นี่คือเรื่องราวของความท้าทายจากศิลปินยุคโซเชียลมีเดียเฟื่องฟู
กิจกรรมหนึ่งที่เราเห็นกันมากขึ้นเรื่อยๆ คือการที่ศิลปินใช้โซเชียลมีเดียทำ challenge ผ่านแฮชแท็กต่างๆ จนมีภาพวาดแสนสวย ให้เราใจฟูมากมาย หนึ่งในนั้นคือ โหน่ง-กฤษพล วัฒนปาน เจ้าของเพจ
My space 365 ผู้จัดกิจกรรม Friday challenge โดยมีภาพต้นแบบปล่อยมาให้วาดทุกวันศุกร์ ชวนคนมาสนุกกับการวาดตามสไตล์ของตัวเอง ไม่จำกัดเทคนิค แล้วนำผลงานมาแบ่งปันให้ชมกันในโพสต์ ซึ่งมีผู้ร่วมสนุกจำนวนมากทั้งในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
โหน่ง ทำงานประจำเป็นครูศิลปะ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) ในวันหยุดเขาทำงานอดิเรกเป็นศิลปินนักเดินทาง ที่เดินทะลุตรอกซอกซอย หาแง่มุมความงาม แล้วนั่งสเก็ตช์ภาพลงสมุดบันทึก เพื่อเก็บบันทึกความทรงจำ ผลงานของโหน่ง จึงอ่อนหวาน ละเมียดละไม แลเห็นชีวิตชีวาของผู้คน รวมทั้งยังมี How to ให้ผู้ที่สนใจ ได้เห็นขั้นตอนการวาดภาพ เทคนิคที่ใช้ สามารถวาดตามได้ง่าย โดยไม่หวงวิชา

เรานัดคุยกับเขาในห้องเรียนที่ใช้สอนศิลปะ ท่ามกลายกลิ่นอายของกระดาษ สี และแบคกราวน์ผนังที่เป็นผลงานของนักเรียน คือห้องที่หลอมรวมตัวตนของผู้ชายคนนี้ ...ให้รักการสอนศิลปะสุดหัวใจ
ย้อนกลับไปก่อนที่เขาจะเริ่มวาดรูป โหน่งในวัยเด็กมักจะเดินทางตามพ่อที่เป็นพนักงานรถไฟไปสถานที่ต่างๆ ช่วงระยะเวลาที่ข้ามผ่านแต่ละสถานี แม่ของเขาเป็นคนซื้อการ์ตูนผีการ์ตูนขายหัวเราะมาให้อ่านระหว่างทาง ซึ่งจุดประกายให้เขาหลงใหลการอ่านการ์ตูนในตอนเด็ก
"เมื่อก่อนชอบหมู นินจา (สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ นักเขียนการ์ตูนขายหัวเราะ - มหาสนุก) ชอบมาก เป็นลายเส้นที่สวยจังเลย อยากลองวาดบ้าง ก็เริ่มลอกการ์ตูนช่อง พอวาดเสร็จ รู้สึกว่ามันสวย แต่มันสวยเพราะเราวาดก็อปปี้ เราก็นำไปต่อยอดในห้องเรียน วาดหน้าเพื่อน มันไม่สวยหรอก แต่เพื่อนชอบ พอวาดไปวาดมา ครูประถมมาเห็น ก็ชวนไปประกวดบ้าง ไปวาดข้างนอกบ้าง วาดกำแพงบ้าง เราคิดว่า ดีจังเลย ภูมิใจที่ครูเห็น บางทีหากระดาษไม่ได้ ก็ใช้หนังสือเรียนไปก่อน" เขาหัวเราะ
