จริงอยู่ที่เพลง
Koisuru Fortune Cookie คุกกี้เสี่ยงทาย ของวง BNK48 ไม่ใช่ผลงานเพลงแรกของวง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเพลงนี้สร้างปรากฏการณ์ให้คนร้องและเต้นกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง รวมถึงทำให้ชื่อเสียงของวง BNK48 โด่งดังในวงกว้าง ถือเป็นหมุดหมายที่ทำให้สมาชิกวงรุ่นบุกเบิกที่หมั่นฝึกซ้อมร่วมกันมารู้สึกได้ว่าความทุ่มเทของพวกเธอเริ่มส่งผลสำเร็จแล้ว
นอกจากผลงานเพลงและวง BNK48 ชื่อของ โมบายล์-พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะเซ็นเตอร์ของเพลงนี้ขณะที่เธอมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น แล้วเธอยังเป็นเซ็นเตอร์ในเพลง
ดีอะ และ
Believers รวมถึงการคว้าอันดับที่ 1 จากงาน BNK48 12th Single Senbutsu General Election ซึ่งเป็นงานเลือกตั้งครั้งที่ 3 ไปครอง ก่อนที่จะประกาศจบการศึกษาหลังจบการแสดงที่เธียเตอร์ BNK48 Team NV 1st Stage 'Theater no Megami' Mobile's Birthday Stage เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ซึ่งทำให้แฟนเพลงใจหายไม่น้อย
ก่อนการแสดงคอนเสิร์ต BNK48 1st Generation Concert "Dan D'1ion และการทำกิจกรรมร่วมกับวง BNK48 จนถึงปลายเดือนธันวาคม 2565 จะสิ้นสุดลง โมบายล์นั่งอยู่เบื้องหน้าของเรา ดวงตากลมโตของเธอสื่อสารว่าพร้อมตอบทุกคำถาม เราจึงชวนเธอมาพูดคุยถึงความชอบที่มีต่อดนตรี สิ่งที่ได้รับจากการเป็นสมาชิกวง BNK48 จนถึงช่วงเวลาที่เธอกำลังก้าวไปสู่เส้นทางใหม่ของการใช้ชีวิตและการทำงานในอนาคตเลยทีเดียว
ความสนใจด้านดนตรีเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร?
น่าจะเริ่มประมาณช่วงประถมค่ะ เป็นเด็กที่ชอบร้องเพลง ชอบเต้น ชอบดูละคร ความใฝ่ฝันคือการทำงานในวงการบันเทิง ตอนเด็กๆ หนูชอบแต่ว่าไม่เคยไปเรียนจริงจัง เป็นเด็กนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ดูยูทูบ หรือมีเพื่อนๆ ที่ชอบแนวทางเดียวกัน โตขึ้นมาหน่อยจะเริ่มจับกลุ่มคัฟเวอร์แดนซ์บ้าง หนูมีความชอบที่เปลี่ยนไปเยอะ แล้วช่วงประถมศึกษาปีที่ 6 หนูชอบคอสเพลย์ ไปเดินตามที่ต่างๆ ที่เขาจัดงาน เก็บเงินซื้อชุด มีเพื่อนมากมายที่เป็นสายคอสเพลย์ด้วยกัน ซึ่งมีการคัฟเวอร์แดนซ์เพลงญี่ปุ่นอย่างจริงจัง มีผู้จัดการอะไรแบบนี้ หรือเวลาไปแข่ง ถ้าเราชนะเราก็ได้เงินมาหารกันด้วย เลยมีความจริงจังมากขึ้น ทำไปได้ปีกว่าๆ ช่วงหนูอยู่ มัธยมศึกษาปีที่ 1 BNK48 มาพอดีหนูเลยสมัครเข้ามา
ช่วงแรกที่สมัครเข้ามาคิดว่า BNK48 เป็นอย่างไร?
เรารู้จัก AKB48 มาก่อน แต่เราไม่คิดอะไร ตอนนั้นเรายังเด็กมาก เราคิดแค่ว่าต้องร้องให้ดี เต้นให้ดี ไม่เคยคิดว่า ถ้าเรามีแฟนคลับเราจะต้องวางตัวอย่างไร ไม่มีความคิดอย่างนั้นเลย พอเข้ามาอยู่ในวงเลยเจอเรื่องถาโถมเข้ามา ตอนเดบิวต์ยังไม่เจอหรอก เพราะจะเป็นการฝึกซ้อมแค่กับตัวเอง แต่ถ้าที่เห็นๆ เลยคือตอนเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย ตอนนั้นหนูอายุ 15 หนูเข้าใจว่า เราแค่ร้องแค่เต้นนี่แหละ แต่อีกสักพักมีเดินสาย เจอสื่อสัมภาษณ์ อยู่ดีๆ ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้วงโตขึ้น แล้วเราเป็นเซ็นเตอร์ในเพลงนั้น ซึ่งเราต้องพูดเยอะ แต่เราไม่รู้วิธีการ ไม่มีข้อมูลในการพูดเลย ทำให้มีกระแสตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไรกับตัวเรา ทำให้เราต้องสู้ ต้องพยายาม ตอนเด็กๆ คิดแค่นั้นเลยว่าจะต้องทำให้ตัวเองดีกว่าเดิม
เวลาผ่านมาจนถึงงาน BNK48 12th Single Senbutsu General Election คิดว่าตัวเองจะได้อันดับที่ 1 ไหม?
