อินทนิล เป็นไม้ยืนต้นที่ขึ้นตามธรรมชาติสามารถพบได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทย เนื่องจากต้นอินทนิลสามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพอากาศ ลักษณะของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกจากลำต้นเป็นร่มเงา อีกทั้งในฤดูร้อน ดอกสีม่วงอมชมพูเป็นช่อยังผลิบานตัดกับใบสีเขียวเข้มงดงาม คนจึงนิยมนำมาปลูกตามพื้นที่ต่างๆ อีกด้วย
ต้นไม้ที่มีความสวยงามและสามารถเจริญงอกงามได้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศนี้ เป็นที่มาของชื่อ อินทนิล (Inthanin) แบรนด์กาแฟภายใต้กลุ่มธุรกิจบางจากฯ ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2549 แล้วขยายสาขามากมาย ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ จนถึงปี 2564 แบรนด์ อินทนิล เติบโตสู่ปีที่ 15 มีสาขาให้บริการ ถึง 700 แห่งแล้ว และยังมุ่งหน้าขยายสาขาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
การหยั่งรากธุรกิจให้มีความมั่นคง รวมถึงการขยายสาขาเป็นกิ่งก้านที่ครอบคลุมไปทั่วประเทศนั้น ทำให้ลูกค้ารู้จัก อินทนิล ในแง่ของแบรนด์ที่ให้บริการเครื่องดื่มคุณภาพ ทั้งการเลือกใช้เมล็ดอาราบิก้าแท้ 100% มาเป็นวัตถุดิบกาแฟรสชาติเข้มข้น หอมละมุน กลมกล่อม และเมนูเครื่องดื่มอื่นๆ นอกเหนือจากกาแฟที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่น โกโก้ ที่ลูกค้ายกให้เป็นโกโก้ที่อร่อยเข้มข้นโดนใจ หรือ เมนูพิเศษที่คิดค้นขึ้นจากวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ของการพักผ่อนกับเครื่องดื่มแก้วโปรดสำหรับทุกคน เมื่อเข้าไปทำความรู้จักกับ อินทนิล มากขึ้น จึงพบว่านอกจากรสชาติและการบริการแล้ว ยังมีรายละเอียดในกระบวนการทำธุรกิจ ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบสำหรับทำเมนู การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การตกแต่งร้าน ไปจนตลอดถึงปลายทางของแก้วกาแฟที่คิดและสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสิ่งแวดล้อมทั้งนั้น เช่น การเลือกใช้พลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติภายใน 180 วัน หากนำไปฝังกลบในสภาวะที่เหมาะสม การออกแบบฝายกดื่มเพื่อลดปริมาณการใช้หลอด การรณรงค์ให้ลูกค้านำแก้วของ อินทนิล กลับมาแลกเป็นส่วนลด เพื่อนำแก้วไปมอบให้กรมป่าไม้ใช้สำหรับเพาะกล้าในโครงการ แก้วเพาะกล้า หรือการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นวัสดุในการตกแต่งร้านสาขาใหม่ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นต้นทุนทางธุรกิจที่ อินทนิล แบกรับเพื่อรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น
แนวคิดและเบื้องหลังการทำธุรกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์และใช้การออกแบบเป็นรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนี้เป็นอย่างไร เสรี อนุพันธนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด ผู้ดูแลแบรนด์ อินทนิล จะเป็นผู้บอกเล่าให้เราฟัง

