ด้วยความน่ารักน่าตีของเจ้านกน้อย ทำให้แอนิเมชั่น Cheez...z ถูกนำไปแสดงในเทศกาลหนังสั้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับรางวัลกว่า 10 รางวัลจากหลายประเทศ เช่น ION International Film Festival-BestAnimation, Kids First Film Festival สาขา Best Animation, Northwest Animation Festival ฯลฯ ก่อนที่แบรนด์ Warbie Yama จะเกิดขึ้นจากการเรียกร้องของแฟนๆ นำเสนอสินค้าทั้ง สติกเกอร์ เสื้อผ้า และตุ๊กตาวอร์บี้ให้ทุกคนเลือกสรรตามความชอบ
นอร์ธ-อรุษ ตันตสิรินทร์ คือ ผู้ให้กำเนิดเจ้านกตัวนี้ ระหว่างที่เขาศึกษาปริญญาโทด้านแอนิเมชั่นอยู่ที่เมืองซานฟรานซิสโก เมื่อปี 2008 ชายหนุ่มเล่าว่า เขาได้แรงบันดาลใจในการสร้างแอนิเมชั่นเรื่อง Cheez...z มาจากความชื่นชอบนกในวัยเด็กและคุณลุงคนหนึ่งที่เขาพบเจอระหว่างเดินเล่นในย่านเจแปนทาวน์
"ตอนนั้นผมเห็นคนแก่ญี่ปุ่นคนหนึ่ง เขายืนยิ้มๆ ถือกล้อง ดูน่าเอาไปเป็นตัวละครบางอย่าง ส่วนนก เรามีความผูกพันกับนกตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วผมก็ชอบอะไรที่ดูน่ารักแต่มีอะไรเซอร์ไพรส์ด้วย อย่างเช่น เจ้าวอร์บี้ที่เราเห็นว่ามันกวน มันจะชอบมองข้าง เหมือนมันจะรู้ทัน รู้สึกเหมือนฉันฉลาดนะ แต่จริงๆ ก็แพ้ภัยตัวเอง"
เจ้านกตัวแสบจะแพ้ภัยตัวเองอย่างไร.. เราขอให้คุณใช้เวลาสั้นๆ ในการดูคลิปด้านล่างนี้
"ช่วงนั้นไลน์พึ่งเข้าประเทศไทยใหม่ๆ คุณแม่ก็บอกว่า 'ม้าใช้ไลน์อยู่นะ มันสนุกมากเลย มันมีสติกเกอร์แทนอารมณ์ด้วย' แล้วเขาก็บอกว่า 'นอร์ธ ช่วยทำวอร์บี้ให้หม่าม้าหน่อย' ผมเลยใช้เวลาว่างนั่งวาดวอร์บี้ มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก
เพราะโจทย์ของสติกเกอร์ คือ ต้องทำให้คนรู้สึกว่าอยากกดส่งให้ใครสักคนหนึ่ง เราจึงได้ลองวาดคาแรกเตอร์ของเราในอารมณ์ต่างๆ เยอะมาก" นอร์ธเล่า
"ผมคิดว่ามันน่าจะดี ถ้าเราแทรกสตอรี่เล็กๆ ที่เรายังไม่ได้ทำในแอนิเมชั่นลงไป อย่างผมวาดคุณลุงปั่นจักรยานแล้วมีผู้หญิงซ้อนท้ายโดยที่ไม่เห็นหน้าตา พอปล่อยสติกเกอร์ออกไป ก็มีคนทักมาถามว่า 'คนนั้นเป็นใคร เป็นแฟนคุณลุงยามะหรือเปล่า เขาชื่ออะไรนะ' จริงๆ มันเป็นตัวละครที่ผมแพลนเรียบร้อยแล้ว เลยพยายามทำให้มันเป็นกิมมิกเล็กๆ สำหรับแฟนคลับวอร์บี้"
อย่างเจ้านกวอร์บี้ที่ควงคู่มากับน้องฟีบี้ (Phebie) สีชมพูสดใส ก็สร้างความสงสัยให้กับแฟนๆ เป็นอย่างมากว่าทั้งสองคนกำลังมีความสัมพันธ์แบบไหนกันนะ
ณิเล่าว่าจุดเริ่มต้นของการทำสินค้าเกิดจากเสียงเรียกร้องของแฟนๆ ที่รักในคาแรกเตอร์ของเจ้านกน้อย