เราแข่ง General Election มา 3 ปีค่ะ ปีแรกเราได้ที่ 4 ปีที่ 2 เราก็เลยมีความคาดหวังขึ้นว่าเราอยากอยู่อันดับ 1 ซึ่งเราได้อันดับที่ 5 หนูว่า... มันน่าจะเป็นความฝันที่เป็นจุดสูงสุดของทุกคนค่ะ เหมือนบางคนอยู่เซ็มบัตสึก็อยากติดคามิเซเว่น (Kami 7) คนที่ติดคามิเซเว่นก็อยากได้อันดับที่ 1 อะไรอย่างนี้ ปีต่อไปคนลงน้อยลงจากปีก่อนๆ ก็เลยคิดว่าอาจจะมีสิทธิ์ที่เราจะเลื่อนขึ้นไป เหมือนผลด่วน 2 รอบแรก ได้อันดับอยู่ประมาณ 3-4 เราก็คิดว่าไม่เป็นไร เป็นปีสุดท้ายแล้ว เราคิดว่าไหนๆ เราก็มีความสุข แฟนๆ ทำเต็มที่แล้ว เราไม่อยากให้แฟนๆ ลำบากด้วย เพราะมันจะต้องใช้เงินทุนสูงในการจะขึ้นไปอันดับหนึ่ง แต่พอวันประกาศมันก็พลิกโผ อยู่ดีๆ ก็ขึ้นไปเลย อยากขอบคุณแฟนๆ มากๆ ที่เขามอบสิ่งนี้ให้ หนูพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่รู้ว่าเราทำได้ดีไหม แต่จะพยายามให้ดีที่สุดในแบบของหนู
การได้รับกำลังใจจากแฟนๆ ทำให้โมบายล์แบกรับความคาดหวังไว้ด้วยไหม?
นิดนึงด้วยค่ะ เอาจริงๆ ความยากในงาน General Election คือ เมมเบอร์เครียดส่วนหนึ่งว่าเราจะได้อันดับที่เท่าไร แต่ว่าสิ่งที่เครียดมากที่สุดเป็นการสื่อสารระหว่างแฟนคลับกับเราด้วย บางคนเขาอยากให้เราแสดงความต้องการมากกว่านี้ บางคนก็บอกว่ากลัวน้องกดดัน บางคนก็บอกว่าอยากให้น้องพูดออกมา แล้วเราเป็นคนที่... ใจหนึ่งก็อยากได้ อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากพูดอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจ แล้วทำให้ทุกคนต้องโหวตมาให้เราเยอะๆ มันก็เลยเป็นความยากลำบากตรงนี้นิดนึง เหมือนเขาหวังดีแหละที่อยากให้เราทำแบบนี้ แล้วเลือกอะไรที่เป็นตัวเรา ไม่ฝืนความเป็นตัวเอง คิดว่าอันไหนช่วยได้ จะพยายามทำให้เขาเห็นว่าเราพยายามแล้วนะ เราทำตรงนี้แล้ว ที่มันพีคๆ คือปีที่ 3 นี่แหละ เพราะเป็นปีสุดท้ายแล้วด้วย แฟนคลับจะรู้สึกว่า น้องเอาอย่างไร น้องอยากได้หรือน้องไม่อยากได้ ให้น้องสื่อสารมา เอาจริงๆ ก็เครียดทุกปี ยิ่งปีที่ 2 เหมือนเราต้องบิวด์บางอย่างให้แฟนคลับฮึดสู้ช่วยโหวต ซึ่งเป็นความลำบากใจของเราอีกแล้วที่เราไม่อยากพูด ปีนี้ก็เลยทำเท่าที่ตัวเองทำได้
ตอนนี้ประกาศจบการศึกษาแล้ว โมบายล์มองอนาคตของตัวเองอย่างไร?