5 ประสบการณ์ดีๆ ที่มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อมอยู่ในนั้น
จุดเริ่มต้นของ อินทนิล ที่พัฒนามาจากกลุ่มธุรกิจบางจากฯ ซึ่งดูแลพลังงานทางเลือก พลังงานสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม จึงมีแนวความคิด Natural & Relaxing เสรีกล่าวว่าในการสร้างแบรนด์ที่สร้างความผ่อนคลายให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ โดยไม่ละทิ้งความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันครอบคลุมด้วยหลักคิด 5 ประสบการณ์ดีๆ ที่ อินทนิล ตั้งไว้ ได้แก่ Good Taste, Good Service, Good Design, Good Health และ Good Society
พื้นฐานด้านรสชาติและการให้บริการนั้นอยู่ในเรื่องของ Good Taste และ Good Service ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างสรรค์รสชาติของเครื่องดื่มและของว่างภายในร้านให้ถูกใจลูกค้า ผ่านการให้บริการที่เน้นรอยยิ้ม ความรวดเร็ว และการบริการที่ได้มาตรฐาน ส่วน Good Health คือการสร้างสรรค์เมนูทางเลือกสำหรับผู้ดูแลสุขภาพ โดยมีการนำน้ำผึ้งมาใช้แทนน้ำตาล หรือระดับความหวานที่สั่งได้ 4 ระดับ จนถึง 0% ที่ไม่หวานเลย เมื่อมาถึงเรื่อง Good Design ที่ลูกค้าจะได้รับจากการออกแบบร้านที่สวยงามทันสมัย และรายละเอียดการตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลายแล้ว ยังมีการนำวัสดุธรรมชาติจากกากกาแฟ หรือวัสดุที่แปรรูปจากวัสดุเหลือใช้ มาประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์ในหลายสาขา ซึ่งเขาเล่าถึงร้าน อินทนิล ที่มีการออกแบบเฉพาะว่า "มีสาขาที่มีการพัฒนาการออกแบบไว้ที่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังนะครับ ที่นั่นเป็นสาขาต้นแบบที่เราใช้วัสดุกากกาแฟหรือวัสดุรีไซเคิลจากธรรมชาติมาทำเป็นโต๊ะ เก้าอี้ เคาท์เตอร์ชงกาแฟ รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งร้านครับ"


ร้าน อินทนิล ที่มีการออกแบบเฉพาะ สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
สุดท้ายกับ Good Society ที่สะท้อนให้เห็นว่า อินทนิล เป็นแบรนด์ที่มีกระบวนการคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมจริงๆ "อินทนิล เริ่มคิดเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ปี 2558 นะครับ เรามีการใช้แก้วไบโอคัพ ซึ่งผลิตจากพืช 100% เป็นพลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ ส่วนเมนูร้อนที่เป็นแก้วกระดาษ พลาสติกที่ใช้เคลือบด้านในแก้วก็ใช้พลาสติกชีวภาพเหมือนกัน"
จริงอยู่ที่ อินทนิล มีแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมที่พัฒนามาจากกลุ่มธุรกิจบางจากฯ แต่แบรนด์กาแฟแห่งนี้ ไม่ได้หยุดเพียงแค่การเลือกใช้พลาสติกชีวภาพสำหรับบรรจุภัณฑ์ทุกประเภทเท่านั้น ความพยายามในการออกแบบและพัฒนาจนเป็นฝายกดื่มของ อินทนิล ยังมีที่มาจากการเห็นผลกระทบจากหลอดพลาสติกต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์น้ำอีกด้วย
"ตอนนั้นมีข่าวที่มีหลอดติดอยู่ในจมูกของเต่า ซึ่งคลิปนั้นดูแล้วค่อนข้างสะเทือนใจ ภาพที่เต่าบาดเจ็บนั้นทำให้เราต้องการรณรงค์เรื่องการลดใช้หลอด ซึ่งถือเป็นขยะทะเลอันดับต้นๆ ในปี 2561 อินทนิล จึงพัฒนาการออกแบบฝายกดื่ม ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ช่วยลดปัญหาเรื่องการใช้หลอดไปได้พอสมควร โดยหลังจากนั้น อินทนิล ยังมีโอกาสร่วมสนับสนุนโครงการ #ไม่หลอดเนาะ ร่วมกับกลุ่ม Greenery ซึ่งมีแนวคิดเดียวกันด้วยครับ แต่เมื่อหลอดยังจำเป็นสำหรับบางเมนู เช่น เมนูปั่น อินทนิลจึงใช้หลอดที่ผลิตจากพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้" ด้วยเหตุนี้บรรจุภัณฑ์ของ อินทนิล จึงได้รับรางวัล Thai Star Packaging Awards ประเภทบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ECO Package) จาก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประจำปี 2563

