หนังสือ 10 เล่มที่ส่งพลังให้กับศิลปินนักร้อง-นักแต่งเพลงแบบไฟลุกพรึ่บ

    หากคนฟังรู้จักศิลปินผ่านบทเพลง เนื้อร้อง ทำนอง และลีลาการแสดงดนตรีของพวกเขาแล้วล่ะก็ การคุยเรื่องหนังสือกับพวกเขาก็ทำให้เรารู้จักแง่มุมอื่นๆ ของพวกเขามากขึ้นได้ เพราะนอกจากที่เราเคยคุยกับศิลปินถึงสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาชอบ ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือเพลงแล้ว เราจะพบว่าพวกเขาเป็นนักอ่านตัวยงด้วยเช่นกัน โดยไม่ว่าหนังสือเล่มนั้นจะเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานหรือไม่ แต่เหตุผลที่ทำให้พวกเขาประทับใจก็ทำให้เราค้นพบแง่มุมอื่นของพวกเขาเหมือนกัน

    วันที่ 18-20 มกราคม 2562 มีงานเทศกาลหนังสือสนุกๆ ที่สนุกแบบไฟลุกพรึ่บ ชื่อว่างาน LIT Fest ซึ่งนอกจากจะเป็นการรวมตัวของสำนักพิมพ์ 30 แห่งแล้ว ในงานยังมีทั้งการฉายภาพยนตร์ กิจกรรมพูดคุยกับนักเขียน การแสดงละครเวที บุ๊กคลับ และกิจกรรมสนุกๆ อีกหลายอย่าง และแน่นอน มีการแสดงดนตรีด้วย

    happening มีโอกาสพูดคุยกับศิลปินหลายคนที่มาร่วมแสดงดนตรีในงานเทศกาลหนังสือ LIT Fest จึงทำให้รู้ว่าศิลปินเพลงอย่างพวกเขาก็ได้ไอเดียดีๆ จากหนังสือมาใช้ในชีวิตและการทำงานได้เหมือนกัน นี่คือหนังสือ 10 เล่มที่ศิลปินเหล่านี้เลือกพูดถึง หนังสือเล่มไหนเป็นเล่มโปรดของใคร เรามาลองอ่านไปทายไปได้เลยนะ

ไหม - อเลซซานโดร บาริกโก

    นักฟังเพลงคงคุ้นชื่อของ เจี๊ยบ-วรรธนา วีรยวรรธน เป็นอย่างดี เพราะเธอคือศิลปินผู้มากด้วยคุณภาพ และเป็นเจ้าของเพลงดังที่ประทับติดในความทรงจำของหลายๆ คน โดยเฉพาะ เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม ที่ถือเป็นเพลงป๊อปคลาสสิกไปแล้ว นอกจากนี้ในอีกบทบาทหนึ่ง เธอคือนักอ่านตัวยงที่มีหนังสือในดวงใจชื่อ 'ไหม' วรรณกรรมแปลจากปลายปากกา อเลซซานโดร บาริกโก นักเขียนชาวอิตาลี

    "เราชอบงานเขียนของ อเลซซานโดร บาริกโก อยู่แล้ว ชอบวิธีการพรรณนาของเขา มันน้อยแต่มาก เป็นภาษาที่ทรงพลัง บรรยายน้อยแต่ได้เยอะ มันมีความเข้มข้น อ่านแล้วต้องหยุดเพื่อนิ่งคิด พิจารณานัยที่แฝงมา ไม่เคยคิดว่าตัวหนังสือจะมีพลังได้ขนาดนั้น"

ร่างของปรารถนา - อุทิศ เหมะมูล

    ตุล ไวฑูรเกียรติ หรือที่หลายคนรู้จักกันในฐานะนักร้องนักแต่งเพลงวง อพาร์ตเมนต์คุณป้า หากฟังเพลงของเขาอย่างตั้งใจ จะพบความสละสลวยสวยงามของคำ และการเล่าเรื่องที่คล้ายกับเป็นเรื่องสั้นชั้นดี ซึ่งตัวเขาเองก็เคยมีผลงานเป็นหนังสือและบทกวีมาแล้วหลายเล่ม โดยหนังสือเล่มโปรดที่ตุลเลือกมาแนะนำ คือวรรณกรรมจากปลายปากกานักเขียนไทยเล่มนี้

