พอนจังเป็นหมาน้อยสีเหลือง ตากลม คิ้วสูงดูตื่นตัวตลอดเวลา หนวดที่อยู่ใต้จมูกทำให้หน้าของเขาโดดเด่น แถมยังใส่หมวกเบเร่ต์สีส้มรับกับหูซึ่งยื่นออกมาด้านข้างอีกด้วย
ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวอยู่ในการ์ตูนช่อง เราจะเห็นเขาทำตัวตลกหน้าตาย คอยช่วยเหลือเพื่อนหรือคนแปลกหน้าอยู่เสมอ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่แม้ว่าพอนจังค่อนข้างเงียบ แต่เขาก็มีเพื่อนมากมาย อย่าง พิน นกตัวหนึ่งที่คอยบินอยู่เคียงข้างไม่ให้เหงา หรือ โรดริเกซ ดอกไม้ใจดีที่คอยเยียวยาทุกคนด้วยรอยยิ้ม
"สวัสดีครับ ผมเป็นคาแรกเตอร์ดีไซเนอร์ ชื่อ มาโกโตะ นะครับ ผมดีใจมากเลยที่ได้พบกับทุกๆ คนในวันนี้ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" คานาซาวะ มาโกโตะ คาแรกเตอร์ดีไซเนอร์เจ้าของผลงาน โอฮิเงะ โนะ พอน (OHIGE no PON) เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเป็นมิตรไม่ต่างกับคาแรกเตอร์ที่เขาวาด
จากนักเรียนคนหนึ่งที่เคยอยู่ชมรมยูโด เคยทำงานเป็นนักออกแบบแพคเกจจิ้งขนม และเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่ทำหน้าที่วัดตัวร้านตัดสูทมาก่อน คานาซาวะ มาโกโตะ กลายมาเป็นคาแรกเตอร์ดีไซเนอร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวน่ารักแสนอบอุ่นใน โอฮิเงะ โนะ พอน จนเป็นที่รักของผู้คนได้อย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร เราจะพาทุกคนย้อนไปดูเส้นทางชีวิตและเบื้องหลังแนวคิดในการสร้างคาแรกเตอร์ของเขากัน
ศิลปะที่เปิดประตูไปสู่โลกใบอื่น
คานาซาวะ มาโกโตะ เกิดที่จังหวัดนีงาตะเมื่อปีค.ศ. 1982 ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่เมืองไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น เราขอให้เขาเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่สนใจเรื่องการวาดรูปและศิลปะให้ฟังสักหน่อย
"ผมอยู่ชมรมยูโดมาตลอดตั้งแต่เด็ก แล้วผมก็ตัดสินใจเข้าชมรมยูโดในโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงด้านนี้เลยครับ ซึ่งที่ผ่านมาเวลาเล่นกีฬายูโดก็จะมีแค่การแพ้กับชนะใช่ไหม แล้วตอนขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผมก็ได้พบกับอาจารย์สอนศิลปะคนหนึ่ง ซึ่งเขาบอกว่า 'มันไม่ได้มีแค่เรื่องแพ้ชนะในโลกใบนี้นะ มันมีโลกของเธอ โลกของคนนั้นคนนี้อีกมากมาย' ผมรู้สึกว่าอาจารย์เขาเท่มากเลย ผมก็เลยประทับใจจากจุดนี้ แล้วก็สนใจศิลปะเรื่อยมา"
เมื่อถึงเวลาศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย เขาจึงเลือกเรียนคณะศิลปศาสตร์ เอกศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย โทไค (Tokai University) แล้วเรียนต่อในระดับปริญญาโท สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ (Visual Design) ที่มหาวิทยาลัยสึคุบะ (Tsukuba University) โดยทำหัวข้อวิจัยเกี่ยวกับการ์ตูนมังงะ
