แต่ก่อนที่ Palim จะเติบโตมาเป็นแบรนด์ที่มีลายเส้นเฉพาะตัวนี้ ปาล์มใช้เวลาสะสมความสนใจมาตั้งแต่เด็ก เธอเริ่มต้นจากเด็กที่ชอบขีดเขียนกำแพงบ้าน สู่นักเรียนสายวิทย์-คณิตที่ใช้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ในการเรียนวาดรูป จนกลายเป็นนักศึกษาออกแบบและถ่ายภาพ ผู้เติบโตมาเป็นพนักงานบริษัทในช่วงสั้นๆ ก่อนจะตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อมาเป็นนักวาดภาพประกอบอิสระ และมีโอกาสได้จัดแสดงนิทรรศการภาพวาดสีน้ำที่ชื่อว่า UnCOMMON DAY (2017) และ Alone Land (2018) นิทรรศการที่เธอทดลองทำงานบนเฟรมผ้าใบจนเกิดสไตล์ที่เรียบง่ายและเป็นเอกลักษณ์
นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้แต่งหนังสือ ความเงียบ ดังก้อง ในห้องเก็บเสียง ที่รวบรวมถ้อยความคิดและบทกวีที่เธอเคยเผยแพร่ลงในเพจ และเป็นเจ้าของภาพวาดบนหน้าปกเพลงจะมอบความรักของ YEW ที่หลายคนคงจะคุ้นตากันดี ขณะเดียวกัน เธอก็มีอีกหนึ่งบทบาทในการเป็นคนสวนผู้ต่อเติมสีสันให้กับต้นกระบองเพชร จนกลายเป็นงานศิลปะที่เลี้ยงดูให้เติบโตได้อีกด้วย
"ตอนเด็กๆ เราชอบใช้ดินสอสีมาวาดรูปตามกำแพง ตัดกระดาษมาแปะเป็นรูปสัตว์ คิดย้อนกลับไปก็ดีใจนะที่ไม่ถูกแม่บ่น" ปาล์มเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการชอบวาดรูป เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดต่อว่า "พอช่วงเข้ามัธยม เราเรียนต่อสายวิทย์-คณิต ทำให้ห่างจากงานศิลปะไปบ้าง จนช่วงมัธยมปลายเราเริ่มรู้ตัวว่าไม่เหมาะกับสายวิทย์เท่าไหร่ เลยใช้เวลาว่างวันหยุดไปเรียนพิเศษศิลปะ ด้วยความที่พี่เขาสอนสนุกและชอบพาเราไปวาดรูปนอกสถานที่ด้วย เรายิ่งรู้่สึกชอบงานศิลปะมากๆ"
ปาล์มเข้าศึกษาต่อด้านการถ่ายภาพที่โครงการร่วมบริหารหลักสูตรมีเดียอาตส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความชอบที่ควบคู่มากับการวาดรูปในเวลานั้น นั่นเป็นช่วงเวลาที่ปาล์มได้ค้นพบทั้งสิ่งที่ตัวเองถนัดและไม่ถนัดไปพร้อมๆ กัน
"ส่วนตัวเราไม่เก่งเรื่องสัดส่วนเท่าไหร่ เกรดวิชาวาดภาพพื้นฐานเลยน้อยมากๆ แต่พอขึ้นปีสอง เราได้เรียนวิชาภาพประกอบที่จะให้เราวาดรูปทุกวัน วาดอะไรก็ได้ สัดส่วนไม่ต้องเป๊ะ เราชอบวิชานี้มากๆ เพราะมันดูอิสระ อยากวาดอะไรก็วาด ส่วนใหญ่เราจะสเก็ตช์ภาพคนบ้าง ต้นไม้บ้าง แล้วแต่ว่าวันนั้นเราสนใจอะไรเป็นพิเศษ"
"เราเริ่มต้นจากการสร้างคาแรกเตอร์ที่ชื่อว่า Palim เป็นตัวการ์ตูนเล็กๆ สีดำ ซึ่งมีสองหน้าคือ หน้ายิ้มด้านบนและหน้าเศร้าด้านล่าง เหมือนคนที่มีหลายอารมณ์ ไม่ได้มีแค่สุขหรือเศร้าอย่างเดียว ส่วนตัวมองว่าเพจเฟซบุ้กสามารถเป็นพอร์ตฟอลิโอได้ เวลาสมัครงานเราสามารถส่งเพจให้เขาดูผลงานได้เลย ก็เลยเริ่มลงผลงานวาดรูปมาเรื่อยๆ และเปิดรับงานวาดภาพประกอบอยู่บ้าง"
เมื่อคาแรกเตอร์ Palim เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น นักวาดสาวก็เริ่มมองหาพื้นที่ใหม่ๆ ให้เจ้าตัวน้อยได้ออกไปวิ่งเล่น จนเกิดเป็นแบรนด์ Palim ผู้เป็นเจ้าของโปสการ์ด หมวกบักเก็ต และหมุดโลหะสุดน่ารัก ที่ใครเห็นต่างก็ต้องตกหลุมรักไปตามๆ กัน
