Whal & Dolph: Rayon

    ในวันที่สภาพอากาศเริ่มก้าวเข้าสู่ฤดูร้อน การผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศที่คุ้นเคยมักทำให้เรานึกถึงเสื้อผ้าที่ให้ความสบาย หนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งคงหนีไม่พ้นเสื้อฮาวาย กางเกงเล หรือ ผ้าคลุมผมจากผ้าเรยอนที่มีเนื้อผ้าเบาระบายอากาศได้เป็นอย่างดี เต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลาย สามารถสื่อเรื่องราวผ่านลวดลายลงบนตัวผ้าได้อย่างสร้างสรรค์ เปรียบเสมือนบทเพลงในอัลบั้ม Rayon (2560) ของ Whal & Dolph ที่มีท่วงทำนอง เนื้อร้อง และเสียงกีตาร์เบาสบาย ที่พาเราผ่อนคลายเหมือนนั่งอยู่ริมทะเลตอนพระอาทิตย์ตกดิน ช่วยเติมเต็มความอบอุ่นให้กับทุกช่วงเวลาของหน้าร้อนไปด้วยกัน

    "รักน้ำ รักปลา รักวาฬแอนด์ดอล์ฟ" ประโยคยอดฮิตในหมู่แฟนคลับของวงอินดี้ป๊อป Whal & Dolph เจ้าของเพลงที่เราเชื่อว่าคุ้นหูใครหลายๆ คน อย่าง หากมันจะสายเกินไป, นานนาน, เก็บเธอเอาไว้ดูก่อน ฯลฯ ที่หลังจากปล่อยซิงเกิลแล้ว สามารถขึ้นชาร์ตเพลงของคลื่นวิทยุขวัญใจเด็กแนวอย่าง แคทเรดิโอ ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

    เส้นทางการแหวกว่ายในทะเลดนตรีของพวกเขาเริ่มต้นมาจากสมาชิกวง ปอ-กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ หรือที่แฟนคลับเรียกกันว่า 'คุณดอล์ฟ' และ น้ำวน-วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ หรือ 'คุณวาฬ' ทั้งสองต่างเคยทำวงอัลเทอร์เนทีฟร็อกของตัวเองมาก่อนที่จะมาเป็นคู่หูปลากัน ซึ่งทั้งคู่ได้รู้จักกันผ่านเพื่อนๆ ในแวดวงกลุ่มที่เล่นดนตรีด้วยกัน พวกเขาทำผลงานเพลงออกมาผ่านช่องทาง YouTube ซึ่งภาพจำของเราเกี่ยวกับ Whal & Dolph คือเพลงที่มีชื่อพยัญชนะไทยตัวเดียวอย่าง พ (Por) เป็น live session ที่มีผู้ชายสองคนนั่งเล่นกีตาร์โปร่งในห้องบรรยากาศสีน้ำตาล และเพลง โอ๊ย (Ouch!) ที่ขอใช้คำว่าโดนใจตั้งแต่หน้าปกของเอ็มวี เป็นภาพขาวดำมีกลุ่มผู้ชายกำลังอุ้มปลาตัวใหญ่ พร้อมกับเอ็มวีเพี้ยนๆ ที่สร้างการจดจำให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี และยังคงโดนใจกันไปถึงเนื้อเพลง ที่ฟังแล้วก็ชวนให้เราร้อง 'โอ๊ย' ตามไปกับความสัมพันธ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาในเพลงนี้อย่างจริงใจ

    หากนับในเรื่องของอายุการสร้างสรรค์ผลงานเพลงในนามของ Whal & Dolph ที่มีระยะเวลาวงเพียงปีกว่าๆ ในช่วงนั้น อาจถือว่ายังเป็นวงอินดี้ป๊อปรุ่นใหม่ แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นได้เป็นอย่างดีในการสร้างตัวตนของพวกเขา ด้วยดนตรีที่มีเสน่ห์และเนื้อเพลงที่แสนเรียบง่าย จริงใจ และ ลึกซึ้ง ที่มักพูดถึงความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว ทำให้พวกเขาเริ่มมีแฟนคลับจำนวนหนึ่ง และเป็นที่จับตามองของเหล่านักทำเพลง