เขาเล่าให้ฟังว่า "ก่อนหน้านี้ผมอยากเป็นนักวาดภาพประกอบครับ แต่พอเรียนไปสักพักหนึ่งก็รู้สึกว่าอยากจะสร้างคาแรกเตอร์ที่ใส่อะไรหลายๆ อย่างเข้าไปไว้ในตัวคาแรกเตอร์นั้นๆ ได้" แต่กว่าจะได้ทำสิ่งที่ต้องการก็ต้องใช้เวลาอีกสักพักเลยทีเดียว
ความฝันที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างตอนอายุ 31 ปี
ถึงแม้ว่าจะเรียนจบด้านการออกแบบและรู้ตัวเองว่าชอบอะไร แต่เขาก็ยังไม่ได้ทำตามฝันในทันที เขาได้งานในบริษัทออกแบบบรรจุภัณฑ์สินค้าเป็นที่แรก "ผมได้ออกแบบแพคเกจจิ้ง กล่องขนมต่างๆ นี่แหละครับ จนตอนที่อายุ 31 ปี มันเหมือนกับมีอะไรติดค้างคาใจอยู่ว่าจะต้องทำสิ่งนี้ เลยตัดสินใจลาออกจากงาน จากนั้นก็ทำงานพิเศษเป็นพนักงานวัดตัวตัดสูทให้ลูกค้าและวาดรูปไปด้วย"
คานาซาวะเล่าให้ฟังว่าช่วงที่ทำงานพาร์ทไทม์เขามีโอกาสได้พูดคุยกับผู้คนมากมาย พอกลับถึงบ้านเขาก็วาดรูปเยอะมาก เขาใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ 4 ปี ช่วงเวลานั้นเองที่เขาได้ทำงานภาพประกอบและคาแรกเตอร์ดีไซน์ควบคู่กันไป เขากลายเป็นนักออกแบบคาแรกเตอร์ที่สร้างสรรค์มาสคอตในรายการโทรทัศน์ช่อง NHK และบริษัทอื่นอีกมากมาย ก่อนที่จะได้ออกแบบคาแรกเตอร์ของตัวเองอย่างจริงจัง
"ตอนที่ทำทั้งงานวาดภาพประกอบและออกแบบคาแรกเตอร์ไปเรื่อยๆ ผ่านไปหลายปี งานทางฝั่งคาแรกเตอร์ดีไซน์ก็เริ่มมีมากกว่าขึ้นมา จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 ปี ผมเลยตัดสินใจว่าจะมุ่งไปที่งานออกแบบคาแรกเตอร์ส่วนตัว นั่นก็คือพอนจังมากขึ้นครับ"
ดังนั้นจะเรียกว่าเส้นทางการเป็นนักออกแบบคาแรกเตอร์ของเขาเริ่มต้นเมื่ออายุ 31 ก็ว่าได้
หมาเด็ก พูดน้อย ใจดี มีหนวด
ท่ามกลางคาแรกเตอร์มากมายในประเทศญี่ปุ่นที่มีทั้งกระต่าย ปลา เพนกวิน หมา แมว ลิง กบ แกะ จนกระทั่งไข่ดิบ แล้วทำไมเขาถึงเลือกออกแบบพอนจังให้เป็นหมาเด็กมีหนวดกันนะ
คานาซาวะยิ้มและเล่าความทรงจำในวัยเด็กของเขาให้เราฟัง "คาแรกเตอร์นี้เกิดขึ้นจากสิ่งที่ผมอยากเป็นครับ สิ่งที่ผมชอบคือหมาและหนวด" ช่างเป็นส่วนผสมที่น่าสนใจอะไรอย่างนั้น "ตั้งแต่เด็กผมอยากซื้อหมามาเลี้ยง แต่ว่าที่บ้านไม่สามารถเลี้ยงหมาได้ ก็เลยเก็บไว้ในใจแล้วทำออกมาเป็นคาแรกเตอร์ โอฮิเงะ โนะ พอน ครับ แล้วไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องใส่หนวดเข้าไปแน่นอน ตัวโอฮิเงะมันเหมือนสัญลักษณ์ของความตลก หนวดก็เป็นสัญลักษณ์ของความตลกขบขัน อย่างหนวดของชาร์ลี แชปลิน หรือ มาริโอ้ ผมอยากสร้างงานที่สามารถสื่อถึงความอบอุ่นและความใจดีไปถึงผู้ที่ได้รับในสิ่งที่ผมสร้างไว้ในนั้น แล้วเราก็ใส่ลักษณะนิสัยเหล่านั้นกับความสุขและความตลกขบขันลงไปในคาแรกเตอร์ตัวนี้ และผมคิดว่าถ้าเป็นคุณลุงอาจจะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบมากเท่ากับเป็นหมาเด็กก็ได้"
เขาเล่าว่า คนส่วนใหญ่ที่ญี่ปุ่นจะรู้สึกว่าการไว้หนวดเป็นแฟชั่น "แล้วคนที่ไว้หนวดจะมีคนที่ดูหล่อกับคนที่ดูตลกหน่อย หนวดของผมจะเป็นแนวตลกๆ มากกว่า ผมก็เลยโกนหนวดของตัวเองออกไปแล้วครับ" ซึ่งถ้าเลือกได้เขาก็คงไว้หนวดแบบเดียวกับพอนจังนั่นแหละ
อาจจะด้วยเหตุนี้ทำให้กลุ่มแฟนที่รัก โอฮิเงะ โนะ พอน มีทั้งคนหนุ่มสาว เด็กๆ และผู้ชายที่มีหนวดก็มักจะชอบคาแรกเตอร์ของเขาด้วย
ความมีน้ำใจเป็นภาษาสากลที่ไม่ต้องพูดออกมา... ทุกคนก็เข้าใจได้
เราย้อนถามว่า ในช่วงแรกๆ ของการสร้างสรรค์คาแรกเตอร์นี้เขานำเสนอเรื่องราวของ โอฮิเงะ โนะ พอน ในรูปแบบไหน คานาซาวะบอกว่าเขาวาดออกมาในลักษณะของการ์ตูนช่องแบบไร้คำพูด
"ตอนแรกผมเริ่มจากการวาดการ์ตูน 1 ช่องก่อน แล้วก็วาดเป็น 2 ช่อง และ 4 ช่องครับ จนได้ร่วมงานกับสำนักพิมพ์ล่าสุดก็ทำออกมาเป็นหนังสือภาพ 16 หน้าเลย ช่วงแรกผมอยากนำเสนอเรื่องในเชิงที่ แม้ไม่มีคำพูดใดๆ แค่เห็นหน้าของตัวละครนี้ก็เข้าใจได้ เป็นความตลกที่ไม่มีเสียงให้คนอ่านเห็นพอนจังก็รู้ได้ว่าเขากำลังคิดว่า 'เอ๊ะ? จะช่วยเขาอย่างไรดีนะ' วิธีคิดแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมเรียนมาเฉพาะทางเลยครับ เกี่ยวกับการสื่ออารมณ์ด้วยรูปภาพมากกว่าการใช้คำพูด"
ส่วนเบื้องหลังแนวคิดของการสร้างสรรค์คาแรกเตอร์ที่มีน้ำใจก็มาจากสิ่งที่เขาเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก และกลายเป็นแนวทางในการถ่ายทอดเรื่องราวของ โอฮิเงะ โนะ พอน มาโดยตลอด "แรงบันดาลใจในการคิดเรื่องของผมมาจากอาจารย์สมัยประถมนะครับ อาจารย์สอนว่าเมื่อเรามอบสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นไปแล้ว เราก็จะได้รับสิ่งดีๆ กลับมาด้วย แนวคิดนี้ถือเป็นหลักในการทำหนังสือของผมเลยครับ ดังนั้นสำหรับเด็กๆ ที่ยังอ่านหนังสือไม่ออก ถ้าเขาได้ดูภาพที่ผมวาดก็จะสามารถเข้าใจได้ครับ"
"ใจความสำคัญในหนังสือที่ผมวาดคือ อยากให้คนอ่านหนังสือได้เป็นอย่างนั้น เช่น ถ้าคาแรกเตอร์ของเราเป็นคนที่ช่วยเหลือคนอื่น คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ก็อาจจะมีจิตใจอยากช่วยเหลือคนอื่น ถ้าหนังสือเล่มนี้มีความอบอุ่น คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ก็จะมีความอบอุ่นด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา"
แล้ววิธีการของเขาก็ไม่ได้สามารถใช้กับเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออกเท่านั้น แต่กับผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นอย่างชาวต่างชาติก็เข้าใจได้เหมือนกัน
