กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่: แร็ปเปลี่ยนโลก ในวันที่เปลี่ยนตัวเอง

    กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ในวันนี้ ยังเป็นแร็ปเปอร์อารมณ์ดีเหมือนในวันเก่า เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนที่ผมรู้จักกับเขาใหม่ๆ แต่เขาดูสุขุมเยือกเย็นมากกว่าสมัยวัยรุ่น อาจเป็นเพราะวันนี้เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว มีภรรยาและลูกสาวที่น่ารักต้องดูแล ทัศนคติที่มองโลกกว้างขึ้น ทำให้ลายมือในการทำเพลงก็ดูจะมีความลุ่มลึกในการถ่ายทอดมากขึ้น มองย้อนกลับไปดูงานช่วงแรกๆ ของเขา ผมรู้สึกว่ามันช่างแตกต่างกันลิบ

    "ความคิดมันเปลี่ยนไปน่ะพี่ พอโตขึ้น เจออะไรมากขึ้น ไอ้ที่เคยคิดว่าใช่ว่าดี ก็ไม่ใช่ ด้วยความที่ผมเข้ามาในวงการเพลงแบบแก้วที่ไม่มีน้ำเลย ไม่ได้ฟังเพลงฮิปฮอปเมืองนอกเลย Snoop Dogg ยังไม่รู้จักเลย พี่คิดดู" หนุ่มร่างใหญ่หัวเราะขำตัวเอง

    เด็กเชียงรายวัยรุ่นในวันนั้นเดินทางเข้ามาเรียนในเมืองหลวง แล้วก็ตัดสินใจเดินทางตามหาโจอี้บอย (อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต) เพื่อมอบเดโมเทปของตัวเองให้แร็ปเปอร์หมายเลขหนึ่งของประเทศได้ลองฟัง อะไรบางอย่างที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในเดโมเทปม้วนนั้น ทำให้โจอี้บอยเรียกแร็ปเปอร์มือใหม่คนนี้มาอยู่ในสังกัดก้านคอคลับในที่สุด

    "คือมันก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งตรงที่เรากลายเป็นคนมีลายเซ็นไม่เหมือนใครไปเลย เราไม่ได้เอาใครเป็นแบบอย่าง เพราะไม่รู้จักใครเลย คือล้างไพ่แล้วเอาใหม่หมด ช่วงแรกๆ ผมคิดถึงขั้นว่า ต้องทำเพลงให้หยาบคายเข้าไว้ แล้วคนจะชอบ เพราะผมเกิดมาจากจุดนั้นไง จุดที่ร้องเพลงแล้วใช้คำแรงๆ หยาบๆ แล้วคนเฮ ไอ้เราก็นึกว่า 'นี่แหละ ใช่ทางของกูแล้ว' แต่พอเวลาผ่านไปถึงได้พบว่า ความแรง ความขวางโลกของเรา มันไประรานคนอื่น มันคือการไม่ให้เกียรติคนอื่น ถึงได้เรียนรู้และเปลี่ยนทัศนคติ ถึงได้มาทำเพลงอย่าง ราตรีสวัสดิ์"

    ราตรีสวัสดิ์ คือเพลงที่ดังที่สุดของฟักกลิ้งฮีโร่ เพลงที่ทำให้เขาก้าวเข้ามาอยู่ในสปอตไลท์ของวงการบันเทิงไทยอย่างเต็มตัว

    เพลงที่ทำให้คนไทยทุกคนยังไม่ลืม และยังไม่ชินชากับปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ เพลงที่ทำให้เขาก้าวกระโดดจากศิลปินฮิปฮอปที่ดังในวงจำกัด กลายเป็นศิลปินกึ่งเซเลบฯ ที่มีงานโชว์ตัว และงานแสดงหนาแน่นที่สุดคนหนึ่ง 

