หากใครมีโอกาสได้ไปเชียงใหม่ เราขอเรียนเชิญให้คุณหาเวลาว่างมาลงเรียนเวิร์กช็อปการปั้นเซรามิกและวาดภาพกับสตูดิโอบรรยากาศเหมือนบ้านในซอยวัดอุโมงค์ ของ ถิง-ชลธิชา สุจริตพินิจ หรือ ถิง ชู นักวาดภาพประกอบนามปากกา Turquoiseting และ เจิน-กฤชนันท์ ศรีระกิจ นักปั้นงานเซรามิกภายใต้ชื่อ Kritsri 

    ทั้งสองคนเปิดสตูดิโอแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นพื้นที่ทำงานด้านเซรามิก ตั้งแต่การปั้นถ้วยชาม ไปจนถึงการปั้นตัวละครต่างๆ โดยเฉพาะแบบหลังที่กำลังได้รับความนิยมอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้จัดเตรียมพื้นที่และอุปกรณ์ไว้รองรับคนที่สนใจจะมาเรียนเวิร์กช็อปในคอร์สต่างๆ ที่พวกเขาได้แบ่งไว้ด้วยกันอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ คอร์สขึ้นรูปดินด้วยแป้นหมุน (Wheel Throwing), คอร์สขึ้นรูปดินด้วยมือ (Hand-building), คอร์สแกะสลักและปั้นดินเป็นตัว (Sculpting) และคอร์สวาดภาพและลงสี (Drawing, Painting) 

    คอร์สทั้งหมดนี้มีระยะเวลาให้ผู้ที่สนใจได้เลือกลงสมัครตั้งแต่ 1-10 วัน (วันละ 3-4 ชั่วโมง) ตามแต่รูปแบบคอร์สที่สมัคร โดยสามารถเลือกได้ตั้งแต่การเรียนแบบตัวต่อตัว จนถึงเรียนเป็นกลุ่มจำนวนพร้อมกันมากสุด 20 คน ซึ่งบรรยากาศภายในคอร์สถูกออกแบบขึ้นมาโดยมีสุนทรียะของผู้เรียนและความชอบของถิงและเจินเป็นตัวตั้งสำคัญ การเวิร์กช็อปจะมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบกับความสุขระหว่างทำ โดยไม่มีการกดดัน หรือการให้คะแนน และหวังให้ผู้ที่มาเรียนได้ค้นพบเอกลักษณ์ของตนเองภายในงาน

    Slow Hands คำที่พวกเขานำมาใช้ตั้งชื่อสตูดิโอนั้น เกิดขึ้นมาจากลักษณะการทำงานของทั้งสองคน ที่อาศัยความเนิบช้าเพื่อให้เก็บรายละเอียดได้อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะกับงานเซรามิกด้วยแล้ว มันไม่สามารถจะเร่งรีบได้ และเรียกร้องความนิ่งจากผู้ปั้นเป็นอย่างมาก

    "งานปั้นเหล่านี้ ตอนเราทำงาน ถ้าวอกแวกมันจะทำไม่ได้ อย่างขั้นตอนการขึ้นรูปดินบนแป้นหมุน มันต้องการความนิ่งของมือ ความนิ่งของตัวเราเอง ที่จะบังคับมือของเราให้ค่อยๆ ดึงดินขึ้นมาให้ได้รูปทรงตามที่เราต้องการ" เจินอธิบายลักษณะการทำงานของเขา

    ขณะเดียวกันงานประเภทนี้ก็ต้องอาศัยความปล่อยวางด้วยเช่นกัน "งานเซรามิก เราคาดหวังอะไรมากไม่ได้ บางครั้งเวลาที่เผาในเตา สีที่ออกมาอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิด บางทีก็มีรอยร้าว..." คล้ายกับคำสอนทางศาสนา สิ่งที่ผู้ปั้นจะทำได้คือมีความสุขกับขณะปัจจุบัน "...แต่กับคนที่มีความสุขทุกขั้นตอนขณะทำ มันก็เหมือนการคลอดลูกตนเอง พอเผาเสร็จ เขาก็จะมามุงดูว่า เฮ้ย นั่นลูกของเขา ถึงแม้ว่าอาจออกมาหน้าตาน่าเกลียด หรือร้าวยังไง หากคนที่ตั้งแต่ตอนปั้นเขารู้สึกว่าตนเองมีความสุข เมื่อผลงานออกมา ยังไงมันก็จะดี และเขาเองก็จะมีความสุข" นี่คือเป็นบทเรียนสำคัญอันหนึ่งที่ถิงได้รับจากการสังเกตลูกศิษย์

    สำหรับด้านงานส่วนตัว ตอนนี้ถิงยังคงเป็นนักวาดภาพประกอบที่ฝากผลงานไว้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ปลาดิบรวมมิตร โดย เรียวตะ ซูซูกิ จากสำนักพิมพ์ a book, พ่อหล่อสอนลูก ผลงานล่าสุดของ อธิคม คุณาวุฒิ จากสำนักพิมพ์ Way กระทั่งภาพประกอบในหนังสือ เดินสู่อิสรภาพ ของ อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ นั้นก็เป็นหนึ่งในผลงานของเธอ ขณะเดียวกันตอนนี้ในส่วนของสตูดิโอ เธอก็รับงานปั้นตัวละครตามออร์เดอร์ สำหรับผู้ที่สนใจจ้างให้เธอปั้น ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่มักจะเข้ามาให้เธอทำ ก็คือการปั้นคาแรกเตอร์ของตัวเอง 

    ส่วนของเจินนอกจากงานปั้นถ้วยชามเซรามิกของตนเองแล้ว เขายังเป็นช่างปั้นผู้ช่วยคนสำคัญให้กับโปรเจกต์ศิลปะของอาจารย์คามิน เลิศชัยประเสริฐ ศิลปินร่วมสมัยชื่อดังของไทยอีกด้วย ซึ่งเอกลักษณ์งานของเจินนั้น แม้ในด้านงานปั้นถ้วยเซรามิกดูผิวเผินแล้วมันอาจจะเหมือนกันไปหมด แต่สำหรับงานของเจิน เอกลักษณ์สำคัญที่เมื่อใครก็ตามที่ได้สัมผัสแล้วจะรู้ได้ทันทีว่านี่คือผลงานเขาก็คือ ความบางเฉียบ เนี้ยบ และน้ำหนักเบา ในผลงานของเขา ซึ่งการจะทำเช่นนี้ได้นั้น ต้องอาศัยความนิ่งและทักษะที่ดีเยี่ยมมากๆ ของช่างปั้นถึงจะทำได้

    ฝีมือจึงไม่ใช่คำถามที่เกิดขึ้นกับสตูดิโอแห่งนี้ และการที่พวกเขากำลังเปิดสอนเวิร์กช็อปอยู่นั้น จึงเป็นโอกาสอันดีมากๆ ของผู้ที่จะได้เข้าไปเรียน

    เราเคยไปนั่งสัมภาษณ์ยาวๆ กับเจินและถิงใน happening 'Love and Piece' มาแล้ว เป็นช่วงเวลาช้าๆ ที่เปี่ยมสุขครั้งหนึ่งของเราจริงๆ และถ้าหากคุณมีโอกาสได้ไปเชียงใหม่ครั้งหน้า ก็อย่าลืมลองไปสัมผัสช่วงเวลาแบบนี้ด้วยการลงเรียนคอร์สของพวกเขาดูนะ