"เราอยากนำคาแรกเตอร์ไปอยู่บนวัสดุอื่นๆ ด้วย เริ่มจากโปสการ์ด มันเป็นงานที่ต่อยอดมาจากงานวาดภาพประกอบตอนปีสอง ตอนนั้นอาจารย์ให้เราสะสมอะไรก็ได้ เราเลือกสะสมเมล็ดพืช แล้วนำมาจัดเรียงเพื่อถ่ายภาพ เราหยิบเอาคอนเสปต์นั้นมาต่อยอด จับคาแรกเตอร์มาเล่นกับเมล็ดพืช หลังจากนั้นก็เริ่มมีหมวกและหมุดออกมา อย่างหมุดเราก็ออกแบบโดยแบ่งครึ่งเป็นด้านนอกและโครงกระดูกภายใน"
นอกจากนี้ เธอยังมีโอกาสได้จัดแสดงนิทรรศการภาพวาดสีน้ำของตัวเองครั้งแรกชื่อว่า 'UnCOMMON DAY' ซึ่งจัดแสดงที่ 10ml. Cafe Gallery เมื่อปี 2560 อีกด้วย
"เราวาดคาแรกเตอร์ด้วยสีน้ำมาพักหนึ่งแล้ว พอต้องจัดนิทรรศการอีกรอบก็มองว่า น่าจะมีผลงานชิ้นใหญ่มาจัดแสดงบ้าง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเริ่มทำงานเฟรมสีอะคริลิค และพัฒนาสไตล์งานให้ต่างไปจากเดิมด้วย ส่วนคอนเสปต์ของนิทรรศการนี้ ภาพทุกภาพจะเล่าผ่านจินตนาการว่า จะเป็นยังไงถ้าเราต้องอาศัยอยู่บนโลกนี้คนเดียว จัดแสดงเป็นภาพวาดคู่กับประโยคสั้นๆ สองถึงสามบรรทัด"
แม้สไตล์งานจะเปลี่ยนไป แต่เมื่อสังเกตดีๆ จะพบว่าภาพวาดของเธอยังคงเอกลักษณ์ลายเส้นที่เรียบง่ายและใช้โทนสีสบายตาเช่นเดิม
"ภาพวาดของเราส่วนใหญ่ได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่เคยเห็น เราจะชอบจินตนาการว่าถ้าสิ่งนี้เป็นภาพวาดจะหน้าเป็นแบบไหน เราจะเริ่มจากการสเก็ตช์คร่าวๆ ไว้ก่อนแล้วค่อยเซ็ตสีที่ต้องการ หลักๆ เราจะใช้สีโทนเย็น เพราะส่วนตัวไม่ค่อยถนัดใช้สีโทนร้อนเท่าไหร่ เรารู้สึกว่าสีเอิร์ทโทนมันสบายตา มองได้นานดี"
แล้วภาพวาดลายเส้นเรียบง่ายก็ค่อยๆ ยึดครองพื้นที่ในหัวใจของนักวาดสาว รวมถึงพื้นที่ในเพจของเธออีกด้วย
นอกเหนือจากการเป็นนักวาด เธอยังคงรับบทบาทการเป็นเจ้าของร้านขายต้นกระบองเพชรที่ชื่อว่า Palim Garden นับเป็นอีกหนึ่งความชอบที่เธอสนใจควบคู่มากับการวาดรูป จากหนึ่งกระถางเล็กๆ ค่อยๆ ขยับขยายจนกลายเป็นหนึ่งโรงเรือน ปาล์มเล่าว่าเธอชอบที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยของพันธุ์ไม้นี้
"ด้วยความที่พันธุ์ Cymnocalycium เขาจะเปลี่ยนสีสันและแพทเทิร์นไปตามแสงแดด ลวดลายของเขาจึงเปลี่ยนไปตลอดทั้งปี มันเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เราเป็นคนเลือกวัตถุดิบตั้งแต่การผสมเกสร เหมือนตอนเซ็ตสีในถาดสีค่ะ แต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถคาดเดาได้อยู่ดีว่าต้นที่ออกมาจะมีสีอะไร เรากำหนดได้แต่ธรรมชาติก็จะเป็นตัวกำหนดด้วย เราเองก็ลุ้นว่าผลงานที่ออกมาจะเป็นยังไง"
ปาล์มบอกกับเราว่าการมีอยู่ของร้านต้นไม้นี้ ทำให้เธอวาดรูปได้อย่างสบายใจมากขึ้น "ถ้าใครตามเพจจะเห็นว่าตอนนี้เราลงผลงานเฟรมผ้าใบเป็นหลัก ส่วนงานคาแรกเตอร์และสินค้าดีไซน์จะเริ่มผลิตน้อยลงแล้ว เพราะตอนนี้เรามีอาชีพเป็นการปลูกต้นไม้อยู่แล้ว มันทำให้เราทำงานวาดภาพได้อย่างสบายใจ โดยไม่มีข้อจำกัด เราไม่จำเป็นต้องโฟกัสเรื่องรายได้ ขอแค่มีคนมาชอบงานเรา เราก็พอใจแล้ว"
..ผลงานชิ้นต่อไปจะอุดมไปด้วยความสุขจากการได้ทำสิ่งที่รักอย่างแน่นอน
5485 VIEWS |
กองบรรณาธิการที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ชอบคุยกับผู้คน ท้องฟ้า และเสียงดนตรี เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฟังเพลง ที่บางทีก็ปล่อยให้เพลงฟังเรา