    "ช่วงนั้นงานเยอะ เงินเยอะ เลยดื่มได้เยอะ จริงๆ เพลง ราตรีสวัสดิ์ ไม่ได้ทำเงินให้ผมนะ แต่มันทำให้ผมมีงาน มีละคร มีหนัง คนก็เริ่มรู้จัก เราก็เริ่มมีเงิน ใช้สุรุ่ยสุร่ายเลย เพราะผมเคยจน คือพี่เชื่อไหมก่อนหน้านี้ตอนออกอัลบั้ม สิงห์เหนือเสือใต้ (2546) อัลบั้มแรกผมโคตรจนเลยนะ ไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ ไม่มีงานจ้าง ไม่มีบ้าน ตอนนั้นผมดันบอกแม่ว่าไม่ต้องส่งเงินมาแล้ว ผมเป็นศิลปินได้ออกเทป เดี๋ยวผมเลี้ยงแม่เอง แต่หารู้ไม่ ตอนนั้นเงินค่าทำเพลงมันยังไม่ออก ก็ไม่มีจะกิน พี่โจ้ (โจอี้บอย) เลยหาอพาร์ตเมนต์ให้อยู่ แกให้เงินผมเอาไปจ่ายค่าเช่าทุกเดือน ผมก็ไม่ได้เอาไปจ่ายหรอก เอามากิน ข้าวก่อนเพราะมันไม่มีเงิน จนค้างค่าเช่าเขาอยู่ 10 เดือน พี่โจ้ถึงได้จับได้ว่าไม่ได้เอาเงินที่แกให้ไปจ่ายค่าเช่า สุดท้ายแกจัดคอนเสิร์ตให้ที่ร้านสองสลึงซึ่งสมัยนั้นเป็นผับดังมาก เพื่อเอารายได้จากคอนเสิร์ตไปจ่ายค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ให้ผม หลังจากนั้นแกไม่ให้ผมอยู่แล้ว" กอล์ฟหัวเราะลั่นให้กับอดีตอันตกต่ำของตัวเอง

    "ตอนนั้นผมก็เลยไม่มีที่อยู่ มีข้าวของใส่กระเป๋าใบเดียวแล้วผมก็อาศัยไปนอนบ้านเพื่อนบ้าง บ้านรุ่นพี่บ้าง เราไปทำงานมา เราไม่มีเงินแล้วดึกมาก รถเมล์ก็ไม่มี เรากลับไม่ได้ เราต้องรอรถเมล์ตอนเช้า ก็ต้องนอนที่ป้ายรถเมล์ รอเพราะไม่รู้จะไปไหน ตอนนั้นใจผมอยากแค่อาบน้ำ โห อยากมีห้องอาบน้ำจังเลย อยากแค่มีที่ซุกหัวนอน คือเข้าใจว่าปัจจัยสี่นี่มันสำคัญแค่ไหน อยากมีเสื้อผ้าสะอาดใส่ยังไม่มีปัญญาเลย นั่นคือตอนที่เป็นศิลปินแกรมมี่เลยนะพี่ แต่ไม่มีบ้านอยู่ จนสุดท้ายแล้ว ผมแม่งย้ายของไปอยู่แกรมมี่ ชั้น 30 มันมีเตียงอยู่ เราแม่งเอาของตั้ง เวลาอาบน้ำลงไปชั้น 29 ชั้นที่แดนเซอร์อาบน้ำกันน่ะ มันจะมีห้องน้ำให้อาบน้ำ หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตอยู่ตรงนั้น นอนที่นั่นอยู่ 2-3 เดือนเลย มีเงินนิดหน่อยก็ซื้อข้าวไข่เจียวกิน ไม่มีเงินก็กินข้าวที่เขากินกันเหลือๆ คือตอนนั้นผมจนขนาดนั้นเลย"

    ใครจะไปคิดว่าเจ้าของเพลงฮิตระดับประเทศอย่างเขา จะเคยไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน คุยกันถึงตอนนี้ ผมสงสัย ว่าชีวิตที่เจออุปสรรคมากมายขนาดนี้ เคยคิดจะเปลี่ยนใจไปทำอย่างอื่นบ้างหรือไม่

    "ผมเคยบอกพี่โจ้ว่าผมจะเลิกแล้ว ตอนนั้นทำอัลบั้มอยู่ด้วยนะ ผมบอกว่าอยากไปเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด คือมันเป็นอาชีพที่อยากเป็นมาตั้งนานแล้ว รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่โชคดีจัง ได้อยู่กับหนังสือทั้งวัน แถมมีคนมาจ้างให้อยู่กับหนังสืออีกต่างหาก คือเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เคยคิดจะไปเป็นคนเขียนหนังสือ ลองไปเป็นครีเอทีฟที่แกรมมี่ แต่สุดท้ายผมก็รู้ตัวว่าสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือการเขียนเนื้อเพลง กูเป็นมือกระบี่ กูใช้กระบี่ ให้ไปจับอาวุธอื่นกูไม่ถนัดแน่นอน"

    แต่หลังจากนั้น เพลง ราตรีสวัสดิ์ ก็เข้ามาทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

    "ผมเขียนมันจากความรู้สึกสะเทือนใจ ได้แสตมป์ (อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข) มาช่วยทำด้วย ปรากฏว่ามันดัง มันคือเพลงที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมเปลี่ยนโลกได้ หลังจากนั้นมา เอาใหญ่เลย บอกตัวเองว่า 'กูจะทำเพลงเปลี่ยนโลก' เพลงเริ่มวิลิศมาหรา เริ่มพูดเรื่องการเมือง เรื่องสังคม อุดมการณ์แรงกล้า ตอนนั้นเมาบ่อยด้วยไง พี่ก็คงจำได้" เขาหัวเราะเขิน