"ตอนแรกเรายังไม่แพลนถึงการออกสินค้าวอร์บี้เลยค่ะ แต่หลังจากที่ปล่อยสติกเกอร์ไป ก็เริ่มมีคนทักเข้ามาว่า 'เขาชอบวอร์บี้มากเลย จะมีสินค้าออกมาไหม' หรือบางคนก็ทำแฟนอาร์ต อย่างข้าวปั้นรูปวอร์บี้ ถักโครเชต์ ส่งมาให้เราดู ส่วนมากจะมาจากคนไต้หวันและอินโดนีเซีย เราก็เลยคุยกันในทีมว่า พวกเราเองก็อยากเห็นมันเป็นตุ๊กตาที่จับต้องได้เหมือนกัน คิดว่ามันต้องน่ารักมากแน่เลย"
ด้วยความที่ณิเคยมีประสบการณ์ด้านการผลิตสินค้าอยู่แล้ว เธอจึงรับหน้าที่เป็นผู้คัดสรรวัสดุในการทำตุ๊กตาวอร์บี้ ขณะที่นอร์ธซึ่งทำงานอยู่ต่างประเทศจะเป็นคนดูภาพรวมของสินค้าในฐานะดีไซเนอร์ พวกเขาใช้เวลากว่า 1 ปีในการปรับปรุงวัสดุ ทดลองชิ้นงานจนพอใจ ก่อนที่ตุ๊กตาวอร์บี้ขนาดเท่าตัวจริงจะส่งมอบความนุ่มสู่มือของทุกคน นอกจากนี้ พวกเขายังมีเสื้อผ้า หมวก สติกเกอร์ ให้แฟนๆ ได้ซื้อเก็บไว้และใส่คู่กับตุ๊กตาอีกด้วย
ด้วยคุณภาพของสินค้าและความน่ารักแบบกวนๆ ของเจ้าวอร์บี้ ทำให้มันเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทุกเพศทุกวัย รวมถึงแบรนด์ผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ ที่แวะเวียนมาพาเจ้าวอร์บี้และเพื่อนๆ ไปอยู่ในแพลตฟอร์มอีกหลากหลาย ทั้งบัตรโดยสารรถไฟใต้ดินที่ประเทศไต้หวัน เสื้อผ้า เกมโทรศัพท์ และรายการอาหาร Super Taste แล้วแต่ว่าใครจะสนใจพาเจ้านกน้อยไปอยู่ด้วย
"เรามักคิดว่าปีนี้เราอยากทำอะไร แล้วเราต้องดีลกับใครบ้างก็จะใส่ไปในแพลนเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องทำ เราเอ็นจอยทำไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง สิ่งที่ออกมาจะมี Comic แต่ก็ไม่รู้จะออกเมื่อไหร่นะ แต่มันมีเรื่องราวในหัว มันมีอะไรที่เราคิดไว้แล้วว่าจะมีออกมา เพราะมันเป็นสิ่งที่เราสนุกในการทำงานอยู่ ส่วนเรื่อง Licensing เราจะรอดูว่า วอร์บี้ไปอยู่กับใคร แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วมันไปไหนได้อีกบ้าง จะไปอยู่ในประเทศที่มีใครชอบอีกไหม" นอร์ธเล่า
ล่าสุด พวกเขาจึงทำตุ๊กตาวอร์บี้ขนาดเล็กสวมใส่ชุดซานต้า เป็นของขวัญในวันคริสมาสต์ให้กับแฟนๆ และนอร์ธยังวาดคอมมิคเล่าเรื่องราวน่ารักๆ ระหว่างวอร์บี้และป้ามะลิ ผู้เป็นคนตัดเสื้อให้กับเจ้านกสีเหลืองตัวนี้อีกด้วย
"เราทำด้วยความสนุกค่ะ มันเลยเป็นพลังงานดี ๆ ที่เรากับแฟนคลับได้แลกเปลี่ยนกัน บางคนจะชอบส่งรูปมาให้เราดูว่า เขาพาน้องไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง บางคนก็หาชุดให้น้องใส่ เราอยากให้เขามีคอสตูมพิเศษ จึงทำการวัดตัวน้องแล้วก็ตัดชุดให้