ดูเหมือนความตั้งใจของเขาจะเกิดขึ้นได้จริงๆ เพราะการหยิบยื่นความช่วยเหลือของพอนจังที่สร้างความประทับใจให้คนผู้อ่านยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น คนที่ชอบเรื่องของพอนจัง พร้อมใจกันส่งต่อความน่ารักแฝงอารมณ์ขันนั้นให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้ซึมซับเรื่องของความมีน้ำใจของ โอฮิเงะ โนะ พอน ด้วย
"หนังสือภาพของ โอฮิเงะ โนะ พอน มีกลุ่มแฟนคลับตั้งแต่วัยรุ่นผู้หญิงอายุ 20 - 30 ปีนะครับ มีจุดที่น่าสนใจคือ คนวัยหนุ่มสาวที่ชอบ พอแต่งงานแล้วก็ซื้อหนังสือเล่มนี้ให้ลูก ผมได้ยินเรื่องแบบนี้บ่อยมากเลยครับ อาจจะเพราะพ่อแม่ของพวกเขาส่งต่อเรื่องราวของพอนจังให้ลูกๆ ทำให้ผมมีแฟนๆ เป็นเด็กเล็กด้วยนะครับ"
คานาซาวะยิ้มอย่างร่าเริงและบอกเราว่า การที่คนอ่านหรือคนที่เห็น โอฮิเงะ โนะ พอน แล้วชอบผลงาน คือสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ออกแบบคาแรกเตอร์อย่างเขา เพราะเมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนชอบสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ขึ้น หัวใจของเขาก็รู้สึกเบิกบานจริงๆ
เพื่อนร่วมงานคนสำคัญที่ทำให้ โอฮิเงะ โนะ พอน ออกมาทักทายทุกคนแบบจับต้องได้
หลังจากสร้างสรรค์เรื่องราวสนุกๆ ของ โอฮิเงะ โนะ พอน ในรูปแบบการ์ตูนช่อง ที่ขยายเป็นหนังสือภาพที่วางจำหน่ายทั้งที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีให้ทุกคนรู้จักกันแล้ว เราก็ได้เห็นผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ผลิตออกมาให้คนซื้อไปครอบครองได้ เช่น ฟิกเกอร์ อาร์ตทอย เครื่องเขียนอย่าง สมุด สมุดฉีก สติกเกอร์ กระดาษเขียนจดหมาย ฯลฯ
แน่นอนว่าความน่ารักของพอนจังและผองเพื่อนทำให้แบรนด์ดังอยากทำความรู้จักและร่วมงานด้วย อย่าง niko and ... ที่นำหมอน ตุ๊กตา กระเป๋า และเสื้อผ้าออกมาให้สัมผัสความนุ่มน่ากอดมาจำหน่าย แถมยังออกแบบลวดลายบนตู้รถไฟอิซุมิ พาผู้โดยสารมุ่งหน้าสู่จังหวัดชิบะด้วยความสดใส หรือ ไปปรากฏตัวอยู่ในตู้ขายน้ำชาบรรจุขวดยี่ห้อดังของไต้หวันที่ผลิตเป็นจำนวนถึง 1,200,000 ขวด ร่วมงานกับ FamilyMart ไต้หวัน มีดิสเพลย์กว่า 4,000 ร้าน แล้วบางครั้งก็ได้เห็นว่ามีคนใช้เคสโทรศัพท์มือถือที่มีลวดลาย โอฮิเงะ โนะ พอน ของ Casetify เดินผ่านมาให้เห็น
โอฮิเงะ โนะ พอนยังออกเดินทางไปพบปะผู้คนผ่านป๊อปอัพสโตร์ที่ ห้างสรรพสินค้าเคโอ (Keio Department Store, Shinjuku) ย่านชินจุกุ โตเกียว, ร้านหนังสือคิงสโตน (Kingstone) ของไต้หวัน งานอาร์ตทอยที่ไทเป ฯลฯ นอกจากนั้นเขายังจัดนิทรรศการเดี่ยวที่ โอโมเตะซันโด ฮิลส์ (Omotesando Hills) โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และ ไต้หวัน ก่อนที่ T.A.C.C บริษัทผู้เป็นตัวแทนดูแลลิขสิทธิ์ โอฮิเงะ โนะ พอน จะพา คานาซาวะ มาโกโตะ มาพบปะทุกคน นำสินค้ายอดนิยมมาจำหน่าย พร้อมเปิดตัวมาสคอตครั้งแรกที่ประเทศไทยงาน Bangkok Illustration Fair 2024 ที่ centralwOrld LIVE ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ วันที่ 5-8 ธันวาคม 2567