    "ปีที่แล้วผมชอบ 'ร่างของปรารถนา' โดย อุทิศ เหมะมูล เนื่องจากเป็นนวนิยายที่มีความอีโรติกผสมกับการเล่นล้อกับความกดดันทางการเมืองไทยได้อย่างสนุกสนาน รวมทั้งการออกแบบดีไซน์ก็ทำได้ดีมากๆ ครับ"

ไม่มีหญิงสาวในบทกวี - ซะการีย์ยา อมตยา

    ตูน-โชติกา คำวงศ์ปิน หรือ Stoondio คือศิลปินที่มีแฟนคลับประจำเหนียวแน่นทั้งตัวผลงานเพลง และแฟนเพจเฟซบุ๊กที่มีชื่อเดียวกัน ด้วยดนตรีน้อยๆ และถ้อยคำที่สื่อให้เห็นถึงประเด็นความสัมพันธ์ที่ต่างออกไป ทำให้เพลงของเธอคล้ายกับเป็นกลอนเปล่าที่เล่าเรื่องและมีท่วงทำนองโอบรับอย่างสวยงาม ซึ่งหนังสือที่ตูนชื่นชอบนั้นก็เป็นหนังสือบทกวีเช่นกัน

    "เราชอบ 'ไม่มีหญิงสาวในบทกวี' ผู้แต่งคือ ซะการีย์ยา อมตยา เหตุผลก็เพราะเราเป็นคนชอบอ่านอะไรที่ไม่ยาวมาก อย่างงานประเภทกลอนเปล่า ภาษาสวยงาม ปลายเปิด แต่แฝงด้วยแนวคิดของผู้แต่งที่ผู้อ่านสามารถจินตนาการไปกับประสบการณ์ของตัวเองได้ค่ะ"

ดาวหางเหนือทางรถไฟ - ทรงกลด บางยี่ขัน

    พิชชี่-พิชญะ ยินดีพิธ เพอร์คัสชัน เป็นตัวแทนของ 2Pcs. วงดนตรีอะคูสติกป๊อป ที่ประกอบด้วยสมาชิก 3 คน ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก โดยมีนักร้องนำคือ จีน-ปุณณดา นาราอัครดล และ ศิก-ศิกวัส ญาโณทัย มือกีตาร์ มาแบ่งปันเรื่องราวการอ่านที่สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทาง ให้เขาเก็บมาสร้างสรรค์เป็นบทเพลงในอนาคตอีกด้วย

    "ปกติอ่านหนังสือท่องเที่ยว ทั้งไกด์บุ๊กหรือประสบการณ์ในการท่องเที่ยวของผู้เขียน ซึ่งหนังสือเล่มหนึ่งที่ชอบคือ 'ดาวหางเหนือทางรถไฟ' ของ ทรงกลด บางยี่ขัน เพราะเราเป็นคนชอบท่องเที่ยวอยู่แล้ว ในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เน้นหนักไปทางข้อมูลการเดินทาง แต่กล่าวถึงเรื่องราวและบรรยากาศระหว่างทาง ที่เราเชื่อว่ามันเป็นสิ่งเฉพาะตัวที่แต่ละคนมองเห็นต่างกัน แล้วพี่ก้องสามารถเขียนออกมาได้อย่างน่าติดตาม ทำให้เมื่อเดินทางไปเที่ยว เราจะเป็นคนที่เอ็นจอยกับสิ่งต่างๆ ระหว่างทางมาก ทำให้เราได้แนวคิดเพลงหนึ่งขึ้นมา (แต่ยังไม่ได้ทำเป็นเพลงของวงนะ) ชื่อเพลงว่า เทศกาล เกิดขึ้นตอนที่เราเดินทางไปเทศกาลดนตรีที่ประเทศใกล้เคียง แล้วไม่เลือกเดินทางด้วยเครื่องบิน แต่เลือกที่จะนั่งรถบัส รถไฟ รถตู้ ซึ่งระหว่างทางมันก็มีทั้งเรื่องราวปวดหัว ระทึก งงๆ แล้วมาจบด้วยความสุขใจเมื่อเดินทางไปถึง"