ความยากของงานนี้ คือ รองเท้าบูทของวอร์บี้ ปกติเขาจะเย็บชุดติดกับตัวเลย แต่เรารู้สึกว่าบางคนเขามีน้องวอร์บี้ซึ่งเป็นตัวที่เขารักอยู่แล้ว เขาไม่ควรเปลืองเงินซื้อตัวใหม่พร้อมชุด เราก็เลยทำชุดกับรองเท้าให้มันถอดออกได้ มันค่อนข้างยากในการผลิตสินค้าเพราะว่าเท้าน้องเล็ก พอทำออกมาก็ขายหมดในเวลารวดเร็ว ขนาดเลยคริสต์มาสไปแล้วก็ยังมีคนเข้ามาถามหาชุดอยู่เลย เรียกว่าถามทั้งปีเลยค่ะ" ณิเล่าด้วยรอยยิ้ม
ณิเล่าถึงความประทับใจเมื่อได้รับฟีดแบ็คจากเหล่าแฟนคลับ "มีคนเคยส่งมาบอกคุณนอร์ธว่า 'ขอบคุณที่สร้างคาแรกเตอร์นี้ขึ้นมา มันมีความสำคัญต่อชีวิตเรามาก ในทุกครั้งที่เรารู้สึกแย่ วอร์บี้จะช่วยดึงเราขึ้นมาได้จริงๆ' หรืออีกคนที่เป็นคนเกาหลี เขากำลังจะแต่งงาน เขาเคยใช้สติกเกอร์เราส่งหากัน เขาก็เลยเอาวอร์บี้ไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งด้วย เขาส่งมาบอกว่า 'ชีวิตฉันน่ะ ต้องมีเจ้าวอร์บี้อยู่ในชีวิต มันเป็นส่วนหนึ่งของเขาและแฟนไปแล้ว' นอกจากนั้น ยังมีครั้งหนึ่งที่เราไปออกอีเวนต์ที่ไต้หวัน ซึ่งเป็นงานแรกของเราเลย จำได้ว่าเราก้มลงไปเก็บของพักเดียว พอเงยหน้ามาแล้วเห็นว่าแฟนคลับมารอเยอะมาก"
นอร์ธบอกกับเราว่า พวกเขาไม่ได้นึกถึงเรื่องเงินเป็นหลัก เขาเพียงแค่อยากเห็นสินค้าของพวกเขาสร้างความสุขให้กับผู้ใช้แค่นั้น
"ผมรู้สึกว่าที่ Warbie Yama โตมาได้เรื่อยๆ เพราะเราใส่ใจเรื่องตัวงานเป็นหลัก เราสนใจที่คุณค่าของตัวมันจริงๆ การวางแผนหรือการตลาดก็ทำแบบพอดีเหมาะสม เราเชื่อว่าถ้าเราใส่ความจริงใจลงไป ดึงความเป็นตัวเราออกมา มันก็จะทำให้แบรนด์ของเราแข็งแรง ถ้าเราใส่ใจเรื่องคุณภาพ การผลิต แล้วเราชอบงานของตัวเอง คนก็น่าจะชอบงานของเรา" นอร์ธพูดปิดท้าย
หากวันนี้คุณรู้สึกเหงาใจและอยากมีเพื่อนใหม่ ลองรับเจ้าวอร์บี้ไปเลี้ยงดูสักตัวไหมล่ะ?
5105 VIEWS |
กองบรรณาธิการที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ชอบคุยกับผู้คน ท้องฟ้า และเสียงดนตรี เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฟังเพลง ที่บางทีก็ปล่อยให้เพลงฟังเรา
ที่ปรึกษาทีม happening shop, เจ้าของเพจเฟซบุ๊กและหนังสือ 'ญี่ปุ่นอุ่นอุ่น', นักเขียน ช่างภาพโฟโต้บุ๊ก 'Nagasaki Light' และไกด์บุ๊ก 'Kagawa Memories' นอกจากภาพถ่ายและงานเขียน สิ่งที่เธอสนใจเป็นพิเศษคือการนั่งสมาธิและการโปรยมุขไม่ขำ