ซึ่งเขาพูดถึงการนำมาสคอตมาเมืองไทยเป็นที่แรกครั้งนี้ว่า "ที่เดินทางมาไม่ใช่มาสคอตนะครับ แต่เป็นพอนจังเองเลย พอนจังเขาอยากไปเจอคนไทยด้วยตัวเองครับ" พอพูดแทนพอนจังจบแล้ว คานาซาวะก็หัวเราะแบบเขินๆ"
การเดินทางอันน่าประทับใจของ โอฮิเงะ โนะ พอน ไม่ได้เกิดขึ้นโดยเขาเพียงคนเดียว คานาซาวะพูดถึงอีกคนหนึ่งที่มีส่วนสำคัญต่อการทำงานของเขาว่า "ผมเป็นคนที่วาดรูปอย่างเดียวเลยครับ ออกแบบอะไรไม่ได้ อาร์ตเวิร์กที่เห็นอยู่บนสินค้าต่างๆ เป็นฝีมือของภรรยาผมทั้งหมด บางครั้งเวลาที่ผมเลือกหรือตัดสินใจอะไรไม่ได้ ก็ต้องให้ภรรยาช่วยเลือกให้"
"ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการทำงานส่วนตัวหรือการทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ก็สนุกทั้งสองอย่าง เวลาผมทำงานของตัวเอง ผมจะคิดว่าคนเห็นสินค้าของเราแล้วจะมีความรู้สึกแบบไหนนะ หรือว่าเราทำออกมาแล้วรู้สึกแบบไหน สนุกกับมันอย่างไร ส่วนการทำงานร่วมกับคนอื่น เราก็จะไว้ใจคนออกแบบผลิตภัณฑ์เต็มที่ เพราะว่าเขาเป็นคนรับผิดชอบด้านการออกแบบ ทำให้เรารู้สึกลุ้นและสนุกกับผลลัพธ์ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรครับ"
การส่งความสุขและสิ่งที่ โอฮิเงะ โนะ พอน ได้รับกลับมา
บ่อยครั้งที่คานาซาวะเดินทางไปพบปะแฟนที่ชื่นชอบ โอฮิเงะ โนะ พอน ด้วยตัวเอง ทำให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกของผู้คนต่อ โอฮิเงะ โนะ พอน เขาเล่าถึงบรรยากาศเหล่านั้นด้วยตาเป็นประกายและรอยยิ้มกว้าง
"นอกจากผมจะชอบวาดรูปมากที่สุดแล้ว การที่ผมได้พบผู้คนผ่านสิ่งที่ผมสร้างขึ้นจากสิ่งที่ผมวาด ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผมมีความสุขอีกอย่างหนึ่งเลยครับ ผมได้รับจดหมายรักจากแฟนที่เป็นเด็กๆ มากมายเลยครับ นอกจากการรับรู้ข้อมูลทางการตลาดแล้ว การที่ผมได้เจอแฟนๆ ที่ชอบคาแรกเตอร์ของผมมันพิเศษมาก ทำให้เรารู้ว่าต่อไปเราจะสร้างสรรค์อะไรที่ทำให้เขามีความสุขกับผลงานของเราอีกบ้าง"
รวมถึงการที่ผลงานของเขามีโอกาสเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ก็ทำให้เขามีความสุขเช่นกัน "การที่เอเจนต์ทำป๊อปอัพสโตร์ไปยังที่ต่างๆ แล้วคนสามารถเข้ามาจับต้องสินค้า ได้จับชิ้นงาน เป็นเรื่องสำคัญมากครับ ยิ่งการที่หนังสือของผมได้วางจำหน่ายในต่างประเทศ มันทำให้ผมประทับใจมากๆ ที่ข้อความและเรื่องราวของ โอฮิเงะ โนะ พอน ที่ผมอยากสื่อถึงผู้คน สามารถเดินทางไปถึงคนที่พูดภาษาอื่นๆ ได้"
วงการคาแรกเตอร์ดีไซน์และพื้นที่ของ โอฮิเงะ โนะ พอน
ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีนักวาดการ์ตูนและนักออกแบบคาแรกเตอร์ที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่นิยมไปทั่วโลก คานาซาวะเองก็เติบโตมากับคาแรกเตอร์ที่เป็นตัวละครในความทรงจำเหมือนกับทุกคน
