชอบงานสายดีไซน์ เราต้องทำยังไงให้ออกมาเจ๋งวะ อะไรทำนองนี้" หญิงสาวเล่าด้วยแพสชันในการทำงานที่เต็มเปี่ยม

    และเมื่อเราถามถึงเป้าหมายในอนาคตของ alamak! อายก็รีบตอบอย่างกระตือรือร้น

    "เราไม่ได้เน้นที่ไทยที่เดียว แต่ไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกที่ ก็พยายามทำให้ศิลปินในเอเชียเป็นที่รู้จักมากขึ้น ค้นหาศิลปินหน้าใหม่ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น ใครที่สนใจอยากมาร่วมงานกับเราก็ส่งพอร์ตฯ มาได้ เหมือนแกลเลอรีก็ต้องช่วยให้ศิลปินแสดง ศิลปินก็ต้องทำงานออกมาให้แกลเลอรี คิวเรเตอร์ก็ต้องช่วยให้คนมา มันเป็นวัฏจักร ไม่ได้มีใครใหญ่กว่าใคร แค่คนทำงานด้วยกัน แล้วสร้างผลงานออกมาให้คนดูชอบ"

    ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นนิทรรศการที่จัดโดย alamak! ในไทยอีก และคาดหวังอีกเช่นกันว่าจะได้เห็นรายชื่อศิลปินเอเชียในแพลตฟอร์มนี้ที่เป็นคนไทยเพิ่มขึ้น

    สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ alamakproject.com

เดือนเพ็ญ จุ้ยประชา

นักเขียนและกองบรรณาธิการที่พบเจอตัวได้ตามหอศิลป์และร้านหนังสือ ชอบกินแซลมอนและชาบู อยากแก่ไปเป็นคุณป้าใจดีและมีฝูงแมวห้อมล้อม