ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดอย่าง ตลาดจริงใจ จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยหากปราศจากมุมมองดีๆ ของทาง เซ็นทรัล กรุ๊ป ที่เป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกไอเดียการทำตลาดแบบนี้ขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน โดยเกิดจากความตั้งใจที่อยากจะมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคมผ่านพื้นที่ตลาดในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ เปิดโอกาสให้กับกลุ่มคนที่ทำงานดีๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องเกษตรกรอินทรีย์ กลุ่มคนทำงานคราฟต์งานอาร์ตฝีมือดี ไปจนถึงเชฟที่ตั้งใจรังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบดีๆ ให้กับผู้บริโภค ได้มีโอกาสและพื้นที่ในการนำเสนอผลงานที่พวกเขาตั้งใจให้กับผู้คนได้มาสัมผัสและรู้จัก รวมไปถึงการใส่ใจเรื่องชุมชน และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
แบรนด์ของจิ๋ว โดย ลุงจิ๋ว ที่ตั้งใจบันทึกสิ่งของและบรรยากาศของประเทศไทยในอดีตเป็นความทรงจำใส่ไว้ในของจิ๋วจำลองต่างๆ ที่ลุงจิ๋วเป็นผู้ทำเองกับมือทุกชิ้น ตั้งแต่ ขนม ผลไม้ อาหารเมนูต่างๆ ที่เราคุ้นเคย รถเข็นขายอาหารข้างทางต่างๆ ที่เราเคยใช้บริการ ไปจนถึงงานจำลองบรรยากาศของร้านค้าในอดีต ตั้งแต่ร้านขายยาสมุนไพรจีน ร้านสภากาแฟในอดีตที่ค่อยๆ เลือนหายไปในปัจจุบัน ที่ลุงจิ๋วค่อยๆ ประดิษฐ์เก็บรายละเอียดทุกชิ้นตั้งแต่ลวดลายบนผนังไม้ที่ตีขึ้นมาเป็นห้องร้าน โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวาง ตู้แช่น้ำเก๊กฮวยที่เราคิดถึง และสิ่งละอันพันละน้อยที่ประกอบสร้างภาพบรรยากาศในความทรงจำให้หวนกลับมาแจ่มชัดอีกครั้งในขนาดจิ๋ว
หนึ่งในสินค้าที่เราชื่นชอบมากๆ มาจากไอเดียการต่อยอดของจิ๋วของลุงจิ๋วให้กลายเป็นเครื่องประดับ อย่าง สร้อยคอที่จี้เป็นรูปปลาว่ายในถุงมัดที่ชวนย้อนวันวานและมีเอกลักษณ์ของวิถีคนไทยสุดๆ
แบรนด์เครื่องประดับของคู่รักกราฟิกดีไซเนอร์ที่ตัดสินใจย้ายชีวิตมาทำงานคราฟต์อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยสายตาของความเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ที่มองเห็นภาพและสร้างสรรค์เส้นสายต่างๆ นี่เองที่ทำให้เครื่องประดับของพวกเขามีรูปทรงที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญเครื่องประดับทุกชิ้นของพวกเขายังเป็นงานทำมือที่พวกเขาค่อยๆ ตั้งใจทำออกมา งานส่วนใหญ่ของทางแบรนด์มีรูปทรงที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเชียงใหม่ สำหรับใครที่ชอบงานแนวนี้ล่ะก็ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
