จากข้อมูลที่ว่า เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งในเล่มนี้สามารถคว้า 3 รางวัลใหญ่อย่าง Hugo, Nebula และ World Fantasy Award มาได้ภายในปีเดียวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นักอ่านที่ชื่นชอบวรรณกรรมประเภทเรื่องสั้นก็ต้องไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้ด้วยประการทั้งปวง แต่ความจริงที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นก็คือ การอ่านรวมเรื่องสั้นของนักเขียนหนุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายจีนเล่มนี้ ยังถือเป็นการผจญภัยทางการอ่านที่น่าประทับใจอย่างยิ่งครั้งหนึ่งในชีวิตนักอ่านทุกคนอีกด้วย
ว่ากันที่เรื่องเด่นประจำเล่มกันก่อน 'สวนสัตว์กระดาษ' ถือเป็นเรื่องสั้นแนวแฟนตาซีนิดๆ และดราม่าหนักๆ ที่คมคายและชวนซาบซึ้งอย่างยิ่ง เก็บประเด็นครบถ้วนทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ประวัติศาสตร์ ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมและยุคสมัย ร้อยเรียงทั้งหมดไว้ด้วยจินตนาการอันแสนบรรเจิด บอกเล่าด้วยพล็อตที่ทรงพลัง ...แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องสั้นที่ดีเยี่ยมสมกับรางวัลที่ได้รับ แต่สำหรับนักอ่านแล้ว เรื่องสั้นทั้งหมดในเล่มนี้ก็ทรงพลังไม่แพ้ 'สวนสัตว์กระดาษ' เช่นกัน
ความเจ๋งของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่เรื่องสั้นทุกเรื่องล้วนโดดเด่นในลีลาที่แทบไม่ซ้ำกันนี่ล่ะ ตั้งแต่เรื่องแรก 'อุปนิสัยการทำหนังสือของสิ่งมีชีวิตบางชนิด' ก็เปิดเล่มด้วยความไซ-ไฟและวิชาการสุดขั้ว ชวนให้นึกถึงเรื่องสั้นไซ-ไฟคลาสสิกหนักๆ แบบที่ผู้เขียนเล่าเรื่องแล้วแทรกด้วยความรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์ แต่เรื่องนี้กลับลงท้ายด้วยการทิ้งความรู้สึกอิ่มเอมและน่าทึ่งหลังจากอ่านจบได้อย่างน่าประทับใจ (ส่วนตัวแล้วผมชอบเรื่องนี้มากที่สุดครับ) ต่อไปที่เรื่องสั้นเรื่องที่สอง 'เปลี่ยน-แปร' กลับออกไปทางแฟนตาซีและชวนให้นึกถึงอารมณ์แบบมังงะญี่ปุ่น ในขณะที่โครงเรื่องกลับเป็นแนวโรแมนติกงดงาม แค่ยกสองนี่ก็ทำให้ผู้อ่านอึ้งกับความเก่งกาจของ เคน หลิว แล้ว แต่หลังจากนั้นโทนและแนวทางของเรื่องสั้นในเล่มนี้ยังเปลี่ยนไปไม่หยุด ขนาดที่ว่าลามเลยไปถึงแนวนิยายกำลังภายใน แนวสืบสวนสอบสวน และวรรณกรรมการเมืองเลยทีเดียว
ความสามารถในการปรับกระบวนท่าของ เคน หลิว ไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่โดดเด่น หากแต่ละเรื่อง แต่ละกระบวนความยังอ่านสนุก มีพล็อตเรื่องชัดเจนแต่คาดเดาไม่ได้ มีการหักมุม และมีความลึกซึ้งที่มาพร้อมกับการเดินเรื่องฉับไวเสมอ นอกจากนี้เขายังผลักความเป็นเรื่องแต่งซึ่งเป็นเรื่องสมมติให้มีฟังก์ชันในการสื่อสารประเด็นที่จริงจัง กระทั่งใช้บอกเล่าประวัติศาสตร์ช่วงสงครามเย็นที่ผู้คนหลงลืมในเรื่อง 'นักเวทอักษร' หรือเล่าเรื่องการสังหารหมู่ที่หยางโจวใน 'ชายเจ้าปัญญากับพญาวานร' ได้อย่างชวนติดตามและไม่ยัดเยียด
น่าเสียดายเล็กน้อยที่ฉบับแปลเป็นไทยนี่เป็นเพียงครึ่งเรื่องของฉบับภาษาอังกฤษเท่านั้น (แต่เรื่องสั้น 8 เรื่องนี้ก็ทำให้หนังสือมีความหนาร่วม 250 หน้าเข้าไปแล้ว) จึงน่าสนใจตรงที่หากได้อ่านพร้อมกับอีกครึ่งเล่มที่เหลือ ความหลากหลายและกระบวนท่าต่างๆ ของ เคน หลิว จะเปล่งประกายกว่าที่เปล่งประกายอยู่แล้วได้อย่างไร ซึ่งเราคงต้องรอให้สำนักพิมพ์ Salt จัดแปลและพิมพ์ส่วนที่เหลือออกมา แล้วอ่านรวบ 2 เล่มอีกที เมื่อถึงตอนนั้น บางทีเราอาจต้องหาคำที่มากกว่า 'ยอดเยี่ยม' เพื่อกล่าวอ้างถึงรวมเรื่องสั้นชุดนี้อีกครั้ง