YUPP! : คลื่นลูกใหม่ที่จะมารันวงการฮิปฮอปให้ลุกเป็นไฟ

    2 ปีที่แล้ว หลังจากที่รายการ THE RAPPER และ Show Me the Money เปิดโอกาสให้เหล่าแรปเปอร์มาปล่อยไรม์ โชว์ศักยภาพ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดแรปเปอร์ จนสร้างปรากฎการณ์ฮิปฮอปฟีเวอร์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกครั้ง ทำให้ศิลปินรุ่นใหม่และรุ่นเก๋าหลายคน ผลัดกันออกมาโชว์ฝีไม้ลายมือในการแต่งเพลง เขียนไรม์ บนโลกออนไลน์ ชนิดที่ว่า แฟนคลับอย่างเราตามฟังแทบจะไม่ไหว แถมเรายังได้เห็นการร่วมงานกันระหว่างศิลปินฮิปฮอปและแนวเพลงกระแสหลักอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งเพลงป๊อป ร็อก ไปจนถึงลูกทุ่ง ในช่วงเวลาหนึ่ง เพลงแนวไหนๆ ต่างก็สามารถมีท่อนแร็ปเป็นส่วนหนึ่งของเพลงทั้งสิ้น

    การกลับมาของวงการฮิปฮอปในครั้งนี้ นอกจากแร็ปเปอร์จะได้แจ้งเกิดในวงการหลายคนแล้ว ยังมีค่ายเพลงเล็กๆ ที่ชื่อว่า YUPP! เกิดขึ้นมาอีกด้วย

    ด้านในห้องสตูดิโอขนาดเล็กที่ถูกแบ่งสัดส่วนออกจากห้องนอน เราพบกับ นีโน่-เกริก ชาญกว้าง รอเราอยู่ หลายคนคงรู้จักนีโน่เป็นอย่างดี ด้วยความสามารถในการทำเพลงของเขา ทำให้นีโน่เป็นดาวรุ่งคนใหม่ที่ศิลปินหลายคนอยากร่วมงานด้วย เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสบายๆ โทนสีเข้ม เขานั่งลงที่เก้าอี้ตัวเก่ง ด้านหน้าคือคอมพิวเตอร์และเครื่องดนตรีคู่ใจ ที่เขาใช้ผลิตงานเพลง เสียงบีทหนักๆ และเพลงจากศิลปินในค่ายดังขึ้น ให้ฟังไปพลางๆ ก่อนที่ ฟลุ๊ค-พลกฤต ศรีสมุทร จะตามเข้ามาสมทบ ผมสีชมพูและเสื้อฮู๊ดสกรีนลาย YUPP! เป็นสิ่งแรกที่เราให้ความสนใจ เขานั่งลงข้างๆ นีโน่ และทักทายเราอย่างเป็นกันเอง

    ทั้งคู่พร้อมกับ ต้า-สักกพิช มากคุณ, แต๊บ-ธนพล มหธร และ โจ้-ศวิชญ์ สุวรรณกุล ร่วมก่อตั้งค่าย YUPP! มาด้วยกัน โดย นีโน่รับหน้าที่ดูแลเรื่องการผลิตเพลง ขณะที่ฟลุ๊คดูแลเรื่องภาพลักษณ์ของศิลปิน ส่วนที่เหลือคอยช่วยกัน ทั้งในส่วนของการบริหารค่ายเพลงและการดูแลศิลปิน

    แม้ค่าย YUPP! จะพึ่งก่อตั้งมาได้เพียง 1 ปี แต่พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จในเวลาอันสั้น โดยมีเพลงที่ปล่อยออกมาแล้วกว่า 20 เพลง และมีผู้ติดตามในช่องยูทูปกว่า 1.5 ล้านคน อาจเป็นเพราะเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในการนำแนวดนตรีที่เราคุ้นชิน อย่างเพลงป๊อป ร็อก อาร์แอนด์บี มาผสมผสานกับเอกลักษณ์ความเป็นฮิปฮอป ที่มีเนื้อหาเข้มข้นและบีทหนักๆ นับเป็นการเปิดประตูให้คนฟังเข้าไปทำความรู้จักกับความเป็นฮิปฮอปได้ไม่ยากนัก