เมื่อส่วนประกอบของบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องดื่มของ อินทนิล ทุกสาขาใช้พลาสติกชีวภาพทั้งหมด จึงได้รับข้อมูลจากผู้ผลิตเมล็ดพลาสติกชีวภาพอันดับ 1 ของโลก และโรงงานผู้ผลิตแก้วพลาสติกชีวภาพอันดับ 1 ของไทยว่า บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด คือผู้ใช้เมล็ดพลาสติกชีวภาพมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ซึ่งหมายถึงปริมาณการนำมาผลิตแก้วเครื่องดื่มของ อินทนิล นั่นเอง "อินทนิล เข้าใจดีว่าต้นทุนการผลิตบรรจุภัณฑ์ไบโอมีต้นทุนที่แพงกว่าพลาสติกแบบ PET แต่เราถือว่าเรายืนหยัดอยู่ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการร่วมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นแม้แนวทางนี้จะทำให้เราแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น แต่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จนถึงปัจจุบันที่เราเห็นว่าร้านกาแฟหลายที่นอกจากอินทนิลหันมาใช้แก้วไบโอคัพมากขึ้น เราถือว่าประสบความสำเร็จในการจุดกระแสให้สังคมหันมาร่วมลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยกัน"

วัสดุดิบสำหรับเครื่องดื่มจากต้นน้ำ สู่การนำภาชนะปลายทางที่นำไปเพาะกล้าได้
เครื่องดื่มกาแฟร้อนและเย็นของอินทนิลมีการเลือกใช้เมล็ดอาราบิก้าแท้ 100% เป็นวัตถุดิบพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ในบางสาขาก็จะได้พบกับเมนูกาแฟที่ใช้เมล็ดกาแฟออร์กานิคอาราบิก้าด้วย "ตอนนี้เรามี 2 บีนครับ คือ เมล็ดอาราบิก้า 100% กับ ออร์กานิคอาราบิก้า ซึ่งปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี ไม่ใช้ปุ๋ย ในพื้นที่เพาะปลูกปลอดสาร ทำให้คนในพื้นที่และผู้ปลูกไม่ต้องเสี่ยงกับสารพิษไปด้วย อินทนิล เชื่อว่าถ้าคนนิยมเมนูเครื่องดื่มออร์กานิคมากขึ้น จะช่วยส่งเสริมให้มีการขยายการปลูกกาแฟออร์กานิคเพิ่มขึ้น แล้วทำให้ต้นน้ำมีความบริสุทธิ์และชาวบ้านปลอดภัยด้วย แต่เนื่องจากวัตถุดิบออร์กานิคต้นทุนสูง จึงอาจจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้ายากหน่อย เราจึงมีการจำหน่ายในรูปแบบกาแฟออร์กานิคดริปให้ลูกค้าสามารถดื่มกาแฟออร์กานิคที่บ้านได้"

การเพิ่มเมนูกาแฟออร์กานิคเพื่อส่งเสริมการปลูกกาแฟออร์กานิคอาจจะใช้เวลา แต่จุดเริ่มต้นนี้อาจจะทำให้ผู้บริโภคหันมาดื่มกาแฟออร์กานิคเพิ่มขึ้น และมีความต้องการเมล็ดกาแฟออร์กานิค จนสามารถขยายพื้นที่เพาะปลูกที่ปลอดภัยกับชุมชน พร้อมกับฟื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคต

กล่าวถึงต้นน้ำแล้วคงต้องนึกถึงปลายทางด้วย ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการบริโภคของมนุษย์สร้างขยะจำนวนมหาศาล แล้วขยะเหล่านั้นก็เดินทางกลับมาสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อไป ซึ่งตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว อินทนิล ถือเป็นร้านกาแฟรายแรกๆ ที่มอบส่วนลดสำหรับลูกค้าที่นำแก้วส่วนตัวมาบรรจุเครื่องดื่ม เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดเป็นพลาสติกชีวภาพแล้วยังมีโครงการ 'แก้วเพาะกล้า' ที่ทำร่วมกับ กรมป่าไม้ เพื่อรณรงค์ให้ลูกค้านำแก้วของ อินทนิล ซึ่งสามารถย่อยสลายได้กลับมาให้กรมป่าไม้ใช้เพาะกล้า โดยมอบส่วนลด 5 บาท สำหรับแก้วใช้แล้ว 5 ใบ เสรีกล่าวถึงการนำแก้วใช้แล้วมาใช้ในโครงการนี้ว่า "ปกติ กรมป่าไม้ จะมีการใช้ถุงดำสำหรับเพาะกล้าปีละเกือบ 100 ล้านใบนะครับ เมื่อทางกรมป่าไม้มีแนวคิดในการเปลี่ยนมาใช้วัสดุย่อยสลายได้ และมีโอกาสหารือกับทาง อินทนิล จึงเกิดเป็นโครงการ แก้วเพาะกล้า ที่ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมนำแก้วของ อินทนิล ไปเพาะต้นไม้ เมื่อโตพร้อมปลูกแล้วสามารถยกต้นไม้ที่เพาะไว้ทั้งแก้วไปปลูก แล้วแก้วไบโอคัพของเราก็สามารถย่อยสลายไปในดินได้เลย จึงเป็นการช่วยลดปัญหาเรื่องขยะจากถุงพลาสติกที่ใช้เพาะกล้าไม้ได้"

การทำงานร่วมกับศิลปินที่ช่วยลดปริมาณการใช้ภาชนะครั้งเดียวทิ้ง และพาผลงานของศิลปินเดินทางไปทั่วประเทศ
สาขาของ อินทนิล ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมันที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศไทย ทำให้คนที่เดินทางบ่อยหรือนักท่องเที่ยวอาจจะรู้สึกว่าสามารถพบเห็นและใช้บริการของ อินทนิล ได้ทุกที่ เช่นเดียวกับแนวคิด Everywhere THAILAND ของแบรนด์ที่ต้องการให้ลูกค้าสามารถใช้บริการ อินทนิล ได้ทุกที่จริงๆ จนเกิดเป็นการร่วมงานกับศิลปิน Kapi ครั้งแรกในปี 2562 เพื่อทำโปรเจกต์ อินทนิล 4 ภาค ผลิตแก้ว Tumbler 4 ลวดลายที่สะท้อนเอกลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมแต่ละภาคออกมา ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงและจำหน่ายหมดในเวลาอันรวดเร็ว จนนำไปสู่การออกแบบคอลเลกชันฤดูร้อนของปี 2563 ต่อมา