พอขึ้นชั้นมัธยมต้น โหน่งมีเพื่อนวาดรูปมากขึ้น มีชมรมเล็กๆ ที่ชวนกันวาด พวกเขาติดอ่านการ์ตูนดราก้อนบอล ผลงานของอาจารย์อากิระ โทริยามะ ซึ่งจุดพลังให้เขาวาดการ์ตูนเป็นเรื่องราว "ผมว่าทุกคนเคยอ่านเรื่องดราก้อนบอลกันมาก่อน เมื่อก่อนเล่มละ 25 บาท มันแพงนะ เราก็เอาเงินปันผลจากสหกรณ์มาซื้ออ่านตอนปลายเทอม แล้วก็วาดตาม ลามเป็นช่อง เป็นเรื่องราวต่างๆ สนุกดี แล้วช่วงมัธยมวิชาศิลปะมันจริงจังขึ้น อาจารย์ใจดี ก็แนะนำเราให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้ เรารู้สึกว่า อาจารย์ศิลปะใจดีจัง เลยมาอยู่ห้องศิลปะบ่อยๆ"

หลังจากได้โควต้าเข้าชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช เขาเรียกช่วงเวลานี้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นการวาดภาพเมืองแบบเพอร์สเปกทีฟ ซึ่งกลายเป็นแนวทางการวาดรูปสเก็ตซ์ในอนาคต
"ในโรงเรียนวิทยาศาสตร์ ไม่ค่อยมีคนวาดรูปเท่าไหร่ครับ เราก็โดดเด่นขึ้นมา ช่วงนี้เราวาดเองไม่ได้ก็อปปี้แล้ว เพราะอยู่โรงเรียนประจำ หาซื้อการ์ตูนยาก มันพีคตรงที่มีวิชาอินทีเรีย เพื่อนก็ไม่ทำ เลยเสร็จเด็กชายโหน่ง เขาจ้างเรา ไม่เยอะหรอก 10-20 บาท เราก็รับสิ ซึ่งมันไม่ดีหรอก แต่เราชอบวาดรูปไง มันทำให้ชินเรื่องการวาดเพอร์สเปกทีฟ (Perspective) โดยไม่รู้ตัว จากที่วาดแต่การ์ตูนช่องมา เราค้นพบว่า ชอบอะไรแบบนี้เหมือนกันเนอะ" โหน่งเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้ม
ครูแนะแนวแนะนำให้เขาเรียนสถาปัตย์ โหน่งสอบเอนทรานซ์ติด คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร แต่เขาไม่ค่อยเข้าเรียนเท่าไหร่นัก เพราะมักออกไปวาดรูป
"เราได้เพอร์สเปกทีฟมาบ้างแล้ว พอออกไปวาด on location ที่วัดต่างๆ ในพิษณุโลก มันสนุกจัง ดีจังเลย เริ่มชอบการวาดภาพข้างนอก บวกกับต้องไปต่างจังหวัดคนเดียว เลยเขียนไดอารี่เรื่อยๆ เมื่อก่อนเขียนใส่สมุดออร์แกไนซ์ จากเขียนตัวหนังสือเต็มไปหมด ก็เอารูปไปใส่บ้าง พอเห็นว่าตัวเองวาดรูปได้ เลยขยับขยายจากการวาดแทรกเล็กๆ ก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้น เปลี่ยนจากการเขียนมาเป็นรูปวาดแทน เราย้อนกลับไปอ่าน 2-3 ปี หลังจากนั้น รู้สึกจำภาพได้ดีขึ้น มันไม่ได้จำแค่รูปภาพ แต่จำไปถึงบรรยากาศ กลิ่น เสียง เพราะตอนเราวาด เราเก็บรายละเอียดทั้งหมด"
แม้จะค้นพบความถนัดของตัวเองในการวาดเพอร์สเปกทีฟ และความชอบในการสเก็ตซ์ภาพใส่สมุด แต่ก็ทำให้เขาแทบไม่ได้เรียนวิชาอื่นๆ เลย จนต้องซิ่วมาเรียนออกแบบนิเทศศิลป์ ที่ราชภัฏสวนดุสิต แม้จะรู้สึกผิดหวัง ล้มเหลวในตัวเอง แต่โหน่งก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะมัวแต่วาดรูปไม่ได้ ต้องเรียนให้จบ 4 ปี