    "จริงๆ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าความเป็นฮิปฮอปมันเป็นอะไรที่เข้าถึงคนง่ายและสามารถอยู่ได้ทุกที่นะ มันอยู่กับแนวเพลงอะไรก็ได้ แค่ได้ฟังเนื้อหาเราก็รู้ทันทีว่านี่คือเพลงฮิปฮอป เราก็เลยวางแพลนไว้ว่า มันจะเป็นเพลงอะไรก็ได้ แต่เราสามารถสื่อสารความเป็นฮิปฮอปออกมาได้ ทั้งเรื่องของเอนเนอร์จีหรือแอตติจูดของแต่ละศิลปินที่ค่อนข้างแตกต่างจากแนวเพลงอื่นครับ" นี่โน่เริ่มต้นบทสนทนาอย่างเรียบง่าย ตามแบบฉบับคนพูดน้อย

    พวกเขามองเห็นศักยภาพของคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ และมีผลงานเป็นที่ยอมรับในวงการดนตรี แต่ขาดการผลักดันให้ผลงานออกสู่สาธารณะ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะยกระดับวงการฮิปฮอปไทยให้ดีขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและภาพลักษณ์ของศิลปิน ค่าย YUPP! จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อซัพพอร์ตศิลปินฮิปฮอปในประเทศไทย

    "ก่อนหน้านี้ น้องในค่ายหลายคนเขาก็ทำเอ็มวีกันเอง พอเขามาอยู่กับเรา เราก็เหมือนเป็นคนดูแลเรื่องอิมเมจของศิลปิน มันเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ เราอยากให้เอ็มวีหรือภาพลักษณ์ของศิลปินดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น" นีโน่พูด

    "ลองไล่ดูเอ็มวีก็ได้ครับ จะรู้ว่าเราค่อนข้างลงทุนกับมันนะ อิมเมจ เสื้อผ้า หน้า ผม เอ็มวีที่ปล่อยออกมา เรื่องพวกนี้เราค่อนข้างใส่ใจเป็นพิเศษเลย" ฟลุ๊คเสริม

    ฟลุ๊คยังบอกกับเราอีกว่า จริงๆ แล้วคำว่า 'YUPP!' มีจุดเริ่มต้นสนุกๆ มาจากคำว่า 'เล่นมันให้ยับ'

    "มันเกิดจากที่เราคุยกันระหว่างนั่งกินข้าว แล้วผมก็พูดคำว่า 'เล่นมันให้ยับ' ขึ้นมา โจ้เขาชอบคำนี้ เพราะคำว่า ยับ ออกเสียงคล้ายกับคำว่า Up เลยกลายมาเป็นคำว่า YUPP! หรือ YOUTH WITH DOUBLE UP! ซึ่งเรากำหนดให้มันเป็นพลังวัยรุ่นที่พร้อมจะพุ่งชนกับเรื่องต่างๆ ครับ"

ภาพระหว่างการถ่ายทำมิวสิควีดีโอเพลง โชคชะตา - MAIYARAP

    เรานึกสงสัยว่า ในยุคที่ทุกคนสามารถผลิตเพลงเองได้ อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ศิลปินคนหนึ่งโดดเด่นขึ้นมา

    นีโน่อธิบายให้เราฟังว่า.. "มันมีปัจจัยหลายอย่างนะ ทั้งเรื่องของประสบการณ์ คาแรกเตอร์ แอตติจูดต่างๆ ที่เขาแสดงออกมาให้คนฟัง สำหรับเรา เพลงฮิปฮอปต้องฟังแล้วรู้สึก เราไม่สามารถตัดสินว่า แร็ปเร็วแล้วเก่ง แร็ปเร็วแล้วดี ทุกคนมีสไตล์ของตัวเอง แต่ศาสตร์ของเพลงก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง เพลงของเขาทำให้เราฟังจนจบได้หรือเปล่า มันประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่างจริงๆ ครับ"