เขาพูดถึงความภาคภูมิใจและผลตอบรับของการทำงานร่วมกับศิลปิน Kapi ว่า "ผลตอบรับถือว่าได้รับความนิยมมากนะครับ แล้วตัวศิลปินก็เซอร์ไพรส์เหมือนกัน ผมคิดว่าเป็นเพราะความแตกต่างและลวดลายที่สวยงาม การที่เราใช้ภาพวาดของศิลปินที่โดนใจลูกค้าของเรา เป็นการผสมผสานกันระหว่างความเป็นศิลปะกับการนำลวดลายมาพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างลงตัวครับ ยกตัวอย่างลูกค้าที่ไม่เคยพก Tumbler มาก่อน เขาจะได้นำภาชนะไปใช้ดื่มน้ำส่วนตัวไม่ต้องซื้อน้ำบรรจุขวดดื่ม และสำหรับลูกค้าที่นำมาใช้บรรจุเครื่องดื่มที่ร้าน โดยเรามีส่วนลดให้ 5 บาท เพราะไม่ต้องใช้แก้วพลาสติก แม้จะเป็นพลาสติกชีวภาพนะครับ แต่ถือว่าเป็นการลดปริมาณขยะไปได้ในตัว"
นอกจากนั้นผลงานของศิลปินยังเดินทางไปจัดแสดงอยู่ที่ อินทนิล สาขาต่างๆ ทั่วประเทศ จึงถือเป็นการเผยแพร่ผลงานของศิลปินให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย "ผมมองว่าเมื่อแก้ว Tumbler มาผสมกับศิลปะ ทำให้บรรจุภัณฑ์นั้นกลายเป็นศิลปะอีกชิ้นหนึ่ง เป็นศิลปะที่ผู้คนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย ในอนาคตเราจึงมีแนวทางที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ในแนวทางนี้ต่อไป โดยจะมีศิลปินท่านอื่นๆ หรือศิลปินหน้าใหม่เข้ามาสร้างสรรค์ศิลปะในผลิตภัณฑ์ของเราต่อไป"

ความสำเร็จของ Inthanin x Kapi ที่ผ่านมา ทำให้ อินทนิล ตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับศิลปินต่อไป และเมื่อมีโอกาสชมผลงานจาก BKKIF Artists ในงาน Bangkok Illustration Fair 2021 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จึงเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดงาน และต้องการต่อยอดผลงานสร้างสรรค์จากศิลปินนักวาดภาพประกอบโดยคัดเลือกศิลปินในงานมาร่วมออกแบบ Inthanin Collection เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี อินทนิล ด้วย
"ศิลปินไทยมีความสามารถสูงนะครับ จากการเข้าร่วมงานกับ BKKIF 2021 อินทนิล เห็นว่าศิลปินไทยมีความสามารถและจินตนาการในการสร้างสรรค์งานไม่แพ้ศิลปินต่างชาติ ซึ่งในอนาคตที่แบรนด์และศิลปินจะทำงานร่วมกัน โดยผสมผสานตัวตนของศิลปินทั้งแนวทางและความถนัดของศิลปินแต่ละท่าน ความเป็นแบรนด์ อินทนิล และความต้องการของลูกค้า มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วมกัน เป็นการนำเสนอความหลากหลายของศิลปะให้คนรู้จักเพิ่มขึ้น เพราะผมเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของ อินทนิล จะนำพาผลงานของศิลปินกระจายไปทั้ง 700 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งผลงานในรูปแบบผลิตภัณฑ์นี้จะนำไปจัดแสดงบนดิสเพลย์ให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการสามารถสัมผัสใกล้ชิดกับผลงานของศิลปินได้ เพราะผมมองว่า งานศิลปะไม่ได้มีเฉพาะภาพวาดที่แขวนบนผนังเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนได้

การร่วมมือกับศิลปินนักวาดเพื่อออกแบบแก้ว Tumbler ให้ลูกค้าสามารถพกแก้วสำหรับบรรจุเครื่องดื่มไปได้ทุกที่ แล้วมีส่วนลดสำหรับผู้ที่นำภาชนะส่วนตัวมาใช้บรรจุเครื่องดื่ม เป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคสามารถปรับพฤติกรรมได้ เช่นเดียวกับการออกแบบฝาครอบแก้วแบบยกดื่มที่แม้จะต้องใช้เวลาในการสร้างความคุ้นเคยให้ลูกค้าลดหรือเลิกการใช้หลอด หรือการเพิ่มเมนูกาแฟออร์กานิคขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้เกิดการปลูกกาแฟออร์กานิคเพิ่มขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่นำไปสู่ความยั่งยืนต่อไป
จึงแน่ใจได้ว่า อินทนิล ที่กำลังขยายสาขาไปทั่วประเทศนี้ จะเติบโตและงอกงามอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน