เมื่อเปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียง Gadhouse - Brad Black Edition จรดหัวเข็มลงบนแผ่นไวนิลบางเบาให้หมุนวน จังหวะดนตรีและเสียงในท่วงทำนองที่กว้าง ทุ้ม อบอุ่น ส่งผ่านจากร่องเสียงสู่อรรถรสที่แตกต่างจากการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งในยุคดิจิทัลมากนัก ทั้งกระบวนการเล่นของแผ่นเสียงและประสบการณ์ที่ได้รับจากการรับฟัง ทำให้เราใช้เวลาอย่างเต็มอิ่มไปกับการสัมผัสรายละเอียดและความพิถีพิถันของดนตรีจริงๆ
Gadhouse คือแบรนด์ที่ผสานการเล่นและฟังดนตรีสไตล์ย้อนยุคเข้ากับวิถีชีวิตและเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีจุดเริ่มต้นมาจากแนวคิด 'House of Gadgets' ซึ่งเปรียบเทียบแบรนด์เป็นบ้านหลังหนึ่ง ที่แม้เหล่าสมาชิกในบ้านมีคาแรกเตอร์และหน้าที่แตกต่างกัน แต่มีวิถีชีวิตสไตล์เรโทร-โมเดิร์นร่วมกัน โดยมีสมาชิกแรกเริ่มคือเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น Brad Retro นั่นเอง
เพชร-วัชรพล เตียวสุวรรณ์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ Gadhouse ร่วมกับ กอล์ฟ-พิชิต สารมาคม เป็นตัวแทนเล่าย้อนกลับไปถึงความรู้สึกเมื่อครั้งที่พวกเขาเริ่มออกแบบและผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นแรกว่า
"การทำเครื่องเล่นแผ่นเสียงยากทุกขั้นตอนเลย พอเราทำโปรดักต์ขึ้นมาตอนนั้นเรายังไม่มีประสบการณ์อะไรมาก เลยต้องใช้เวลานานเป็นปีในการลองผิดลองถูก เมื่อปล่อยโปรดักต์ออกมาแล้ว เราจะส่งมอบให้ลูกค้าอย่างดีได้ยังไงบ้าง ทุกขั้นตอนมันเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ เกี่ยวเนื่องกับผู้คน เกี่ยวเนื่องกับการจัดการครับ จนถึงวันนี้มันก็ยากตรงที่ว่าเราจะเติบโตต่อไปยังไง"
หลังจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง Brad Retro รุ่นแรกสีเขียวและสีเทาปรากฏตัวให้คนฟังแผ่นเสียงทำความรู้จักสักพัก เทคโนโลยีสำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียงก็พัฒนาขึ้น จึงเป็นที่มาของการออกแบบรุ่น Brad Black Edition เพื่อพัฒนาเครื่องเล่นรุ่น Brad ให้ดียิ่งขึ้น เปรียบเหมือนการก้าวไปข้างหน้าของผู้ที่หลงใหลความคลาสสิกของวันวาน ในหนทางที่เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน
"ดีไซน์ของรุ่นนี้จะเหมือนกับ Brad Retro เลยครับ แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไป เทคโนโลยีในการเล่นแผ่นเสียง การฟังเพลงมันมีอะไรใหม่ๆ ให้เราสามารถเพิ่มเติมเข้าไปในรุ่นนั้นได้ จึงทำรุ่นแยกออกมาเป็น Brad Black Edition เพราะเราผลิตในจำนวนจำกัด"
Gadhouse ใช้คอนเซปต์ Space Age ซึ่งเป็นสไตล์การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปลายยุค 60s พาเหล่านักฟังเพลงไปสัมผัสกับความทันสมัยในช่วงเวลาที่มนุษยชาติเดินทางออกสำรวจอวกาศ แล้วเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานที่เชื่อมเสน่ห์แบบอนาล็อกกับเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าด้วยกัน
"ยุคนั้นจะเป็นยุคอวกาศครับ เป็นยุคที่ผู้คนตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ชอบที่จะนำเหล็กชุบหรือโครเมียมมาเป็นวัสดุในการออกแบบ รุ่นนี้จึงมีสีเทาบวกดำด้านที่มีพื้นผิวดูทันสมัยหน่อย แต่เลือกใช้วัสดุเป็นพลาสติกแบบด้าน ให้มีความทนทานมากขึ้น ลดรอยขีดข่วนระหว่างการใช้งาน นอกจากแบตเตอรี่ในตัว เรื่องฟังก์ชั่นที่เราพัฒนาเพิ่มแล้วใส่เข้าไปในเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะมีบลูทูธเอาต์พุต เป็นการเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธแบบไร้สาย รุ่นนี้เลยเรียกว่าเป็นรุ่น Wireless Edition ครับ คือสามารถยกเครื่องเล่นแผ่นเสียงมา ใส่แผ่นเสียง ต่อกับลำโพงบลูทูธ ฟังเพลงโดยที่ไม่ต้องต่อสายอะไรเลย"
The Evolution of Brad Black Edition
สำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีแบตเตอรี่ในตัว ใช้งานสูงสุดได้ถึง 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังแบบไร้สาย น้ำหนักเบา พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ทำให้ Brad Black Edition ยังคงตัวตนของความเป็นเรโทร แต่บรรจุเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบ Gadhouse ได้อย่างสมบูรณ์
แม้จะเป็นรุ่นที่พัฒนามาจาก Brad Retro แต่กว่าจะสำเร็จออกมาได้ก็ใช้ระยะเวลากว่าครึ่งปีเลยทีเดียว เพราะรายละเอียดและส่วนประกอบต่างๆ ที่ออกแบบไว้ตั้งแต่ต้น ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ลงตัวที่สุด
"ถ้านับจากแบบร่างแรกเลยถือว่าเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ อย่างน้อยเรื่องสีที่เราดีไซน์ไว้ตอนแรกจะมีรายละเอียดต่างๆ ที่พอถึงเวลาผลิตจริงไม่สามารถทำได้ในจำนวนที่เรารับไหว เพราะต้องทำแม่แบบใหม่ หรือต้องสั่งผลิตจำนวนมาก พวกปุ่มอาจจะยังไม่ถูกต้องกับสิ่งที่เราดีไซน์ มีแตกต่างกันบ้าง แต่ตรงนี้เราพัฒนาให้เป็นวัสดุที่เฟอร์เฟคที่สุด และเลือกว่าใช้อะไรที่ยังคงคอนเซปต์ของแบรนด์เหมือนเดิม
ภาพเบื้องหลังการออกแบบรุ่น Brad Black Edition จาก Gadhouse ซึ่งเปิดเผยให้เห็นสีที่ออกแบบไว้แต่ไม่ได้นำมาผลิตจริง
"เราเรียนรู้กันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่ทำโปรดักต์ชิ้นแรก พอปีต่อๆ มาจะใช้ระยะเวลาน้อยลงในการทำโปรดักต์ใหม่แล้ว เพราะเรารู้ขั้นตอนของมัน และเรารู้ว่าเราจะเก็บข้อมูลลูกค้ายังไงเพราะที่จะพัฒนาตัวใหม่ขึ้นมา ตั้งแต่แรกสุดเราอาจะใช้ข้อมูลที่เราเซอร์เวย์ร่วมกับความคิดของตัวเองด้วย เราอาจจะโชคดีที่มีสิ่งที่ต้องการตรงกับลูกค้าเหมือนกัน แต่โปรดักต์หลังๆ เราเริ่มใช้วิธีการถามลูกค้า ถามคู่ค้า หรือกระทั่งโรงงานผู้ผลิตรอบด้าน เพื่อทำความเข้าใจว่าโปรดักต์ใหม่ที่เราทำจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากเท่ากับที่เราคิดหรือไม่ครับ"
Gadhouse เป็นบูทีคแบรนด์ที่สร้างสรรค์สินค้าด้วยความประณีต มีแนวคิดในการออกแบบสินค้าที่มีรูปลักษณ์และฟังก์ชั่นที่ตอบสนองรสนิยมและการใช้ชีวิตของลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่หยุดที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้าแต่ละรุ่นไปตามเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่เสมอ
"เราพูดได้ว่าเราพัฒนาโปรดักต์ทุกล็อตที่เราผลิตครับ ถ้ามีอะไรที่สามารถปรับปรุงหรือพัฒนาได้ เช่น แพ็คเกจจิ้ง หรือ คุณภาพเสียง เราจะพัฒนาตลอด แม้กระทั่งรุ่นเดิม หากเปรียบเทียบเครื่องเสียงในรุ่นที่ราคาเท่ากัน คุณภาพเสียงที่ได้ถือว่าเหมาะสมกับแต่ละรุ่น เพราะเราออกแบบคาแรกเตอร์ให้ตรงกลุ่มนั้นๆ อย่างตัว Brad จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มเล่นไวนิล ลำโพงที่มากับตัวเครื่องจะเหมาะกับห้องนอนประมาณ 30 ตารางเมตร ถ้าพื้นที่เยอะกว่านั้นควรต่อลำโพงแยก แต่ถ้าคนที่มีงบประมาณขึ้นมาหน่อยจะเป็นรุ่น Dean ที่มาพร้อมกับลำโพง Joan ได้เสียงกระหึ่ม มีฟังก์ชั่นการปรับ หัวเข็มเราใช้ของ Audio Technica จากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นสินค้าแต่ละรุ่นเราตั้งราคาไว้ให้คนที่ซื้อไปรู้สึกคุ้มค่า ไม่ใช่การอัพราคาจนแพงเกินคุณภาพ เพราะกระบวนการต่างๆ ในการผลิตเราตั้งราคาที่เหมาะสมไว้ Gadhouse จึงราคาถูกกว่าถ้าเทียบกับแบรนด์ต่างประเทศครับ"
การเดินทางของ Gadhouse - Brad Black Edition ที่ได้รับแรงบันดาลใจเริ่มแรกจากอวกาศ แล้วตกมาสู่แรงดึงดูดในโลกของคนรักแผ่นเสียง อาจจะใช้ระยะเวลาไม่นานเท่ากับเครื่องเสียงรุ่นแรก แต่เป็นเหมือนหนทางในการก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของ Gadhouse ที่จะนำเสนอเทคโนโลยีทันสมัยใหม่ๆ ในรูปลักษณ์วินเทจที่ผู้คนทุกยุคทุกสมัยยังหลงใหลต่อไป
คลิกอ่านข้อมูลและรายละเอียดฟังก์ชั่นต่างๆ ของ Brad Black Edition ได้ที่นี่ Brad Black Edition และติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ Gadhouse ได้ที่นี่ Gadhouse Thailand
ขอบคุณสถานที่ Gadhouse Store Marchwood เอกมัยซอย 12