    ตอนนี้ค่าย YUPP! มีศิลปินในสังกัดอยู่ 7 คน คือ MAIYARAP, LAZYLOXY, BLACKSHEEP, BEN BIZZY, NAMEMT, AUTTA และ MILLI เมื่อลองสังเกตก็เห็นว่าแต่ละคนล้วนมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ทั้งภาพลักษณ์และเรื่องราวที่พวกเขาถ่ายทอดผ่านบทเพลง อย่างที่นีโน่พูดไว้

    "อย่าง MAIYARAP เขาจะมีความคมในแบบของตัวเองและเขามีสกิลร้องด้วย เช่น ลูกเอื้อนแบบลิเกที่ได้มาจากคุณพ่อของเขา LAZYLOXY จะเป็นคนที่แต่งเพลงแล้วค่อนข้างแมสมากๆ เป็นคนแต่งท่อนฮุกเก่ง แร็ปได้ด้วย ด้วยความที่เขาเรียนดนตรีมา เขาก็จะมีความเข้าใจเรื่องดนตรีค่อนข้างมาก ถ้าเป็น MILLI ก็จะมีคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างจัดจ้าน แร็ปเก่ง มีทางของตัวเองชัดเจน คือ จิ๋วแต่แจ๋ว ส่วน NAMEMT จะเป็นแนวแก๊งๆ เลย เพราะเขาเกิดมากับสังคมแบบนั้น" นีโน่ยกตัวอย่างคาแรกเตอร์ของศิลปินในค่ายให้เราฟัง

    นอกจากกระบวนการผลิตเพลงและภาพลักษณ์ของศิลปิน จะเป็นสิ่งที่ค่าย YUPP! ให้ความสำคัญแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาทุ่มเทให้ไม่แพ้กัน คือ การสร้างคอมมิวนิตี้เพลงฮิปฮอปให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พวกเขาเลือกใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารระหว่างศิลปินและเหล่าแฟนคลับ ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ สตรีมมิ่ง ไปจนถึงช่องทางใหม่ๆ อย่าง ติ๊กต่อก อีกด้วย

    "เราเคยลองเดินสายพีอาร์ แล้วก็พบว่าศิลปินของเราไม่เหมาะกับแพลตฟอร์มแบบนั้น มีบ้างบางคนที่เข้ากล้องหรือออกรายการทีวีได้ แต่ไม่ใช่ทุกคน เราก็เลยรู้สึกว่า งั้นมาโฟกัสบนออนไลน์ดีกว่า มันตรงกับคนที่เราต้องการจะสื่อสารด้วย นอกจากนี้ เรายังทำแฟนมีตติ้งไซส์เล็กด้วย อย่างล่าสุด เราชวนศิลปินมาทำปฏิทินกับประมูลของศิลปิน เพื่อเอาเงินไปบริจาคให้ไฟป่าออสเตรเลีย

    เราเฟรนด์ลี่มากขึ้น เรามีงานกลางวันมากขึ้น มันเป็นระนาบใหม่ที่วงการฮิปฮอปไม่เคยทำ จริงๆ ปีที่ผ่านมา เราก็ลองทำ YUPPERCUT ที่เป็นคอนเสิร์ตครบ 1 ปี ซึ่งมีการซื้อตั๋ว ถ่ายรูปหมู่ จับมือได้ มันเป็นช่วงทดลองว่าคนจะอินกับเรามั้ย มันจะไปต่อได้ไหม ที่วางแผนไว้ก็น่าจะมีแฟนมีตติ้งไซส์เล็กเรื่อยๆ ครับ เพราะเราต้องการสร้างคอมมิวนิตี้ สำหรับคนที่เป็นแฟนเราจริงๆ" ฟลุ๊คเล่าถึงการทำงานของค่าย YUPP! ที่ผ่านมา