หนูชอบร้องเพลง อยากเป็นศิลปินเดี่ยว ถ้าเราจบการศึกษาจาก BNK48 ไป ก็อยากทำเพลงที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาจากตัวตนของเราจริงๆ นอกจากนั้นก็ชอบทำงานเกี่ยวกับด้านศิลปะ ถ่ายรูป อยากลองทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ คาดหวังว่าอยากประสบความสำเร็จในฐานะที่เราเป็นศิลปินเดี่ยวเหมือนกับที่เราอยู่ในวง BNK48 แต่มันเหมือนการเริ่มต้นใหม่เหมือนกัน เริ่มจากศูนย์เลย เพราะถึงแม้ว่าทุกคนอาจจะรู้จัก BNK48 แต่ไม่รู้จักหนูร้อยเปอร์เซ็นต์ขนาดนั้น คิดว่าอนาคตอยากประสบความสำเร็จในอาชีพของตัวเองค่ะ
สิ่งที่โมบายล์ได้รับจาก BNK48 คืออะไร?
ได้พัฒนาทุกๆ ด้านเลย เรื่องร้องเรื่องเต้นเราพัฒนากันอยู่แล้ว มีเรื่องการวางตัว การได้ทำงานเกี่ยวกับวงการบันเทิงมากขึ้น ได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ ทั้งเวลาไปรายการวาไรตี้ งานทางการ มีสมาธิ มีสติ เหมือนเราอยู่โรงเรียนประจำด้วย เราอยู่กับพี่ๆ เพื่อนๆ อยู่ด้วยกันทุกวัน มันจะต้องปรับตัว แล้วอย่างแฟนคลับ จะมีทั้งแบบที่ชอบเราและไม่ชอบเรา
มันเป็นเรื่องการพัฒนาตัวเอง การวางตัวของตัวเอง เราต้องคิดว่า เวลาทำอะไรจะส่งผลเสียกับเราไหม หรือส่งผลเสียให้กับใคร การที่หนูอยู่ BNK48 มาตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 1-6 มันเป็นช่วงชีวิตวัยรุ่นช่วงหนึ่งเลย หนูเลยคิดว่าโตขึ้นทุกอย่าง เหมือนเราเจออะไรที่ร้ายแรงตั้งแต่เด็ก ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น รู้แล้วว่าแบบนี้จะเป็นอย่างไร มีภูมิต้านทานเลยทำให้เราดูโต แล้วเราทำงานก่อนเพื่อนด้วย เลยดูโตกว่าเพื่อน
มีอะไรที่รู้สึกเสียดายบ้างไหม?
ไม่เสียดาย เพราะว่าโชคดีที่หนูเข้าวงมาตอนยังเด็กๆ หลังจากนี้ไปหนูยังคงเป็นวัยรุ่นอยู่ หนูยังสามารถทำเรื่องที่วัยรุ่นทำกันได้อยู่ แล้วไม่ค่อยเสียดายที่เราไม่ได้เล่นกับเพื่อน ไม่ได้เรียนโรงเรียนปกติ รู้สึกว่าแบบนี้ดีแล้ว ถ้าเราอยากทำอะไรก็ไปทำตอนช่วงอายุนั้นได้
ไม่เสียดายเพราะโมบายล์เดินอยู่บนเส้นทางที่ฝันไว้อยู่แล้วใช่ไหม?
ใช่ค่ะ ไม่เครียดมาก อุ๊ย! ไม่ใช่ เครียดมากอยู่ แต่เรายังมีเพื่อนในวงที่เป็นเหมือนเพื่อน เราหยุดงานไปเที่ยวไหนก็ไปกับเพื่อนในวง
ในชีวิต BNK48 ยังมีเป้าหมายไหนที่ตั้งไว้แล้วยังไม่ได้ทำบ้างไหม?
เอาจริงๆ ถ้าที่ตั้งเป้าหมายไว้คือ ทำหมดแล้ว แต่มีส่ิงที่เรายังไม่เคยทำคือ เป็นรุ่นพี่ที่มีความเป็นหัวหน้า เป็นกัปตัน เรายังไม่เคยทำตำแหน่งนั้น แต่ว่าไม่ได้ทำก็ไม่เป็นไร
ในอนาคตที่อยากเป็นศิลปินเดี่ยว โมบายล์บอกว่าต้องเริ่มต้นใหม่ แล้วคิดว่าต้องเริ่มจากอะไร?
