ต้องการ-วลัยกร สมรรถกร กับความสำคัญของวิถีออร์แกนิกที่เธอค้นพบ #ชีวิตดีเริ่มที่เรา

    บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2562 ในวันนั้น ต้องการ-วลัยกร สมรรถกร ดูสดใส และถือเป็นบทสัมภาษณ์ชิ้นล่าสุด และชิ้นสุดท้ายที่ happening ได้มีโอกาสพูดคุยกับเธอ เรานัดหมายเธอเพื่อคุยกันในประเด็นการใช้ชีวิตแบบออร์แกนิก ซึ่งเป็นวิถีที่ทำให้เธอได้อยู่ในชีวิตอันรื่นรมย์มา 10 กว่าปีแล้ว...หลังจากที่เคยเป็นโรคร้าย 
    วันนั้นเราเดินเข้าไปในงานตลาดออร์แกนิกย่านสุขุมวิท ต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านกลางสวน รายล้อมไปด้วยต้นไม้เล็กๆ และบูทผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก

    ต้องการ-วลัยกร สมรรถกร หรือที่หลายคนรู้จักเธอในนามปากกา 'ต้องการ' ศิลปินนักวาดภาพประกอบสีน้ำจากดอกไม้ กำลังยืนรอเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้มในบูทร้านกาแฟ วันนี้เธอมาร่วมงานในฐานะศิลปินที่จัดเวิร์กช็อป โดยเดินทางจากบ้านที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา มาที่นี่

    นอกจากบทบาทเจ้าของเรื่องราวและภาพประกอบในคอลัมน์ประจำบนหน้านิตยสาร a day และพ็อกเก็ตบุ๊กอีกจำนวนมาก เธอยังร่วมกับเพื่อนก่อตั้งตลาดนิด นิด (Niche Niche Weekend Market) ตลาดนัดงานคราฟต์ อาหารโฮมเมด และผลผลิตออร์แกนิกในท้องถิ่นขึ้นมาเป็นหนึ่งในสถานที่ให้คนมาเที่ยวที่ปากช่องอีกด้วย

    เราเคยสัมภาษณ์และร่วมงานกับต้องการหลายต่อหลายครั้ง ส่วนใหญ่เป็นหัวข้อเกี่ยวกับศิลปะและการงานที่ใช้สีน้ำจากดอกไม้ของเธอ จากการพูดคุยเหล่านั้นทำให้เราทราบว่าเธอค้นพบโลกอีกใบ และเอกลักษณ์ใหม่ในงานของเธอจากปัญหาสุขภาพ

    ครั้งนี้เราจึงชวนเธอมาพูดคุยถึงหัวข้อนี้อย่างจริงจัง ย้อนไปถึงจุดดำบนผิวหนังที่เปลี่ยนชีวิตของเธอ

จากไฝกลายเป็นมะเร็ง

    ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน เดิมทีต้องการอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ การงานในฐานะศิลปินและนักวาดภาพประกอบกำลังรุ่ง มีงานเข้ามาให้วาดจำนวนมาก และนั่นย่อมหมายถึงการโหมงานอย่างหนักจนลืมใส่ใจเรื่องสุขภาพของตน กระทั่งวันหนึ่งไฝสีดำตรงข้อมือของเธอก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนคนใกล้ตัวเริ่มทัก หมอบอกว่าเธอเป็นมะเร็งผิวหนังขั้นที่ 1

    โชคดีที่รู้ตัวไว เธอสามารถรักษามะเร็งนี้ได้ด้วยการผ่าตัดและคว้านเอาจุดสีดำที่กำลังกลืนกินชีวิตของเธอออกไป

    ตอนนั้นศิลปินหญิงคิดว่าเป็นเพราะการทำงานบนโต๊ะพลาสติกแล้วถูไถตลอดเวลาหรือเปล่าที่เป็นสาเหตุ แต่เมื่อเวลาผ่านมาหลายปี เธอเปลี่ยนความคิดใหม่มองว่ามะเร็งและโรคต่างๆ ไม่น่ามาจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลจากไลฟ์สไตล์การกินอยู่หรือแม้แต่จิตใจ

    "ตอนนั้นเราไม่รู้จักคำว่าออร์แกนิกเลย ไม่เคยคิดถึงสุขภาพใดๆ เพราะไม่เคยเจ็บป่วยหนักขนาดเข้าโรงพยาบาล ใช้ชีวิตแบบคนเมืองทั่วไป กินตามปกติ ไม่เคยเลือกกิน ไม่เคยทบทวนความเครียดความกังวลในจิตใจด้วย เรียกว่าไม่เคยให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวันเลย ซึ่งเราว่าตรงนั้นก็คงมีผลต่อโรคประเภทนี้"

    ในช่วงระหว่างพักฟื้น เพื่อนของเธอได้เข้ามาแนะนำให้เธอลองไปเข้าคอร์สธรรมชาติบำบัดของหมออินเดียเป็นเวลา 7 วัน  คอร์สนั้นทำให้ต้องการได้พบกับองค์ความรู้ใหม่ที่เกี่ยวกับการดูแลตนเองด้วยธรรมชาติ จนเธอตระหนักว่าวิธีการใช้ชีวิตของเธอช่างผิดแผกไปจากธรรมชาติเหลือเกิน

    หมอให้คำปรึกษาและความรู้หลายเรื่องทั้งในรูปแบบการบรรยายและภาคปฏิบัติ แต่เรื่องที่อินมากที่สุด ต้องการยกให้กับเรื่องออร์แกนิก