    ผมพอจะยืนยันคำพูดของเขาได้ ช่วงนั้นกอล์ฟเที่ยวแหลก กินแหลก ดื่มแหลก ซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้น จนชีวิตเกือบจะแหลกไปด้วย

    "ได้เงินมาก็ไม่เก็บ ใช้สุรุ่ยสุร่าย เลี้ยงเพื่อน จากที่เคยจนมากๆ พอมีเงิน ก็ให้พ่อให้แม่ ที่เหลือไม่รู้จะเอาไปทำอะไร กินเหล้าดีกว่า ช่วงนั้นอยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้คิดถึงอนาคตอะไร ก็พร่ำเพ้อเรื่องความรัก ความฝันไปตามประสา จะเปลี่ยนโลกไง จะทำเพลงยิ่งใหญ่ สังเกตได้ เพลงของผมช่วงนั้นจะพูดเรื่องยากๆ มีอยู่คืนหนึ่ง เดินเข้าไปในปาร์ตี้ พี่น้องในวงการเขาก็นั่งคุยกันอยู่ เราก็ไปแร็ป ไปเล่าให้เขาฟัง ว่าเราจะเปลี่ยนโลกยังไง สิ่งที่เราจะทำมันยิ่งใหญ่แค่ไหน ในคืนนั้นมีปาล์มมี่ (อีฟ ปานเจริญ) อยู่ด้วย มี่ถามว่า 'ยูจะทำเพลงเป็นภาษาอังกฤษหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ แล้วคนทั้งโลกจะเข้าใจเพลงของยูเหรอ แล้วมันจะเปลี่ยนโลกได้ยังไง' เจอเบรกไปแบบนี้ ผมงงเลย 'เออว่ะ แล้วที่กูพร่ำเพ้อพรรณนามาทั้งหมดนี่มันคืออะไรวะ' คือทำเพลงดังแค่เพลงเดียว คิดอะไรบ้าบอไปไกลถึงขนาดนี้เลย"

    แต่ชีวิตก็พลิกเปลี่ยนผันอีกครั้ง เมื่อเขาได้เจอหญิงสาวผู้ซึ่งกลายมาเป็นคู่ชีวิต และเป็นผู้ที่มอบของขวัญที่มีค่าที่สุดให้กับกอล์ฟ นั่นคือน้องชูใจ ลูกสาวคนเดียวของเขา สำหรับคนที่ใกล้ชิดกับกอล์ฟ จะรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงมากมายหลังจากที่เขามีลูก กอล์ฟเลิกกินเหล้าอย่างเด็ดขาด เลิกสูบบุหรี่ ซื้อทาวน์โฮมเป็นของตัวเอง ทำงานหนักหาเงินมาสร้างครอบครัว แม้จะระหกระเหินอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายเส้นทางความฝันของเขา นำพาเขามายังจุดที่น่าพอใจ

    ถ้าย้อนเวลากลับไป ถ้าเขาคลาดกับโจอี้บอยในวันนั้น ความฝันของเขามันจะตายลงไปหรือไม่ 

    "ไม่ว่ะพี่ ผมมีความรู้สึกว่ายังไงเราก็ต้องมาเป็นแร็ปเปอร์ ผมคงตะเกียกตะกายว่ะ ถึงวันนั้นไม่ได้เจอโจอี้บอย แต่เชื่อเหอะ สักวันผมต้องเจอโจอี้บอยให้ได้"

    ทุกวันนี้นอกจากงานแสดง งานเล่นโชว์แล้ว เขาก็ยังผลิตเพลงออกมาเรื่อยๆ ผมเฝ้าดูเส้นทางเพลงของกอล์ฟอยู่เงียบๆ เสมอมา งานช่วงหลังๆ ของเขาออกมาในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ อย่าง ABC (Feat. Groovybee) เพลงประกอบเกมอย่าง ยิ้มเย้ยยุทธจักร หรือเพลงในโครงการพิเศษอย่าง อาณาจักรนักเลง ส่วนตัวผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าดาบของเขาคมขึ้นเรื่อยๆ ทุกเพลงที่ปล่อยออกมาให้คนฟัง มันกลมกล่อมมากขึ้นกว่าเพลงก่อนหน้า มีการโชว์ท่ายากที่เปล่าประโยชน์น้อยลงๆ แต่กอล์ฟยังมีปมในใจที่ต้องการสะสางให้คลี่คลาย ปมที่มาจากเพลง ราตรีสวัสดิ์