ม่อหมาน คือแบรนด์เสื้อผ้าของคุณแม่ศิลปินที่หลงใหลในงานผ้า และตัดสินใจเลือกผืนผ้าแทนผ้าใบขึงเป็นที่วาดลวดลายในจินตนาการของเธอออกมาโดยใช้เทคนิคเขียนเทียน (บาติก) ก่อนนำผ้าไปย้อมด้วยสีธรรมชาติ ซึ่งเป็นงานที่คุณแม่ทำมาตั้งแต่สมัยเรียนศิลปะและพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เอกลักษณ์ของงานแบรนด์ม่อหมาน คือลวดลายทั้งหมดที่เราเห็นบนเสื้อผ้าแต่ละตัวนั้นมาจากการเขียนเทียนด้วยมือทุกชิ้น ไม่ใช่การปั๊มลาย ทำให้เสื้อแต่ละตัวต่างมีเอกลักษณ์ของมันเอง ลวดลายของแบรนด์ม่อหมานนั้นมีตั้งแต่ลายแนวนีโอล้านนาจากไอเดียของคุณแม่ ไปจนถึงลายตัวละครน่ารักๆ อย่าง แมว และ หุ่นยนต์ ที่เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นจากไอเดียของลูกสาว ซึ่งลวดลายต่างๆ เหล่านี้ยังอยู่บนเสื้อที่มีแพตเทิร์นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่คุณแม่เป็นผู้ออกแบบด้วยตนเอง ให้สามารถสวมใส่สบายและยังมีขนาดที่ใส่ได้ทุกคน
ขยับมากันต่อที่โซนถัดไป จริงใจ Farmers Market เชียงใหม่ อีกหนึ่งโซนยอดฮิตที่ผู้คนเชียงใหม่จะมาจับจ่ายเลือกซื้อวัตถุดิบกันทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ ที่นี่คือส่วนตลาดที่ทางจริงใจมาร์เก็ตตั้งใจจะเปิดพื้นที่ให้พี่น้องเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ได้มีโอกาสนำสินค้าเกษตรปลอดสารพิษของพวกเขามาวางขายให้กับผู้ที่สนใจ ที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่มาเลือกซื้อสินค้าในโซน Farmers Market เชียงใหม่ ทุกๆ ร้านคุณจะได้สนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกโดยตรง
ที่โซน จริงใจ Farmers Market เชียงใหม่ แม้จะเป็นโซนเกี่ยวกับผลิตผลเกษตรอินทรีย์ แต่ไม่ได้หมายความว่าที่นี่จะมีแค่เพียงผักปลอดสารพิษเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสินค้าที่ทางเกษตรกรได้นำมาแปรรูปต่อยอดอีกหลากหลายให้คุณได้เลือก รวมถึงเมนูอาหารจากผลผลิตอินทรีย์รสชาติดีและดีต่อสุขภาพให้คุณกินจนอิ่มท้องและสบายใจไม่ต้องกังวลต่อสารพิษต่างๆ เลยสักนิดเดียว
เรือนคำอินออร์แกนิกฟาร์ม
เรือนคำอินออร์แกนิกฟาร์ม เกิดมาจากความคิดเริ่มต้นที่อยากจะรับประทานอาหารดีๆ เพื่อสุขภาพ จึงได้ลงมือเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์และลงมือปลูกด้วยตนเอง โดยเริ่มต้นจากข้าวอินทรีย์ ผักปลอดสารพิษต่างๆ ก่อนที่จะขยับมาลองทำฟาร์มไก่ไข่ทำให้ไข่ทุกฟองที่เรือนคำอินออร์แกนิกฟาร์มนำมาขายที่นี่ปราศจากสารเคมีทุกชนิด และทำให้ไข่ไก่ของพวกเขามีรสชาติที่โดดเด่น เป็นรสชาติของไข่ไก่จริงๆ ที่ไม่ได้มาจากการใช้สารเร่งใดๆ ที่หากินได้ยากขึ้นทุกที และอยากให้ทุกคนได้มาลองซื้อไปทำกับข้าวดูสักครั้ง นอกจากไข่ไก่แล้วเรือนคำอินออร์แกนิกฟาร์มยังมีข้าวอินทรีย์ชนิดต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวอย่าง มิโซะ มาให้ได้เลือกซื้อ และผักตามแต่ละฤดูกาลให้ได้เลือกอุดหนุนกัน
ขนมรังผึ้งถือเป็นหนึ่งในขนมเก่าแก่ในความทรงจำของผู้คนเชียงใหม่ ซึ่งวันหนึ่งคุณแม่ศรีทอนหนึ่งในเครือข่ายเกษตรอินทรีย์มีโอกาสได้ไปพบเตาทำขนมรังผึ้งโบราณเข้า ทำให้คุณแม่ย้อนกลับไปคิดถึงขนมรังผึ้งที่มีโอกาสได้ทานตอนเด็กๆ เธอจึงตัดสินใจซื้อเตานั้นกลับมาพัฒนาสูตรแป้งให้ได้รสชาติเหมือนครั้งเยาว์วัยให้ได้มากที่สุด แค่นั้นไม่พอขนมรังผึ้งที่คุณแม่ทำนั้นจะต้องดีต่อสุขภาพด้วย คุณแม่จึงได้พัฒนาสูตรแป้งที่แปรรูปมาจากข้าวก่ำและข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่ปลูกโดยเครือข่ายเกษตรอินทรีย์มาเป็นส่วนผสมของขนมรังผึ้ง ทำให้ขนมรังผึ้งสูตรของคุณแม่ศรีทอนมีคุณค่าทางโภชนาการและไฟเบอร์ มีความหวานกำลังพอดีจากน้ำอ้อย และไส้ต่างๆ ที่ให้คุณค่าทางอาหารและมาจากผลิตผลอินทรีย์ทั้งสิ้น