"ญี่ปุ่นอย่างที่หลายๆ คนบอกว่าเป็นเจ้าแห่งคาแรกเตอร์ ตั้งแต่เด็กๆ ผมก็เติบโตมาพร้อมกับการเห็นตัวละครคาแรกเตอร์ต่างๆ มากมายเลยนะครับ แล้วตอนนี้คนที่ในตอนเด็กๆ ไม่มีเงินซื้อ ไม่เคยมีของเล่นเหล่านั้น ก็สามารถซื้อฟิกเกอร์หรือสติกเกอร์ของคาแรกเตอร์ที่ตัวเองชอบและมีความทรงจำในวัยเด็กมาสะสมได้ อย่างผมก็ซื้อกันดั้มมาสะสมเหมือนกันครับ"
การนำความทรงจำ คำสอน และความปรารถนาในวัยเด็กมาสร้างเรื่องราวน่ารักแสนอบอุ่นของพอนจังกับเพื่อนๆ ขึ้นมาแล้ว คานาซาวะอยากให้ โอฮิเงะ โนะ พอน เติบโตเป็นแบบไหนท่ามกลางคาแรกเตอร์มากมายในญี่ปุ่นและทั่วโลกอย่างทุกวันนี้
"ผมว่าคาแรกเตอร์ญี่ปุ่นส่งอิทธิพลไปทั่วโลกเลย อย่างเวลาที่เราไปต่างประเทศแล้วเพื่อนชาวต่างชาติรู้จักนารูโตะหรือวันพีซ เราก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจว่าเขารู้จักคาแรกเตอร์ของญี่ปุ่นนะครับ ผมมองว่าแม้วงการคาแรกเตอร์โดยรวมอาจจะมีการแข่งขันสูง แต่สำหรับ โอฮิเงะ โนะ พอน ผมอยากให้เขาเป็นคาแรกเตอร์ที่อยู่กับแฟนไปนานๆ ไม่เกี่ยวกับการขายได้หรือไม่ได้"
"ตอนแรกมีผมกับภรรยาทำงานกันแค่สองคน คือผมเป็นคนออกแบบวาดขึ้นมา แล้วภรรยาเป็นคนออกแบบผลิตภัณฑ์ ต่อมามีเอเจนซี่มาช่วย ทำให้มีการร่วมงานกับแบรนด์และคนในประเทศต่างๆ ที่ทำให้เราได้ขยายผลงานออกไปในวงกว้างขึ้น ผมอยากให้บทบาทของเราที่ได้รับความช่วยเหลือและความร่วมแรงร่วมใจจากหลายๆ ฝ่าย ทำให้ โอฮิเงะ โนะ พอน เติบโตไปในประเทศอื่นๆ และอยู่กับแฟนๆ ไปนานๆ ครับ ส่วนบทบาทของพอนจัง ผมอยากให้เขาเป็นเหมือนสนูปปี้ของญี่ปุ่น หรือมูมินของญี่ปุ่นอย่างนั้นเลย"
ตอนนี้เรื่องราวของ โอฮิเงะ โนะ พอน ค่อยๆ ถูกบอกเล่าผ่านหนังสือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามเป้าหมายของคานาซาวะแล้ว หากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็นับว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว "การที่ผมได้เจอกับพอนจังทำให้ชีวิตผมสมบูรณ์ขึ้นมากเลย พอนจังพาผมไปยังประเทศต่างๆ เหมือนกับที่พาผมมาเจอกับทุกๆ คนในวันนี้ครับ พอนจังส่งอิทธิพลต่อผมมากเลยครับ ความน่ารักของเขาได้แผ่ร่มเงามาถึงผม และเรียกสิ่งดีงามต่างๆ เข้ามาในชีวิตมากมาย"
ไม่เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อชีวิตของ คานาซาวะ มาโกโตะ เท่านั้น การได้รู้จักกับพอนจัง หมาน้อยมีหนวดที่มีน้ำใจตัวนี้ ทำให้เรารู้ว่าจุดเริ่มต้นของการส่งความรักความปรารถนาดีในรูปแบบต่างๆ สร้างความอบอุ่นในหัวใจและมีความหมายกับเราได้มากแค่ไหน เมื่อได้รับมาแล้ว เราก็อยากส่งต่อสิ่งดีๆ สู่คนอื่นต่อไปเหมือนกันนะ
ขอบคุณ T.A.C.C. บริษัทผู้เป็นตัวแทนดูแลลิขสิทธิ์คาแรกกเตอร์ โอฮิเงะ โนะ พอน ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครั้งนี้