    ความสำเร็จจากเพลง ราตรีสวัสดิ์ นำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะมันเป็นเพลงเดียวของเขาที่ประชาชนรู้จักในวงกว้าง ฟักกลิ้งฮีโร่ออกอัลบั้มเต็มมาแล้วถึง 2 อัลบั้มในนาม สิงห์เหนือเสือใต้ ยังไม่นับซิงเกิลและเพลงโปรเจกต์พิเศษอีกมากมาย แต่เพลงที่ผู้คนจดจำได้จริงๆ กลับมีแค่เพลงเดียว

    "ผมอยากให้คนร้องเพลงผมได้ จำเพลงผมได้ อยากขึ้นคอนเสิร์ตแล้วคนร้องเพลงเราได้ ทวิตเตอร์ผมมีคนตามอยู่สี่แสนกว่าคน เฟซบุ๊กอีกไม่รู้เท่าไหร่ อินสตาแกรมมีหกหมื่นเจ็ดหมื่น แต่ไม่มีใครร้องเพลงผมได้สักคนเดียว ไม่มีใครฟังเพลงผมเลย เวลาผมถามในเฟซบุ๊กผมว่าเคยฟังเพลงนี้ไหมครับ ...ไม่มีเลย กลายเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงแต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยในการเป็นศิลปิน มันเจ็บตรงนี้ คนเขาร้องได้แต่ ราตรีสวัสดิ์ จำฟักกลิ้งฮีโร่ได้ แต่จำเพลงอะไรได้บ้าง ราตรีสวัสดิ์ และ พูดไม่คิด" เพลงหลังนั่นกอล์ฟหมายถึงเพลงของวง Season Five ที่เขาไปฟีเจอริ่งจนกลายเป็นเพลงที่ดังมากๆ อีกเพลงที่มีเสียงของกอล์ฟปรากฏอยู่

    ถึงแม้ทุกวันนี้เขาจะมีชื่อเสียงเงินทอง แต่ความปรารถนาสูงสุดของเขาก็ยังเป็นการสร้างงานศิลปะที่เขาหลงใหลอยู่นั่นเอง

    สำหรับผมแล้ว เพลงของฟักกลิ้งฮีโร่เป็นเพลงที่ดี แต่ธรรมชาติของคนไทยอาจจะชอบเพลงที่ตัวเองร้องตามได้ เพลงไหนที่สามารถตะโกนร้องกันเป็นหมู่คณะในร้านเหล้าได้ จะมีโอกาสดังเป็นพิเศษ ซึ่งเพลงของกอล์ฟไม่มีจุดนี้ เพลงของเขามีเนื้อเพลงที่ลึกล้ำ ภาษาที่ฉวัดเฉวียนดั่งบทกวีที่เขียนด้วยปลายกระบี่ ทำให้มันเป็นเพลงที่ร้องตามยากมาก

    สาเหตุหนึ่งที่เพลง ราตรีสวัสดิ์ เป็นที่จดจำของผู้คน ก็เพราะมันมีท่อนที่เป็นเพลงสละสลวย ถ่ายทอดผ่านเสียงทุ้มนุ่มของ ธีร์ ไชยเดช ถือเป็นท่อนจำในเพลงนี้ที่ทุกๆ คนร้องตามกันได้ ผมถ่ายทอดความคิดนี้ให้กอล์ฟฟัง เขารับรู้ด้วยแววตา และคงนำเรื่องนี้กลับไปครุ่นคิดต่อ

    สำหรับผมแล้ว แร็ปเปอร์ร่างใหญ่ผู้ซึ่งมีอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์บทเพลงที่สวยงามผู้นี้ สมควรมีเพลงที่เป็นอมตะประดับวงการดนตรีของไทยอีกหลายๆ เพลง



บทความนี้ดัดแปลงจากบทความที่เคยตีพิมพ์ในหนังสือ ไม่ทำ ทำไม ของสำนักพิมพ์ happening ที่รวบรวมบทความที่ 10 นักเขียน ไปลงมือสำรวจความฝันของ 10 นักฝัน และเรียบเรียงออกมาเป็นบทสัมภาษณ์ 10 ชิ้น

Favorite Something
  •   A Better Tomorrow 2 (1987), Hero (2002)
  •   ผ่าน - โมเดิร์นด็อก, แผ่นดิน - คาราบาว
  •   คุยกับประภาส (ทุกเล่ม)
  •   โจอี้บอย, ขันเงิน ไทเทเนียม, แอ๊ด คาราบาว

ตวัน ชวลิตธำรง

นักร้อง-นักแต่งเพลงในนาม Portrait เป็นที่รู้จักกันว่าถนัดทำเพลงเศร้า เขาเป็นเจ้าของเพลงฮิต ขอดาว, คนแปลกหน้า, เจ็บจนไม่เข้าใจ และ โลกที่ไม่มีเธอ

ศุภฤกษ์ ภัทราสิทธิโชค

ช่างภาพผู้สนใจแผ่นเสียง การขี่บิ๊กไบค์ และมนุษย์ต่างดาว