ไม่มีโทรศัพท์และเครื่องปรับอากาศ - วรพจน์ พันธุ์พงศ์

    ในช่วงเวลาที่ เพลง-ต้องตา และ ป้อง-ปกป้อง จิตดี สองพี่น้องสมาชิกวง Plastic Plastic ต่างแยกย้ายกันไปเก็บประสบการณ์ชีวิตและการทำงาน แล้วกลับมาสร้างผลงานอัลบั้มใหม่ให้แฟนเพลงได้ฟังกัน เราเห็นถึงพัฒนาการของเรื่องราวที่นำเสนอ รวมถึงสีสันทางดนตรีที่เติบโตขึ้นตามวัยของพวกเขา โดยนอกจากประสบการณ์ตรงจากการเดินทางของเพลงที่เธอบันทึกลงไดอารีไว้เพื่อนำมาเขียนเพลงแล้ว จุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เธอหันมาเขียนหนังสือคือการอ่านนั่นเอง

    "ชอบหนังสือ 'ไม่มีโทรศัพท์และเครื่องปรับอากาศ' ของ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ เพราะเป็นเรื่องเล่าใกล้ตัวง่ายๆ เป็นประสบการณ์ที่อ่านแล้วทำให้เราได้คิดตาม เป็นเรื่องธรรมชาติหรือเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเจอ อีกอย่างที่ชอบคือการใช้ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ของพี่หนึ่ง เป็นภาษาที่ไม่อ้อมค้อม ตรงไปตรงมา แต่ก็สวยงามมากๆ รู้สึกว่าเวลาอ่านแล้วเราได้รับความจริงใจกลับมา อีกเล่มหนึ่งที่ทำให้เราอยากเริ่มเขียนหนังสือคือ 'เราไม่ได้อยู่คนเดียว-อยู่คนเดียว' ของ jirabell เพราะทำให้รู้สึกว่าชีวิตประจำวันธรรมดาจริงๆ แล้วมันก็มีเรื่องราวหรือมีความหมายในตัวมันเอง รวมถึงวิธีการเขียนของพี่เบลล์ที่มีความอุ่นๆ แต่ก็อ่านสนุกแบบสามารถอ่านได้รวดเดียวจบ เลยคิดว่าเรื่องเล็กๆ บางอย่างของเราก็น่าจะเอามาเรียบเรียงแล้วสามารถให้อะไรบางอย่างกับคนอ่านได้ไม่มากก็น้อย"

เจ้าหงิญ - บินหลา สันกาลาคีรี

    นอกเหนือจากจะเป็นวงหญิงล้วนที่ทุกคนในวงคือนักร้องนำ ความพิเศษของวง Hers ที่เติมสีสันและความกลมกล่อมให้กับเพลงของพวกเขาคือ การสอดประสานที่มีสีสันระหว่างทักษะการเล่นดนตรีและการร้องที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างน่าหลงใหลของสมาชิกทั้ง 3 ได้แก่ พลอย-ชลลดา ทองใบ, ยีนส์-ณัฐวดี ปฏิเมธีภรณ์ (กีตาร์) และ กิ๊ก-ณัฐชยา แตงอ่อน (เพอร์คัสชัน)    

    และในช่วงเวลาที่มือของกิ๊กว่างเว้นจากเครื่องดนตรี หนังสือคือสิ่งที่เธอหยิบมาพลิกอ่านอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนวนิยาย เรื่องสั้น วารสาร หรือนิตยสารต่างๆ ซึ่งเธอบอกว่ามีหนังสือเล่มโปรดหลายเล่ม แต่นักเขียนที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือ บินหลา สันกาลาคีรี ไม่ว่าจะเป็น 'เจ้าหงิญ' 'คิดถึงทุกปี' และ 'นกก้อนหิน'

    "ที่ชอบงานของพี่บินหลา เพราะเป็นเรื่องราวที่จับต้องได้ ไม่ห่างไกลเกินไป ภาษาที่สละสลวยชวนให้คิดภาพตาม แถมยังให้ข้อคิดสอดแทรกเอาไว้ให้คิดตามทุกครั้ง"

    แล้วเธอยังกล่าวถึงหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตคือ 'เศษทรายในกระเป๋า' ของ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ซึ่งเป็นความเรียงบันทึกการเดินทางของมิตรภาพที่เล่าเหตุการณ์และสถานที่ให้เห็นภาพตามได้ไม่ยากอีกด้วย

