การหมุนของแผ่นเสียงที่นำเข็มวิ่งวนไปตามร่องบรรเลงท่วงทำนองของดนตรีให้คนฟังมากว่าร้อยปีแล้ว นับตั้งแต่การประดิษฐ์เครื่องมือบันทึกและเล่นแผ่นเสียงครั้งแรกโดย โทมัส เอดิสัน จนเวลาผ่านไปการพัฒนาเครื่องเล่นแผ่นเสียงและวัสดุสำหรับใช้ผลิตแผ่นเสียงทำให้ดนตรีเข้าถึงผู้ฟังทุกบ้าน เกิดอัลบั้มที่ส่งอิทธิพลต่อวงการดนตรีแต่ละยุคสมัย และแม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปไกลแค่ไหนเสน่ห์และคุณภาพเสียงแบบแอนะล็อกก็ยังไม่ลบเลือนหายไป

    happening จึงทำนิทรรศการ 'The Groove of Vinyl History: ร่องรอยในประวัติศาสตร์แผ่นเสียง' ที่ชวนทุกคนเดินทางไปสำรวจประวัติศาสตร์ในโลกแผ่นเสียงฉบับรวบรัด พร้อมชวน 5 ศิลปิน ได้แก่ Juli Baker and Summer, pnk.ff, nnene.iie, Khemtit และ Toddyinthemood มาร่วมสร้างสรรค์ภาพวาดจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง สัญลักษณ์ และอัลบั้มที่มีความสำคัญในแต่ละช่วงเวลาในสไตล์ที่แตกต่างกันไป มาจัดแสดงภายในงาน BKK Vinyl Fair 2024 'VINYL FAIR VOL.2' วันที่ 3-6 ตุลาคม 2567 ที่ Asia Hotel Bangkok

    นิทรรศการนี้เราจะพาทุกคนย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของการประดิษฐ์เครื่องเล่นที่ทำให้ดนตรีเข้าถึงผู้ฟังทุกบ้าน การค้นคว้าวัสดุไวนิลซึ่งเหมาะกับการบันทึกเสียง ตลอดจนพาไปทำความรู้จักกับอัลบั้มที่ส่งอิทธิพลต่อแนวดนตรีและวงการเพลงแต่ละยุคสมัย ชวนเต้นรำไปกับเพลงดังยุคดิสโก้ และสัมผัสวัฒนธรรมฮิปฮอปที่แผ่นเสียงมีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์เพลงเป็นอย่างมาก

    ศิลปินคนไหนเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวช่วงตอนใด เรานำมาบันทึกไว้ในโลกออนไลน์ให้ทุกคนได้ชมเช่นกัน

12x12 inch pen on paper

    "An original illustration of 6 significant vinyl players with their basic information."

    เครื่องเล่นแผ่นเสียงเป็นดั่งสื่อกลางที่เชื่อมดนตรีเข้ากับผู้ฟัง จึงมีเครื่องเล่นที่คนรักดนตรีโปรดปรานและได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพเสียงในแวดวงนักเล่นแผ่นเสียงอยู่หลายรุ่น เนเน่-นันทวรรณ แจ่มใส หรือศิลปินที่ใช้ชื่อว่า nnene.iie ได้ใช้ลายเส้นปากกาอันโดดเด่นของเธอ วาดเครื่องเล่นแผ่นเสียงยอดนิยมตลอดกาล 6 รุ่น พร้อมเขียนบรรยายข้อมูลของแต่ละรุ่นไว้ให้อ่านกันด้วย

12x12 inch risograph

    ฟรอยด์-แพรนิกา สินคณารักษ์ เจ้าของคาแรกเตอร์น้องหมาสุดกวนแบรนด์ pnk.ff ที่ใครได้เห็นภาพวาดของเธอจะต้องมีรอยยิ้มและได้รับพลังบวกอยู่เสมอ เธอเป็นผู้นำความคลาสสิกของ His Master's Voice ซึ่งเป็นภาพจำทางประวัติศาสตร์ของวงการแผ่นเสียง มาตีความในมุมมองของตนผ่านผลงานชิ้นนี้