ภาพบรรยากาศภายในงาน CATLENDAR DAY 2020

    เราขยับมาพูดคุยถึงรายการ THE RAPPER และ Show Me the Money ซึ่งถือเป็นอีกสองโปรเจกต์ใหญ่ของทีม YUPP! ในปีนี้ หลังจากพวกเขาทำงานร่วมกันใน THE RAPPER ซีซั่นที่แล้ว ปีนี้นีโน่ได้ขยับตัวมาเป็น Music Director ให้กับรายการ Show Me the Money แทน และยังส่งศิลปินในค่ายอย่าง LAZYLOXY และ BEN BIZZY ไปเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์อีกด้วย

    "ต้องบอกว่าทั้ง 2 รายการ คนทำเป็นเพื่อนกันหมด เราเลยไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นการแข่งขันกันครับ เพราะเราเข้าใจตรงกันว่า เราแค่ต้องการทำให้วงการฮิปฮอปไปไกลได้มากที่สุด อยู่ได้นานที่สุด" ฟลุ๊คพูดถึงความตั้งใจในที่อยากจะรันวงการฮิปฮอปของพวกเขา

    อย่างที่รู้กันว่า รายการแร็ปแบทเทิลทั้งสองรายการนี้ เป็นการแข่งขันที่เปิดให้ผู้สมัครหลายร้อยคนเข้ามาปล่อยของ โชว์ฝีมือ ใครที่มีสไตล์โดดเด่น ถูกใจทีมงานก็อาจเป็นหนึ่งคนที่ได้เซ็นต์สัญญากับค่ายเพลงได้ แต่สำหรับใครที่ไม่ได้รับการคัดเลือกก็ไม่ต้องเสียใจไป ฟลุ๊คกับนีโน่บอกกับเราว่า พวกเขายังคอยจับตาดูผลงานเพลงใหม่ๆ ในโลกออนไลน์อยู่เสมอ

    "จริงๆ เราคุยกันในทีมตลอดอยู่แล้วว่า 'มีคนนี้น่าสนใจนะ' 'ลองฟังไหม' 'เรียกมาคุยไหม' มันมีการติดตามดูอยู่ แต่เราแอบดูไง ไม่ได้บอกใคร คนก็จะไม่รู้หรอก"

    "ผมว่ายังมีอีกหลายคาแรกเตอร์ที่คนอยากเห็น อย่างต่างประเทศเขาจะมีสำเนียง มีคาแรกเตอร์ของแต่ละที่ ซึ่งในประเทศไทยเรายังไม่เคยเห็นแร็ปเปอร์แนวสุพรรณเลย ไม่มีใครแร็ปเหน่อเลย วันข้างหน้าอาจจะมีแร็ปเปอร์จากใต้ เหนือ อีสาน เดี๋ยวก็จะมีเด็กรุ่นใหม่ปล่อยผลงานเจ๋งๆ ออกมาอีก เพราะว่าเขาเกิดมากับยุคนี้ เขาก็จะเรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้

    พวกเขายังมีโปรเจกต์ 'SUPP by YUPP!' ที่คัดเลือกผลงาน 1 ชิ้นจากเดโม่ที่ส่งเข้ามากว่า 1,000 คน มาทำใหม่ ศิลปินคนแรกจากโปรเจกต์นี้ คือ 'LIL GETHY' เด็กหนุ่มไฟแรง ที่แจ้งเกิดในเพลง 'เธอแม่งขี้โม้จัด' ซึ่งออนแอร์ผ่านช่องยูทูบของ YUPP!