"ช่วงที่อยู่กรุงเทพฯ เราเริ่มบันทึกจริงจัง ระหว่างที่นั่งรถเมล์ ไม่รู้ทำอะไร ก็หยิบสมุดบันทึกมาวาดรูปคน รูปสถานที่ ตอนรอรถไฟกลับบ้าน เราก็วาด แต่วาดแบบสะเปะสะปะ บางครั้งรู้สึกอึดอัดอะไรบางอย่าง เราก็ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพ จนมันเริ่มติดเป็นนิสัย"

ช่วงที่ทำงานเป็นกราฟิกดีไซน์ เขาซื้อนิตยสาร a day มาอ่านเป็นประจำ จนไปสะดุดตากับคอลัมน์หนึ่งที่พาออกไปวาดรูปข้างนอก โดยกลุ่ม Bangkok Sketchers โหน่งตามไปสมัครเข้าร่วมกิจกรรม จึงถือจุดเริ่มต้นของการออกไปวาดเมือง on location แบบจริงจังเป็นครั้งแรก
"จำได้แม่นเลยครับ ที่วัดโพธิ์ ผมถือกระดาษอันใหญ่เลย ขนาด A2 คิดว่าวาดแบบจิตรกรรมแน่ๆ แต่พอไปเจอพี่ๆ พกสมุดเล็กๆ กันมา อายมาก เลยเอากระดานไปแอบก่อน แล้วเอากระดาษมาเขียน แวบแรกก็กังวลว่า เขาจะว่าเราหรือเปล่า เขาจะว่ายังไงบ้าง แต่ทุกอย่างมันตรงกันข้ามหมดเลย เขาให้คำแนะนำตลอด เหมือนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน แล้วผมชอบที่ พอวาดเสร็จแล้ว ทุกคนเอางานมาตั้งเรียงกัน มาดูเทคนิคที่แต่ละคนใช้ ซึ่งส่งผลต่อเทคนิคในอนาคตของผมเยอะมาก เพราะมันได้เรียนรู้โดยปริยาย เราเลยรู้สึกว่าดีจัง ที่มีกลุ่มแบบนี้"
หลังผ่านทริปแรก โหน่งก็เสพติดการวาด on location เขาลองผิดลองถูกหลากหลายเทคนิก ฝึกฝนจนเจอแนวทางที่ตัวเองชอบ จากเดิมที่ถนัดการใช้ลายเส้นสีดำ ไม่กล้าลงสีน้ำ เพราะกลัวงานจะเสีย ก็เริ่มลงสีน้ำมากขึ้น ขยับการลงสีจากจุดเล็กๆ ขยายมาเป็นการลงสีทั้งภาพ

ผูกพันกับการวาด on location
หลังคุยกับโหน่งสักพัก เขาหยิบอุปกรณ์คู่กายของเขามาให้เราดู กระเป๋าเล็กๆ สีดำ ใส่อุปกรณ์ครบครัน ทั้ง กระปุกใส่น้ำ พู่กัน สี ผ้า ปากกาพิกม่า 3 เบอร์ ซึ่งช่วยสร้างลายเส้นให้มีมิติที่หลากหลาย และที่ขาดไม่ได้คือสมุดบันทึกหลายเล่ม ซึ่งเมื่อไล่เรียงดูทีละหน้า จะพบว่า เขามักวาด ตึก อาคาร สถานที่ประวัติศาสตร์ พร้อมเก็บบรรยากาศโดยรอบ เพื่อเชื่อมโยงสถานที่เข้ากับบริบทของสังคม