ปีกหัก - คาลิล ยิบราน

    เอาแค่ชื่อวง Young Man and the Sea ก็บ่งบอกว่านี่คือวงดนตรีที่เกี่ยวพันกับหนังสืออย่างลึกซึ้ง เพราะชื่อนี้มาจากนิยายชื่อดังของ เออร์เนส เฮมิงเวย์ เรื่อง The Old Man and the Sea นั่นเอง นอกจากนี้ นักร้อง-นักแต่งเพลงของวงที่มีชื่อว่า ตั๊ด-วิรชา ดาวฉาย ยังเป็นชื่อที่นักอ่านน่าจะเคยผ่านตามาบ้าง เพราะเขาคือนักเขียนเจ้าของหนังสือรวมเรื่องสั้น 'ฝนเอยทำไมจึงตก' ที่ลีลาสำนวนไม่เบาเลยล่ะ และหากย้อนเวลากลับเกิน 10 กว่าปีล่ะก็ วิรชาก็คือนักเขียนหนุ่มน้อยเจ้าของนามปากกา 'หลานชาย' ที่เป็นคอลัมนิสต์ในนิตยสารชื่อดังหลายเล่มอีกด้วย

    เป็นทั้งนักแต่งเพลงและนักเขียนอย่างนี้ เมื่อถูกถามถึงหนังสือเล่มโปรด ตั๊ดก็เลือกอยู่อึดใจ ก่อนจะตอบว่าเขาขอเลือกหนังสือ 'ปีกหัก' ของ คาลิล ยิบราน

    "ปีกหัก ของ คาลิล ยิบราน เรื่องเล่าเรียบง่าย แต่งดงาม ทั้งความและคำ เสมือนประติมากรรมที่สลักเสลาจากความรู้สึก มันพาเราเดินทางไป ราวบทเพลงความยาวเป็นชั่วโมง ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและวิธีเขียน หรืออาจกระทั่งวิธีรักในศิลปะ" ตั๊ดบอกกับเราเช่นนี้

คุณคือผู้โชคดี Life is a Lottery - ภาณุมาศ ทองธนากุล

    ออมสิน-สุธินันท์ ทางธรรม ผู้ก่อตั้งวง Aomsin and the Boys เริ่มเป็นที่รู้จักจากการประกวดเวที Melody of Life 10 ซึ่งนอกจากแพสชั่นทางดนตรีแล้ว ออมสินยังชอบอ่านชอบเขียนหนังสืออีกด้วย

    "ผมชอบอ่านงานเขียนของ ภาณุมาศ ทองธนากุล เจ้าของผลงาน 'เราจะมีชีวิตที่ดี' หรือหนังสือยอดนิยม 'การลาออกครั้งสุดท้าย' แต่ผลงานที่ผมชอบมากที่สุดของเขาคือ 'Life is a Lottery คุณคือผู้โชคดี' อย่างแรกเลย ผมรู้สึกว่าผมกับเขามีอะไรที่คล้ายๆ กัน คือเราเป็นศิลปินที่เคยมีชีวิตของการเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนกัน และเราเลือกที่จะเดินออกมาจากเส้นทางสายนั้นแล้วยืนหยัดในวิถีของเราเอง

    "ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมา ผมมีอายุ 26 ย่างเข้า 27 ปี ซึ่งเป็นปีที่หนักหน่วงและวิกฤติมากๆ ถึงขั้นมีอาการของโรคซึมเศร้า แต่รู้ไหมว่าสิ่งหนึ่งที่ช่วยผมไว้คือหนังสือเล่มนี้! ผมเริ่มจะเข้าใจ และปล่อยวางกับชีวิตมากขึ้น เปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง ทำให้ผมเข้าใจว่าธรรมชาติของทุกสิ่งไม่มีอะไรที่เพอร์เฟกต์ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรายอมรับและเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราเป็นอยู่หรือยัง ผมรักหนังสือเล่มนี้ และขอบคุณผู้เขียนที่ช่วยชีวิตของผมไว้ การเป็นเราและการได้เกิดมาเป็นเรา มันดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ผมมีความสุขมากขึ้น และจะตั้งใจทำงานของผมต่อไปเหมือนเดิม แต่คงจะไม่คาดหวังอะไร ไม่แข่งกับใคร นอกจากตัวเราเอง ขอบคุณตัวเองที่โชคดีได้เจอหนังสือเล่มนี้ และขอบคุณพี่ภาณุมาศอีกครั้งจากหัวใจครับ"