    "โปรเจกต์นี้ เราทำขึ้นเพราะอยากซัพพอร์ตศิลปินหน้าใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ปกติคนจะรู้จักฮิปฮอปจากรายการ THE RAPPER, Show Me the Money และอีเวนต์ของ Rap Is Now ซะส่วนใหญ่ ซึ่งพวกเราก็จะพอเห็นตัวละครว่า ใครมีความสามารถบ้าง แต่ถ้าคนที่ไม่ได้เข้ามาในทั้ง 3 พื้นที่นี้ เขาก็อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งผลตอบรับก็ค่อนข้างดี คาดว่าปีนี้จะกลับมาทำอีก"

     เป็นเวลาเกือบ 2-3 ปีแล้ว ที่วัฒนธรรมฮิปฮอปได้กลับมาเป็นที่นิยมในประเทศไทยอีกครั้ง จากที่แรปเปอร์ไม่มีพื้นที่ในการแสดงออก จนมีรายการแรปแบทเทิลของ Rap Is Now เข้ามา ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มรู้จักกับวงฮิปฮอปทีละนิด ก่อนจะขยับขยายมาสู่ ช่องทางกระแสหลักอย่าง THE RAPPER และ Show Me the Money เราเห็นผู้คนบนท้องถนนแต่งตัวแบบศิลปินฮิปฮอป ได้ยินเพลงฮิปฮอปในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากขึ้น

    เราถามทั้งคู่ว่า ในสายตาของคนที่เฝ้ามองวงการนี้มาโดยตลอด พวกเขารู้สึกยังไงบ้าง?

    ฟลุ๊คเป็นคนแรกที่ตอบคำถาม… "แฮปปี้มากๆ ครับ ผมบอกกับในทีมตลอดว่า ทำยังไงก็ได้ให้แร็ปเปอร์เป็นอาชีพ ซึ่ง ณ โมเมนต์นี้มันเป็นอาชีพแล้ว มันเป็นสิ่งที่เราแฮปปี้มากที่สุด เรื่องเม็ดเงินเราไม่ได้นับ เพราะใครทำได้เท่าไรก็ตามความสามารถ แต่วันที่แรปเปอร์หรือโปรดิวเซอร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช้สิ่งนี้เป็นอาชีพหากินได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่คนเป็นแรปเปอร์ยังต้องจ่ายเงินเพื่อให้คนอื่นดู ตอนนี้มันกลับกันแล้ว สำหรับผม มันประสบความสำเร็จมากๆ แล้วครับ"

    "มันดีเกินความคาดหมายของเราจริงๆ ครับ มาตรฐานของเราแทบจะสู้กับต่างประเทศได้แล้ว อาจจะมีจุดด้อยนิดหน่อย ตอนนี้ทุกคนยังทำงานอยู่ในแพลตฟอร์มยูทูบ เพราะยอดในระบบสตรีมมิ่ง ยังเทียบเท่ากับยอดในยูทูบไม่ได้ ซึ่งถ้าเราสามารถสนับสนุนให้ทุกคนซื้อลิขสิทธิ์เพลงของศิลปินได้ อนาคตของศิลปินในประเทศเรา ผมว่าสดใสแน่นอน" นีโน่พูดปิดท้าย ก่อนที่บทสนทนาจะจบลง

    ...บทสนทนาจบลง แต่เราเชื่อว่าบีทดนตรีฮิปฮอปของพวกเขายังดำเนินต่อไป และวงการเพลงฮิปฮอปของไทยก็จะมีคนมารันวงการต่อไปแน่นอน

นิษณาต นิลทองคำ

กองบรรณาธิการที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ชอบคุยกับผู้คน ท้องฟ้า และเสียงดนตรี เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฟังเพลง ที่บางทีก็ปล่อยให้เพลงฟังเรา

จรูญรัฐ วิธูสุวรรณ

อดีตช่างภาพนิตยสาร มาเปิดบริษัทของตัวเองได้สักพัก ยังสนุกกับงานถ่ายภาพอยู่เสมอ โดยเฉพาะการถ่ายภาพผู้คน ตอนว่างจะชอบหนีไปเที่ยวตามที่ต่างๆ แก้เบื่อด้วยการถ่ายสถานที่และสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