ครั้งแรกที่ได้ลองทานขนมครกไรซ์เบอรี่ของร้านบ้านบุษบาทำให้เราแปลกใจในทางที่ดีอย่างมาก เมื่อทางร้านเลือกที่จะพัฒนาสูตรแป้งขนมครกของตัวเองที่ทำมาจากข้าวไรซ์เบอรี่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ที่สำคัญด้วยคุณสมบัติของข้าวไรซ์เบอรี่ยังทำให้ขนมครกที่บ้านบุษบามีความหนึบเฉพาะกำลังดี ผสมกับรสชาติของกะทิที่มาจากมะพร้าวอินทรีย์ที่เธอนำมาคั้นเป็นน้ำกะทิเอง รวมถึงวัตถุดิบโรยหน้าต่างๆ ไม่ว่าจะเผือก ข้าวโพด ต้นหอมที่ล้วนมาจากผลิตผลอินทรีย์ทั้งสิ้น ประกอบกับความหวานมันที่กำลังพอดี ทำให้ขนมครกของบ้านบุษบานั้นทานแล้วดีต่อสุขภาพอีกด้วย
นี่คือร้านค้าที่รวบรวมสินค้าที่ทางทีม Good Goods และ Central Tham (เซ็นทรัล ทำ) หน่วยพัฒนาสังคมของเครือเซ็นทรัล เข้าไปพัฒนายกระดับภูมิปัญญาร่วมกันกับชุมชนงานฝีมือต่างๆ ทั่วทั้งประเทศ จนเกิดออกมาเป็นผลงานภายใต้คอนเสปต์ สินค้าจากภูมิปัญญาไทยในสไตล์สากล ที่ยกระดับงานฝีมือของบ้านเราไปสู่สากลและนำมารวบรวมวางจำหน่ายภายในร้าน Good Goods ซึ่งการสนับสนุนงานทุกชิ้นรายได้จะถูกนำกลับไปช่วยในโครงการพัฒนาชุมชนต่างๆ ต่อไปอีกจำนวนมาก
ตัวอย่างของสินค้าที่วางขายภายในร้าน Good Goods มีตั้งแต่ กระเป๋าสานจากการรีไซเคิลพลาสติกที่ทำร่วมกับสมาคมรวมใจคนพิการจังหวัดอุดรธานี กระเป๋าจากผ้าทอนาหมื่นศรี ภูมิปัญญาการทอผ้าและลวดลายเอกลักษณ์ของวิสาหกิจชุมชนนาหมื่นศรีในจังหวัดตรัง กระเป๋าจากขวดพลาสติก ที่ทำร่วมกับวิสาหกิจชุมชนบ้านวัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ มีกิมมิคเล็กๆ อยู่ตรงป้ายในกระเป๋าที่บอกให้ทราบว่ากระเป๋าใบนี้ผลิตมาจากการรีไซเคิลขวดพลาสติกจำนวนกี่ขวด เสื้อผ้าและกระเป๋าจากกลุ่มทอผ้าและย้อมสีธรรมชาติที่ทำร่วมกับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าบ้านกุดจิก จังหวัดสกลนคร และอีกจำนวนมากที่มาจากโปรเจกต์ดีๆ ที่ทำร่วมกับชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งทุกคนสามารถอ่านเรื่องราวที่มาของสินค้าและภูมิปัญญาของแต่ละชุมชนได้ภายในร้าน
ซูเปอร์มาร์เก็ตสีเขียวแห่งแรกของประเทศไทยที่รวบรวมสินค้าปลอดสารพิษและดีต่อสิ่งแวดล้อมมาให้คุณได้เข้ามาเลือกมากกว่า 1,000 รายการ ตั้งแต่ วัตถุดิบ อาหาร เครื่องดื่ม ฯลฯ ซึ่งเกิดมาจากแนวคิดที่อยากจะให้สินค้าที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อสิ่งแวดล้อมสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยจับมารวบรวมไว้ในรูปของซูเปอร์มาร์เก็ตที่คนคุ้นเคย
นอกจากการเปิดพื้นที่ให้กับคนทำงานคราฟต์ต่างๆ รวมถึงเครือข่ายเกษตรอินทรีย์แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถทำให้สังคมนั้นดีมีความสุข ก็คือ ศิลปะ