Day After Day - วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์

    บีน-นภสร ชัยพรเรืองเดช ศิลปินสาวคนใหม่ของค่าย Boxx Music เธอเรียนคณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาปรัชญาและศาสนา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะอ่านหนังสือจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งหนังสือที่หญิงสาวชื่นชอบตอนนี้คือ Day After Day ของ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ สำนักพิมพ์ a book

    "ตอนที่บีนอ่านหนังสือเล่มนี้จบ รู้สึกผู้เขียนเขาตั้งใจในการเขียนและใส่ใจผู้อ่านมาก บีนรู้สึกเหมือนได้รับพลังที่มาเตือนใจ เป็นคำพูดง่ายๆ ที่เข้าใจง่ายๆ แล้วคอยย้ำเตือนมุมมองความคิดของเราที่ควรจะมีต่อโลกใบนี้ผ่านชีวิตประจำวันที่มันเป็นอยู่ บีนเชื่อว่าถ้าคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว เราจะมองปัญหาเป็นเพียงอุปสรรคที่เล็กมากๆ และให้ความหมายกับปัญหา จนสิ่งเหล่านี้หล่อหลอมเข้าด้วยกัน ทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับเราได้ บีนอยากให้ทุกคนได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ และบีนเชื่อว่าต้องมีคนที่ชอบหนังสือเล่มนี้เหมือนกับบีนแน่นอนค่ะ"


เมื่อถึงเวลาดอกไม้จะบานเอง - วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ

    พุฒิ-พุฒิยศ ผลชีวิน นักร้องและนักแต่งเพลงของวงภูมิจิตเป็นนักอ่านตัวยงคนนึงเลยล่ะ หากใครชวนเขาคุยเรื่องหนังสือก็จะคุยได้นานสองนานเลยทีเดียว ล่าสุดเขาบอกว่า หนังสือเล่มที่ชอบล่าสุดคือ 'เมื่อถึงเวลาดอกไม้จะบานเอง' ของ วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ สำนักพิมพ์ a book

    "ผมเป็นแฟนงานเขียนบทบรรณาธิการของพี่อ๋อง (วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ) มาร่วม 10 ปีครับ พี่อ๋องเป็นคนเขียนบทบรรณาธิการได้แตกต่างและอบอุ่นมากๆ เริ่มจากการมองเหตุการณ์ใหญ่ๆ แล้วค่อยๆ ย้อนมามองตัวเองในจุดเล็กๆ แล้วดูว่าเรามีความสัมพันธ์ในมุมไหนกับเรื่องนี้บ้าง ซึ่งสำหรับตัวผมแล้วถือว่าเป็นบทบรรณาธิการที่อ่อนโยนและงดงามพร้อมกัน ช่วงหลังตัวผมเองเป็นคนที่ทะยานขึ้นมากๆ เฝ้าใฝ่หาความสำเร็จแบบสุดๆ แต่การกลับมาอ่านหนังสือ 'เมื่อถึงเวลาดอกไม้จะบานเอง' ของพี่อ๋องมันทำให้ผมรู้สึกอยู่กับตัวเองมากขึ้น อยู่กับเรื่องราวระหว่างทางมากขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้เราจริงจังกับเป้าหมายน้อยลง แล้วกลับรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขง่ายขึ้นด้วยวิธีง่ายๆ" พุฒิกล่าวอย่างง่ายๆ สบายๆ


    เห็นลิสต์หนังสือเล่มโปรดของศิลปินแต่ละคนกันแล้ว ถ้าอยากเจอพวกเขาก็ไปพบกันได้ที่งาน LIT Fest ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18-20 มกราคม 2562 นี้ ที่มิวเซียมสยาม ซึ่งหลายคนยังแอบกระซิบว่าเตรียมการแสดงพิเศษไว้ให้ชมกันด้วยล่ะ ติดตามรายละเอียดภายในงาน รวมถึงตารางการแสดงของศิลปินทั้งหมดได้ที่นี่