"เรารู้สึกว่าอาคารที่เห็น มันไม่ใช่แค่ปูน ไม่ใช่แค่ไม้ มันมีชีวิต แล้วชีวิตที่มันมี เราก็ถ่ายทอดลงไปในสมุด เราได้สัมผัสชีวิตขณะกำลังวาดรูป บางทีเราไม่ได้โฟกัสแค่บ้านหลังหนึ่ง แต่บริเวณรอบๆ บ้าน ก็น่าสนใจ เช่น บุคคลที่อยู่ บรรยากาศรอบตัว หรือการเปลี่ยนแปลงของบ้านหลังนั้น นั่นเพราะว่าอีก 5 – 10 ปี เราไม่รู้ว่า บ้าน หรือคนคนนี้เขายังอยู่หรือเปล่า แต่มันถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของเรา"
สำหรับโหน่งเสน่ห์ของการวาด on location คือเหตุการณ์ที่เข้ามาเซอร์ไพรส์อย่างไม่ทันตั้งตัว เช่น ถ้าฝนกำลังตก ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หาคาเฟ่ที่มีกระจกใหญ่ๆ แล้ววาดบรรยากาศตรงนั้น หรือหลายครั้ง ผู้คนที่อยู่แถวนั้น เข้ามาชวนคุย ก็ทำให้พบเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งไม่มีเขียนอยู่ในหนังสือหรืออินเทอร์เน็ต

"เราประมวลแล้วว่า ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ซึ่งเขาพร้อมเล่าเสมอ เพราะเห็นว่ามาวาดรูป เขาก็ถามว่า เอาเก้าอี้ไหมลูก เอาเก้าอี้มาให้นั่ง แล้วก็เล่าว่าที่นี่เป็นแบบนี้นะ เราก็แบบดีจังเลย บางทีวาดเสร็จให้เขาเลยนะ เพราะเป็นบ้านเขา ร้านเขา เราไม่ได้หวงหรอก มันมีความหมายสำหรับเขา สายตาที่มองมา รู้ว่าเขาชอบมาก พออยู่กับเขา เขาเก็บไว้กับตัว ผูกพันกับตัวรูปได้ดีว่าเราอีกนะ สำหรับเรา วาดใหม่ได้ เราเลยให้กับเจ้าของที่เหมาะสม"
การบันทึกของโหน่ง ทำให้เขาได้เก็บเกี่ยวช่วงเวลาของสถานที่สำคัญต่างๆ เอาไว้ ซึ่งปัจจุบันบางสถานที่ก็ถูกรื้อถอนไปแล้ว เช่น ป้อมมหากาฬ โรงภาพยนตร์สกาล่า "ป้อมมหากาฬ มันเป็นชุมชนในเมืองที่ไปไม่ยาก เราจำความรู้สึกนั้นได้ว่า เขาต้อนรับดีมาก เอาเก้าอี้มาให้นั่ง พอดีเราเอาอุปกรณ์เล็กๆ ไปด้วย ก็ให้เด็กๆ วาด เขาชอบศิลปะกันอยู่แล้ว ส่วนสกาล่า เราไปทุกปี คนรุ่นผมเขาชอบโรงหนังสแตนอโลน อย่างชุมพรราม่า สกาล่า ลิโด ชอบจังเลย พอมีข่าวว่าจะปิด เราก็วาดเยอะขึ้น เก็บบันทึกเยอะขึ้น ที่สำคัญ เราพยายามหา hidden ถ้าถามว่าเราวาดเพื่ออะไร เราไม่ได้อยากให้ป๊อปปูล่าร์นะ หากอยากให้คนรู้จักมากขึ้น ว่ามันมีความงามที่แอบซ่อนอยู่ บางทีอาจจะเป็นข้างบ้าน ที่คุณไม่เคยสังเกตมาก่อน เราก็อยากให้คนเห็นความงามรอบตัว ผ่านภาพวาดก็ได้"
.JPG)
Friday challenge สุขทุกศุกร์