หนูชอบร้องเพลง คิดว่าตัวเองมีสกิลแล้ว แต่ว่าเราทำงานในวงมานานมากตั้งแต่เด็ก เรายังมีครอบครัวที่คอยไปไหนด้วยกัน มีพี่ๆ ช่วยดูแล แต่พอเราออกไปแล้วเหมือนเราตัวคนเดียวเลย ซึ่งเราจะต้องเป็นตัวเองให้มากที่สุด ผลงานจะมาจากตัวเราคนเดียว เวลาไปทำงานที่ไหนจะเป็นเราคนเดียว ดังนั้นน่าจะต้องฝึกฝนหรือพัฒนาให้เรามีทักษะที่แน่นขึ้น แล้วก็อย่าลืมในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจจะทำว่าอยากทำอะไร คือเราอยากร้องเพลงนะ พอออกไปแล้วเราอาจจะเจอเรื่องไม่คาดคิด ที่ทำให้เราไม่มีเรี่ยวแรงจะไปทำแล้ว แต่ว่าเราต้องเชื่อไว้ว่าเราเคยมีความฝันนี้ แล้วต้องทำให้สำเร็จ อย่ายอมแพ้ คงต้องเริ่มอย่างนี้
ส่วนตัวโมบายล์ชอบเพลงแบบไหน ถ้าได้ทำเพลงของตัวเองจะทำเพลงแบบไหน?
หนูฟังเพลงหลายแนวมาก จริงๆ ก็อยากทำเพลงแนวที่ชอบฟัง แต่ว่าถ้าเรามองในความเป็นจริง เวลาเราทำเพลง เราต้องเลือกระหว่างสิ่งที่เราชอบกับสิ่งที่เราควรทำ เพลงที่อยู่ในกระแสหรือเข้ากับตัวเองอาจจะไม่เหมือนกัน เราต้องเลือก แต่ไม่ใช่ว่าอันนี้เหมาะกับเรา แต่เราไม่ชอบ ก็ไม่น่าจะดี เพราะถ้าเราทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เราคงจะทำได้ไม่ดี ดังนั้นควรเลือกอันที่เหมาะสมกับเราและเราชอบด้วย ให้มันบาลานซ์กัน
ในอนาคตโมบายล์มองว่าตัวเองอยากเป็นศิลปินแบบไหน?
แค่หนูคิดว่าตัวเองร้องเพลงบนเวทีก็มีความสุขแล้ว คือช่วง BNK48 มันเป็นเพลงที่เราชอบ แต่ไม่ได้ชอบที่สุด แล้วมีเพื่อนเยอะจึงเน้นเต้นมากกว่า ถ้าเราได้เป็นศิลปินเลยน่าจะเน้นร้องค่ะ แค่เห็นว่าเราร้องเพลงคนเดียวบนเวทีก็มีความสุขแล้ว อยากเป็นศิลปินที่ทำเนื้อเพลงที่มาจากตัวเรา อยากเป็นคนที่ถ่ายทอดบทเพลงนั้นด้วยตัวของเรา
ถามถึงเวลาที่อยู่บนเวทีกับเมมเบอร์ทุกคนบ้าง สิ่งที่ได้รับกลับมาจากคนดูคืออะไร?
เหมือนพวกเขาเป็นคนในครอบครัวที่เห็นหน้าค่าตากันบ่อยแล้ว หนูเคยพูดว่าหนูชอบให้แฟนคลับกรี๊ดหนูมากๆ ซึ่งแฟนคลับหนูเป็นรุ่นที่เป็นผู้ใหญ่หน่อย ก็ไม่คิดว่าเขาจะมากรี๊ดให้เรา แฟนคลับคนอื่นยังเป็นวัยรุ่น เขาก็กรี๊ด... ลองคิดภาพคนอายุสามสิบกว่ามากรี๊ดก็ไม่ค่อยมีใช่ไหม แต่พอหนูพูดไปว่าหนูชอบ เขาก็ทำให้หนู แล้วเขากรี๊ดแบบ... ถึงเขาจะมาคนเดียวเขาก็กรี๊ด ปกติบางคนอาจจะกรี๊ดเพราะว่ามีเพื่อน แต่แฟนคลับหนูมาคนเดียวเขาก็ยังกรี๊ดให้หนู (ปรบมือ) พี่พยายามมากค่ะ หนูขอบคุณมาก รู้สึกอบอุ่นมาก หรือตอนนั้นหนูไปรายการที่ต้องพูดสัมภาษณ์บนเวที อย่างหนูนี่นะ? จะไปออกรายการสัมภาษณ์บนเวทีคนเดียว แต่พอได้เห็นแฟนๆ ที่เคยเจอหน้ากันบ่อยๆ เราเลยรู้สึกว่า "โอเค! เราไม่ได้อยู่คนเดียว" ยังมีแฟนๆ ที่คอยมองหน้าเราแล้วให้กำลังใจ "ไปลูก... ไปลูก..." ทำให้เราใจเย็นลงด้วย รู้สึกว่าขอบคุณค่ะ
เราหวังว่าหลังจากนี้ เมื่อโมบายล์เติบโตขึ้นไปเป็นศิลปินเดี่ยวอย่างที่ตัวเองตั้งใจแล้ว เธอจะได้รับความสุขและกำลังใจจากผู้ชม สมกับความรัก ความพยายาม และความตั้งใจของเธอ