ทางจริงใจมาร์เก็ตจึงได้เกิดไอเดียที่จะทำ จริงใจแกลเลอรี ขึ้นมาอยู่กับตลาด เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินที่มีผลงานน่าสนใจได้มีพื้นที่แสดงผลงาน เช่นเดียวกับเป็นพื้นที่ในการนำศิลปินที่มีชื่อเสียงมาแสดงผลงานให้คนได้มีโอกาสมาเข้าชม และการมีแกลเลอรีอยู่กับตลาดนั้นยังเป็นการพาศิลปะให้เข้ามาใกล้ชิดกับผู้คนมากขึ้น ทำให้คนที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าไปชมผลงานในแกลเลอรี หากได้มาเที่ยวที่ตลาดก็สามารถแวะเข้ามาชมผลงานศิลปะได้สะดวกยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้ผลงานของศิลปินได้ถูกชื่นชมในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งทาง จริงใจแกลเลอรี จะมีนิทรรศการศิลปะทุกแขนงหมุนเปลี่ยนให้ได้ติดตามชมกันตลอดทั้งปี
นอกจากตลาดจริงใจที่เปิดทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์แล้ว จริงใจมาร์เก็ตยังมีโซนร้านอาหารที่เปิดให้บริการทุกวัน บอกเลยว่าแต่ละร้านเขาได้รับการการันตีเรื่องรสชาติจากรางวัลต่างๆ มาแล้วทุกร้าน ซึ่งแต่ละร้านต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่สำคัญยังใช้วัตถุดิบที่ดีทั้งจากภายในตลาดจริงใจ และจากเครือข่ายผู้ผลิตที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมทั่วทั้งประเทศ
ร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำหมูและก๋วยเตี๋ยวน้ำเนื้อ ที่พัฒนาสูตรขึ้นใหม่ โดย เชฟแบล็ค-ภานุภน บุลสุวรรณ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากการทำซุปและการตุ๋นแบบฉบับจีนไหหลำที่มีการใส่เครื่องยาจีนต่างๆ ตุ๋นกับเนื้อสัตว์จนน้ำซุปใสมีกลิ่นหอมและรสชาติเฉพาะตัว ซึ่งเชฟแบล็คได้หยิบแรงบันดาลใจตรงนั้นมาพัฒนาต่อให้กลายเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวในแบบฉบับของตนเอง และอยู่ภายใต้คอนเสปต์ 'ก๋วยเตี๋ยวที่จริงใจ' โดยก๋วยเตี๋ยวของเขาจะใช้เครื่องปรุงให้น้อยที่สุด และเน้นรสชาติที่ได้จากวัตถุดิบต่างๆ จากน้ำซุปแทน
หลายคนน่าจะคุ้นชื่อกับร้านเขียวไข่กากันอยู่พอสมควรแล้ว นี่คือร้านอาหารไทยแบบถึงเครื่องที่ได้รับคำชื่นชมและเป็นที่นิยมอย่างมากจากการหยิบเอาสูตรแบบฉบับดั้งเดิมของอาหารไทยมาพัฒนาและนำเสนอ โดยมีเมนูชูโรงอย่าง แกงเป็ดย่างกับผลไม้ แกงที่มีรสกลมกล่อมเฉพาะจากรสของผลไม้ต่างๆ ที่ผสมเข้าไปในรสแกงเผ็ดร้อน แกงชะพลูปู แกงกะทิรสกลมกล่อมกลิ่นหอมจากใบชะพลูและเนื้อปูที่ให้มาแบบเน้นๆ ไข่พะโล้แบบโบราณ ที่ทางร้านไม่ได้ใช้ผงสำเร็จรูปแต่ทำเครื่องเทศขึ้นมาเองและใช้เวลาเคี่ยวจนน้ำเข้าเนื้อจริงๆ และอีกจำนวนมาก
นอกจากเมนูขึ้นชื่อของทางร้านแล้ว เขียวไข่กาจริงใจ ยังพิเศษกว่าสาขาไหนๆ ด้วยการหยิบเอาผลผลิตอินทรีย์จากเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ที่ร่วมกับทางตลาดจริงใจมาใช้ และยังเกิดเป็นเมนูพิเศษเฉพาะที่สาขานี้ อย่าง ปอเปี๊ยะข้าวกล้องผักสดและกุ้ง และ ไก่ทอดหาดใหญ่ห่อตอติย่า ที่ล้วนใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรในตลาดมาทำ
344 VIEWS |
นักเขียน และ ช่างภาพ อิสระ ปัจจุบันชนแก้วอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่จังหวัดเชียงใหม่
ชีวิตผม ชอบการเดินทาง ชอบทำอาหาร และรักการบันทึกความทรงจำด้วยภาพถ่าย