    หลังจากนั้น ในปลายปี 2560 พวกเขาได้รับการเชิญชวนจาก ต่อพงศ์ จันทบุบผา หรือ พี่บอล วง Scrubb ให้มาร่วมเป็นศิลปินในสังกัดค่ายเพลง What The Duck และออกอัลบั้มเต็มชุดแรกอย่าง Rayon ซึ่งเป็นอัลบั้มที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของความสำเร็จที่ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น จนถึงขั้นนำอัลบั้มกลับมารีเมกในรูปแบบซีดีอีกครั้ง โดยมีหน้าปกที่แตกต่างจากเดิม และในปี 2562 ยังมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชื่อ Whal & Dolph Fish Market ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมาก จนบัตรขายหมดเกลี้ยงทั้งสองรอบการแสดง

    ผ่านไป 6 ปี พวกเขามีกำหนดจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองกันอีกครั้ง วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 โดยกระแสความสนใจจากแฟนเพลงทั้งเก่าและใหม่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันให้เห็นถึงการเติบโตของพวกเขาในวงการดนตรีได้อย่างชัดเจน

    สำหรับเราแล้ว อัลบั้ม Rayon ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ของ Whal & Dolph ได้อย่างโดดเด่น แม้เดิมทีอาจคุ้นชินกับดนตรีอะคูสติกสบายๆ กับกีตาร์โปร่งสองตัว แต่ในอัลบั้มนี้พวกเขาเพิ่มองค์ประกอบของดนตรีที่หลากหลายขึ้น ทั้งเครื่องดนตรีอย่างกีตาร์ไฟฟ้า ดรัมแมชชีน หรือแม้กระทั่งการผสมผสานแนวเพลงเร็กเก ก็ยังมี แต่ก็ยังคงทิ้งความรู้สึกที่ยาวนานหลังฟังจบ ผ่านความเรียบง่ายของเนื้อร้องใน 13 บทเพลงรักครบรส ที่จะมาชวนให้ทุกคนสวมเสื้อฮาวายในหน้าร้อน แล้วไปดื่มด่ำกับบรรยากาศริมทะเลตอนพระอาทิตย์ตกดิน หรือบางคนจะดำดิ่งลงใต้ท้องทะเลกับความลึกซึ้ง ความสับสน ของพวกเขากันไหมนะ

    อย่ามัวรอช้า หันไปหยิบเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ตต์ของคุณออกมา เปิดฟังเพลงในอัลบั้มนี้ แล้วปล่อยให้ทุกท่วงทำนองพาคุณไปผจญภัยในท้องทะเลของคู่หูปลา Whal & Dolph ไปพร้อมกันกับเรา

    เริ่มต้นกับเพลงแรกของ SIDE A เพลงเปิดตัวอัลบั้ม Rayon ที่มีจังหวะสนุกสนานตั้งแต่อินโทรกีตาร์โปร่งในท่อนแรก อาจจะมีแค่เธอ เพลงที่ฟังแล้วก็รู้ได้เลยทันทีว่านี่แหละ วง Whal & Dolph ด้วยเนื้อเพลงที่พูดแทนความรู้สึกแบบตรงไปตรงมาในทุกๆ ท่อน ที่ร้องสลับกันวนไปตลอด 2 นาที "ก็เธอ ที่ทำให้วันนี้ดูแปลกไป จากเดิมที่มันเคยเป็นอยู่" ช่วยเติมความสดใสให้กับวันร้อนๆ จนเผลอยิ้มตามแบบไม่รู้ตัว

"แค่ขอให้เธอบอกฉันที สิ่งที่ทำลงไปมันอาจไม่เหมือนที่เธอต้องการ ก็แค่อยากทำให้เธอสุขใจก็แค่นั้น"

    หลังจากปรับอารมณ์ให้สดใสขึ้นแล้ว เพลง บอกฉันที ก็มาเติมเต็มความน่ารักได้เป็นอย่างดี ด้วยเสียงเปียโนและเสียงร้องที่ใช้เทคนิคแบบ Unison เป็นการร้องให้พร้อมเพรียงกับจังหวะของดนตรี เนื้อเพลงบอกเล่าถึงความรู้สึกของคนที่อยากบอกกับคนรักว่า ถึงสิ่งที่ทำไปอาจไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เธอต้องการ แต่ทำไปเพราะแค่อยากให้เธอมีความสุข หรือถ้าอยากให้ทำแบบไหนก็ช่วยบอกให้เขารู้ทีนะ ที่ฟังแล้วก็รู้สึกเคอะเขินกับความน่ารักแบบซื่อๆ ของเพลงนี้