โหน่งเปิดเพจ My space 365 เพื่อสร้างพื้นที่ 365 วัน ให้มีแต่งานศิลปะ เขาลงภาพสเก็ตซ์ on location อย่างสม่ำเสมอ จนมีแฟนๆ เข้ามาติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งวันหนึ่งหลังสถานการณ์โควิด 19 เริ่มคลี่คลาย เขาคิดกิจกรรม Friday challenge สุขทุกศุกร์ขึ้นมา เพื่อหวังเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนที่อยากวาดรูป แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ลุกขึ้นกลับมาจับดินสอ จับปากกา จับสี วาดรูปด้วยความสุขกันอีกครั้ง รวมทั้งถือโอกาสนี้ชาเลนจ์เทคนิคการวาดรูปของตัวเอง
"เราคิดถึงหลายคนที่อยากวาดรูป แต่ไม่มีแบบ เขาน่าจะได้วาดอะไรบางอย่าง ซึ่งเราถ่ายภาพพวกตึกต่างๆ เอาไว้เยอะ ก็เลยลองดู แล้วคิดว่าชาเลนจ์ต้องเป็นวันศุกร์ไหม หลังจากทำงาน ก็มีเวลาวาดรูป เราเลยชวนมา Friday challenge ใครอยากวาดเชิญเลยครับ ไม่จำกัดเทคนิค ตอนแรกก็ไม่คิดถึงผลตอบรับ จากตอนแรกมี 2-3 คน มีแค่เพื่อนครูที่อยากวาดด้วย ก็กลับมีคนส่งภาพมาเรื่อยๆ ซึ่งมันได้เห็นทั้งเทคนิค เห็นความบริสุทธิ์ของแต่ละคน บางคนเห็นแค่ในโซเชียลไม่ได้คุยกันเลย ก็มาคุยกันผ่านรูปภาพ"

ภายหลังโหน่งเริ่มสอดแทรกธีมต่างๆ เข้าไปในแบบวาดรูปทุกสัปดาห์ เช่น ธีมสีเขียว ก็เลือกแบบวาดรูปที่เน้นบรรยากาศหน้าฝน สดชื่นด้วยต้นไม้สีเขียว หรือ ธีมแสงเงา ก็จะเลือกแบบวาดเป็นภาพตึกที่มีเงาตกกระทบ รวมทั้งยังเอาทักษะวิชาชีพครูมาทำฮาวทูหรือเทคนิคการวาด และการเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆ สอดแทรกเข้าไปด้วย "บางคนเขาไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เราก็เป็นครู เลยพยายามทำฮาวทูว่าจะเริ่มต้นวาดยังไงบ้าง โดยพยายามทำขั้นตอนให้น้อยที่สุด เพราะถ้าขั้นตอนเยอะ คนก็ไม่อยากอ่านแล้ว แต่ก็มีคนบอกว่ามันหายไปไหน 4 ขั้นตอนเนี่ย (หัวเราะ) อย่างศุกร์นี้ อยากวาดสีเขียว เราก็แนะนำสีเขียวต่างๆ ไปในตัว เราเอาอาชีพของเรามาใส่ไว้ตรงนี้ ก็เกิดประโยชน์กับคนหมู่มาก เพราะคนที่อยากวาด แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง มีเยอะครับ เราก็ให้กำลังใจเขาเรื่อยๆ"
โหน่งบอกว่า เป็นช่วงเวลาที่ได้ใช้โซเชียลมีเดียของตัวเองให้เกิดประโยชน์ ซึ่ง My space 365 มีอยู่ทั้งในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ซึ่งแต่ละช่องทาง เขาใช้งานแตกต่างกันไป อย่างในอินสตราแกรม จะเน้นลงภาพวาด ในเฟซบุ๊ก จะเน้นการสอนวาดรูปแบบละเอียด ส่วนในทวิตเตอร์จะเน้นการส่งต่อแรงบันดาลใจ เพราะเป็นช่องทางที่มีคนตามเยอะ และมีเด็กๆ ที่เป็นลูกศิษย์เข้ามาร่วมเล่น Friday challenge ด้วย