    "ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงจนเทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดดไปสักแค่ไหน ก็ไม่อาจพรากเสน่ห์ของเครื่องเล่นแผ่นเสียงไปได้เลย มันยังดึงดูดผู้คนให้หลงใหลไปกับเสียงดนตรีและเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อยู่เสมอ ความแอนะล็อกของเครื่องเล่นแผ่นเสียงนั้นสามารถทำให้โลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวันช้าลงอีกหน่อย"

12x12 inch digital painting print on paper

    เข็มทิศ วิจิตรวิชิตกุล หรือ Khemtit ลองตีความปกอัลบั้ม Kind of Blue ของ Miles Davis ออกมาในแนวทางของตัวเอง เพราะนอกจากอัลบั้มนี้จะทรงอิทธิพลในวงการดนตรี และมีคุณค่าสำหรับนักสะสมแล้ว เขาเห็นว่า นักดนตรีระดับตำนานที่มาร่วมบันทึกเสียงอัลบั้มนี้ มีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์เสียงดนตรีที่ลงตัว ปกที่เขาวาดขึ้นครั้งนี้จึงไม่ได้มีเพียง Miles Davis เพียงลำพัง

    "ภาพแสดงความเคารพต่อทุกสมาชิกวงในอัลบั้มเมื่อปี 1959 ที่ร่วมกันสร้างดนตรีแจ๊สระดับตำนาน แสงสีฟ้าที่อาบไปทั่วทั้งตัวของนักดนตรีสื่อถึงความลื่นไหลและความสงบเยือกเย็นของคอร์ดดนตรีแบบโมดัลแจ๊ส (modal jazz) ที่พวกเขากำลังบรรเลงอยู่"

12x12 inch acrylic painting on canvas

    หากพูดถึงปกแผ่นเสียงที่เป็นตำนานในวงการดนตรีคงจะต้องมีอัลบั้ม Abbey Road ของ The Beatles เป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน เพราะนอกจากจะใช้เวลาถ่ายภาพเพียง 10 นาที แถมไม่มีชื่อวงอยู่บนปกแล้ว ภาพนี้ยังส่งอิทธิพลข้ามยุคสมัย จนแฟนเพลงทั่วดลกหลั่งไหลกันไปถ่ายภาพบนทางม้าลายย่านแคมเดนของกรุงลอนดอนทุกปี หนึ่งศิลปินที่มีความผูกพันกับ The Beatles คือ ป่าน-ชนารดี ฉัตรกุล ณ อยุธยา หรือ Juli Baker and Summer ซึ่งถ่ายทอดปก Abbey Road ออกมาในผลงานชิ้นนี้ในสไตล์ของตัวเอง

    "ป่านโตมากับอัลบั้มนี้ (Here Comes the Sun and Golden Slumbers are my all time favorite songs.) เพราะ The Beatles เป็นวงโปรดของคุณพ่อ จึงคุ้นเคยกับเรื่องราวและรายละเอียดบนปกนี้เป็นอย่างดี ที่จริงปีที่แล้วป่านไปทำงานอยู่ลอนดอนเดือนหนึ่ง บ้านที่พักก็อยู่ใกล้ๆ Abbey Road ด้วยค่ะ เดินผ่านแทบทุกวัน รู้สึกเซอร์เรียลมากๆ เลยวาด Abbey Road ในความทรงจำของป่านออกมาเป็นภาพนี้ค่ะ"

12x12 inch oil painting on canvas

    เมื่อนักวาดภาพประกอบ Toddyinthemood พา Carole King ศิลปินระดับตำนานจากยุค 70 ข้ามเวลามาอยู่ในโลกปัจจุบัน โดยเขาได้สร้างสรรค์ปกอัลบั้มชุดดัง อย่าง Tapestry (1971) อัลบั้มเดี่ยวชุดที่สองซึ่งถูกนิตยสาร Rollingstone ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ผ่านลายเส้นเรียบง่าย และบรรยากาศสบายๆ ที่ชวนให้คุณอยากย้อนกลับไปฟังบทเพลงของเธออีกครั้ง 

    "i feel the earth mood เพิกเฉยกับปัจจุบัน ยึดติดอยู่กับอดีต โลกรอบข้างกับคนใกล้ตัวเปลี่ยนกันไปหมดแล้ว ความหวัง ความฝันในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่นหล่นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ วันเวลาหมุนผ่านไปอย่างช้าๆ หยิบหูฟังมาสวมฟังเสียงของโลกภายนอก และทบทวนเสียงข้างในของตัวฉันเอง"