    ไปต่อกันที่แทร็กที่สาม อย่าง นานนาน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเพลงที่ทำให้หลายคนรู้จักกับวงคู่หูปลา มีกลิ่นอายความเป็นอินดี้ป๊อปอย่างชัดเจน ฟังแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนนั่งอยู่ในบรรยากาศที่ได้สัมผัสลมทะเลเบาๆ เพลงนี้ถูกพูดถึงความหมายว่าที่จริงแล้วเป็นเพลงรักหรือเพลงเศร้า จนกลายมาเป็นวลีที่ ปอ หรือ คุณดอล์ฟ ใช้พูดก่อนเริ่มเล่นเพลงนี้ว่า 'เพลงรักเมื่อฟังกับคุณและเป็นเพลงเศร้าเมื่อคุณจากไป' สำหรับเรา เพลงนี้เป็นได้ทั้งสองอารมณ์ แต่เรามักเปิดฟังในช่วงเวลาที่รู้สึกเศร้ามากกว่า เพราะความทรงจำดีๆ ในเพลงนี้มักอยู่กับเราได้ไม่นานเท่าไหร่นัก
    ถ้ายังไม่แน่ใจว่าอารมณ์ของคุณกับเพลงก่อนหน้านี้จะเป็นเพลงรักหรือเพลงเศร้า ก็ไม่เป็นไร เพราะในแทร็กต่อไปกับเพลง หากมันจะสายเกินไป คุณจะได้สัมผัสเพลงเศร้าที่ไม่ได้มาในดนตรีที่พาให้เราดำดิ่ง หากแต่พูดถึงความสัมพันธ์ที่ต้องยอมรับและทำใจอยู่กับปัจจุบัน ในขณะที่เพลง น้ำตาฟ้า ชวนให้เรานึกถึงช่วงเวลาฝนตก ที่เปรียบเสมือนฟ้าร้องไห้ ด้วยจังหวะดนตรีแนวโฟล์ก และเนื้อเพลงหม่นเศร้า "น้ำตาฟ้า หล่นลงมาในใจฉัน" ท่อนที่บาดลึกถึงความเจ็บปวด และการรอคอยวันที่ฟ้าจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม
    เปลี่ยนไป เป็นเพลงเดียวในอัลบั้มที่ร้องโดย น้ำวน หรือ คุณวาฬ เล่าเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ชีวิตได้เปลี่ยนไปเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวดีขึ้นกว่าเดิม แม้แต่แสงดาวหรือเมฆบนท้องฟ้าก็ยังดูสดใสกว่าที่เคย สำหรับตัวเราแล้ว เพลงนี้เชื่อมโยงกันได้ดีกับแทร็กสุดท้ายของอัลบั้มที่อยู่ใน SIDE B อย่าง มีเธอ พูดถึงความรู้สึกอบอุ่นและโรแมนติกของชีวิตคู่ที่อยู่เคียงข้างซึ่งกันและกัน พร้อมกับเสียงกีตาร์โปร่งนุ่มๆ ของน้ำวนที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก
    มาถึงเพลงสุดท้ายของ SIDE A เพลงที่ทำให้เราตกเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแก๊งปลาตัวยง อย่าง "โอ๊ย" ที่มาพร้อมกับเมโลดี้จังหวะกลองผสมผสานกับบีทฮิปฮอป ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะโยกหัวตามไปกับจังหวะที่ทั้งสนุกและกวนๆ ฟังเนื้อร้องดีๆ ก็ทำให้คิดตามว่าถ้าต้องเจอเหตุการณ์ถูกให้ความหวังจนกลายความสัมพันธ์ที่เราคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ เป็นใครจะไม่อุทานชื่อเพลงนี้ออกมาได้ล่ะ!
    และหากยังว่ายวนอยู่ในความสัมพันธ์ที่ทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ด งั้นเรามาสลับด้านเทปไปที่ SIDE B ถ้ามีใครเข้ามาอีกครั้ง คงได้แต่ภาวนาว่า "แต่เธอก็คงจะไม่ใจร้าย เหมือนคนอื่น" ท่อนพรีฮุกของ เก็บเธอเอาไว้ดูก่อน เพลงที่ขอให้ค่อยๆ ดูใจกันไป ไม่รีบร้อนในความสัมพันธ์ เพราะแผลเก่าที่เคยเจ็บยังไม่หายดี แตกต่างกันกับอีกหนึ่งเพลงที่คำว่า 'เก็บ' ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเก็บรักษาความรู้สึกใหม่ๆ แต่เป็นการเก็บความทรงจำดีๆ จากอดีต ในเพลง ฉันยังเก็บไว้ ที่ได้เสียงใสๆ ของ เอิ๊ต-ภัทรวี มาช่วยถ่ายทอดความอบอุ่นที่ถึงแม้เวลาจะผ่านไป แต่เรื่องราวที่สวยงามเหล่านั้นยังคงอยู่ในใจเสมอ
    บ๊อบ มาร์เลย์ เคยกล่าวไว้ว่า 'ส่วนโค้งเว้าที่สวยงามที่สุดของผู้หญิง ก็คือรอยยิ้มของพวกเธอนั่นแหละ' วลีที่พูดในมิวสิกวิดีโอเพลง ยิ้ม เพลงเดียวใน SIDE B ที่เข้ามาเบรกอารมณ์ ด้วยจังหวะเบาสบาย กับเนื้อหาเพลงที่พูดถึงการตกหลุมรัก เพลงนี้เป็นเพลงที่เราชอบไลน์กีต้าร์ตั้งแต่ช่วงอินโทรก่อนเริ่มเพลง โซโล่กลางเพลง ไปจนถึงจบเพลงเลยทีเดียว ด้วยเมโลดี้ที่ฟังแล้วชวนนึกถึงช่วงเวลาที่กำลังมีความรัก เหมือนหลุดไปในบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินริมทะเลที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติก

    ปิดท้ายด้วยสองบทเพลงที่แทนใจคนรอรัก กับเพลง ละเมอ และ รอให้เธอบอก ซึ่งทั้งคู่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกของคนที่รอในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ละเมอ บอกเล่าเรื่องราวของคนที่ยังฝังใจ และไม่เคยลืมสิ่งที่เคยได้รับจากคนรัก ได้แต่เฝ้ารอทั้งที่รู้ว่าเขาจะไม่มีวันกลับมา ส่วนเพลง รอให้เธอบอก ถ่ายทอดความรู้สึกของคนที่ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าในความสัมพันธ์ได้ เพราะรอให้อีกฝ่ายพูดคำที่ไม่เคยพูดออกมา อย่างคำว่ารัก แต่ว่าการรอคอยในครั้งนี้จะต้องให้รอต่อไปอีกนานแค่ไหนกันแน่

    การพูดถึงความสัมพันธ์ที่หลากหลายทั้งหมดตลอดช่วงเวลา 50 นาที กับบทเพลงทั้ง 13 เพลงในอัลบั้มนี้ ชวนให้เราจินตนาการถึงอารมณ์และความรู้สึกที่เต็มไปด้วย ความรัก ความคิดถึง และการรอคอยได้อย่างลึกซึ้ง เปรียบเสมือนสีสันและลวดลายที่ถูกแต่งแต้มลงไปบนผ้า Rayon อย่างสวยงาม ช่วยสะท้อนช่วงเวลาของชีวิตที่ทุกคนต่างเคยสัมผัสในแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป กลายเป็นเรื่องราวที่ยากจะลืมเลือนตลอดจนสิ้นสุดฤดูร้อน
    อัลบั้มนี้จึงเป็นเหมือนการเตือนใจเราเสมอว่า ทุกความรู้สึกที่เราเคยพบเจอมักมีคุณค่าเสมอ สุดท้ายแล้ว Rayon ของคุณจะมีลวดลายและสีสันเช่นไร คงต้องปล่อยให้ความรู้สึกของคุณช่วยสร้างสรรค์มันขึ้นมาเอง

บุญสิตา อิ่มสูงเนิน

นักศึกษาฝึกงานกองบรรณาธิการที่ค้นพบความสุขจากการเจอเสื้อผ้ามือสองที่สปาร์คจอยกับตัวเอง หลงใหลในเสียงเพลงที่เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจ และความฝันสูงสุดในชีวิตคือการเป็นเจ้าของแมวสีน้ำตาล

นิษณาต นิลทองคำ

กองบรรณาธิการที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ชอบคุยกับผู้คน ท้องฟ้า และเสียงดนตรี เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฟังเพลง ที่บางทีก็ปล่อยให้เพลงฟังเรา