"มีวันหนึ่ง ห้องที่เราสอนเขียนแบบ เขาก็บอกว่าอาจารย์ หนูเล่น Friday challenge กับอาจารย์ด้วยนะ อาจารย์ชมหนูด้วย เราก็ถามว่าเธอคนไหน แต่เขาไม่บอก สักพักก็กระจายไปทั่วทั้งห้อง ทั้ง 15 คน ตามผมหมด ในทวิตเตอร์เนี่ย เขาไม่ยอมบอกครับ ทุกคนใช้รูปศิลปินเกาหลี" เขาหัวเราะ "ซึ่งครูก็ไม่รู้ว่าคือใคร แต่ก็ไม่เป็นไร เซอร์ไพรส์ดีที่เขามาเล่นชาเลนจ์กับเรา" โหน่งยิ้มกว้าง แววตาฉายแววภูมิใจในลูกศิษย์ตัวเอง

"มีหลายคนทักมาขอบคุณ ให้ทำ Friday challenge ต่อไปเรื่อยๆ นะ เพราะเขาไม่ได้จับดินสอวาดรูปมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว บางคนไม่กล้าโพสต์ในพื้นที่อื่น แต่กล้าโพสต์ที่นี่ เราใจฟูเหมือนกัน จากที่เราทำโดยไม่หวังอะไร แต่มันไปจับความรู้สึกบางคนเข้า เราเลยรู้สึกดีจัง อยากทำต่อไปเรื่อยๆ เราชอบตัวเองในตอนนี้ที่สุด เหมือนงานอดิเรก มันไม่กระทบกับงาน เพราะมันไปด้วยกันได้ มันส่งผลเอื้อต่อกันและกัน"
โหน่งปิดท้ายว่า สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นวาดรูปสเก็ตซ์ เพียงหยิบดินสอ ขึ้นมาวาดรูปสิ่งใกล้ตัว หรือวาดโต๊ะทำงานของตัวเองก็ได้ แล้วค่อยขยายไปเป็นตึก ห้อง ท้องฟ้า
"เราอยากวาดเพราะเราอยากบันทึก ความสุขมันเกิดขึ้น โดยที่เราไม่รู้ตัว มันไปได้เรื่อยๆ ไม่มีอะไรมากั้น มาร่วมจอยกัน หยิบอะไรก็ตามแต่มาวาดเถอะ อยากให้ดึงความเป็นเด็ก ความชอบการ์ตูนกลับมา มันมีความสุขจะตายเนอะ บางทีความสุขมันอาจจะหายาก แค่เราได้จับปากกา ได้คุยกับคนที่เราไม่รู้จัก ผ่านรูปวาด ก็มีความสุขแล้ว"
และนี่คือความสุขในการวาดรูปของ โหน่ง - กฤษพล วัฒนปาน ซึ่งก่อนเดินออกจากห้องเรียน เขาหยิบภาพสเก็ตซ์ที่แอบวาดเด็กๆ ขณะกำลังเรียนวิชาเขียนแบบเบื้องต้นมาให้เราดู
"ถือโอกาสตอนนักเรียนทำงาน นักเรียนตั้งใจดีมาก ชอบๆๆๆ " ครูโหน่งบันทึกไว้
เรามั่นใจว่า หลังเด็กๆ ได้อ่านและได้เห็นภาพ คงต้องยิ้มตามแน่ๆ ขนาดเรายังยิ้มตามเลย
เพราะการได้เป็นส่วนหนึ่ง ในบันทึกที่งดงามของใครสักคนนั้นแสนมีความสุข
ร่วมสนุกกับ Friday challenge ได้ทางเฟซบุ๊ก Myspace365 ทวิตเตอร์ @365Myspace และอินสตาแกรม @myspace_365