    "ออร์แกนิกมันใกล้ตัวเรา ไม่ใช่ว่าเพิ่งได้ยินคำนี้หรอก แต่เราเพิ่งรู้ว่า เฮ้ย! พืชผักหมูไก่ทุกวันนี้ที่เรากินเข้าไป มันถูกเลี้ยงถูกปลูกมายังไง มีพิษมาก เราเลยอินกับเรื่องนี้ กลับมาศึกษาค้นคว้าเรื่องออร์แกนิกและธรรมชาติบำบัด แต่ตัวธรรมชาติบำบัดมันยากขึ้นมานิดหนึ่ง เราสนใจทางไลฟ์สไตล์มากกว่า"

    ปัจจุบันคนเมืองคงคุ้นชินกับประเด็นออร์แกนิก และเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ได้โดยง่าย แต่หากคุณเกิดสนใจเรื่องนี้เมื่อ 10 ปีก่อน บอกเลยว่าชีวิตยากแน่นอน

    นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องการเกิดความคิดอยากย้ายไปที่ที่ใช้ชีวิตตามที่ใจต้องการ ชีวิตที่ที่บ้านมีพื้นที่ปลูกผักกินเอง และยุ่งเกี่ยวกับสารเคมีให้น้อยที่สุด

เริ่มต้นชีวิตออร์แกนิก

    การย้ายมาอาศัยที่ปากช่อง ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อการทำงานของเธอมาก ด้วยความที่ทำงานเป็นนักวาดภาพประกอบฟรีแลนซ์ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศอยู่แล้ว เธอขายบ้านที่กรุงเทพฯ ได้ในเวลารวดเร็ว และซื้อที่ดินซึ่งเป็นพื้นที่บ้านหลังปัจจุบันจากคนในพื้นที่

    "เรารู้สึกแล้วว่าอยู่กรุงเทพฯ มันยากที่เราจะสามารถใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการได้ ตอนนั้นเรื่องของออร์แกนิกยังไม่มีคนสนใจมากนัก ผักหรือผลไม้ออร์แกนิกไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางหาซื้อได้เลย ทางรอดของเราตอนนั้น คือต้องปลูกผักกินเอง แล้วทีนี้บ้านที่กรุงเทพฯ มีพื้นที่ไม่พอกับที่เราต้องการ ไหนจะเรื่องมลพิษอีก เราต้องการใช้ชีวิตของเราให้ออร์แกนิกที่สุด ธรรมชาติที่สุด ก็เลยนึกถึงปากช่อง" เธอเล่าอย่างร่าเริง

    ประจวบกับความบังเอิญ เมื่อ 10 ปีก่อนที่เธอจะย้ายไปปากช่อง ครั้งหนึ่งเธอเคยวาดภาพประกอบให้หนังสือ ความสุขของกะทิ ซึ่งทำให้เธอรู้จักกับคนคนหนึ่ง

    "มีพี่คนหนึ่งทำฟาร์มออร์แกนิกที่ปากช่อง เขาชอบรูปที่เราวาดใน ความสุขของกะทิ มาก จนขอให้เราวาดรูปแพ็กเกจผักออร์แกนิกให้เขา ซึ่งเขาเองก็เคยไปหาหมออินเดียคนเดียวกับเรา ตอนนั้นเราเลยมีโอกาสมาปากช่อง และพบว่ามันห่างจากกรุงเทพฯ ไม่กี่ชั่วโมง แต่อากาศเย็นกว่า ปลูกผักผลไม้จากเมืองหนาวได้ด้วย เลยตัดสินใจคุยกับแม่ว่าย้ายมาอยู่ปากช่องกันไหม แม่เห็นด้วยแล้วประกาศขายเลย"

ชีวิตที่ดี

    เมื่อมาปักหลักที่หุบเขาแห่งนี้แล้ว ต้องการก็เริ่มปลูกพืชผักกินเอง แม้พื้นที่ที่มีจะไม่ใหญ่โตอะไรมากนัก แต่นับว่าเหลือเฟือสำหรับบ้านบ้านหนึ่ง ซึ่งเมื่อเธอได้มาคลุกคลีกับคนแถวนี้อย่างจริงจัง ก็ทำให้รู้ว่ามีคนประเภทเดียวกับเธอเยอะทีเดียว

    และเมื่อเราถามเธอถึงเรื่องสุขภาพว่าดีขึ้นกว่าตอนอยู่กรุงเทพฯ ไหม เธอเห็นด้วยและบอกว่าไม่เคยเจ็บป่วยขนาดต้องเข้าคลินิกหรือโรงพยาบาลอีก เนื่องจากเธอมีทางเลือกในการใช้ธรรมชาติบำบัดดูแลรักษาตัวเองอยู่ตลอด

    "เรื่องแข็งแรงไม่แข็งแรงเราบอกไม่ถูกนัก อันที่จริงเราเป็นคนแข็งแรงมาตลอด แล้วไอ้ตอนที่ป่วยคือไม่เหมือนคนป่วย สมัยเราเป็นมะเร็ง ไม่มีอะไรที่กระทบกับร่างกายเรา ฉะนั้นเราเลยไม่เหมือนคนป่วยนอกจากตอนที่ผ่าตัดแล้วต้องนอนหนึ่งเดือน เราเลยบอกไม่ถูก แต่รู้สึกว่ามันดีขึ้นเรื่อยๆ กับการมาอยู่ที่นี่ เพราะอย่างน้อยเราไม่ต้องรถติด อากาศก็ดี หมายถึงว่าสูดหายใจได้ดี แถมเย็นสบาย"

    ตอนนั้นต้องการยังไม่ได้ค้นพบเรื่องการนำดอกไม้มาทำเป็นสีน้ำ เธอเลือกปลูกพืชที่กินได้เป็นหลักอย่างผักและผลไม้ ส่วนแม่ของเธอชื่นชอบการปลูกดอกไม้ ทั้งคู่จึงตกลงกันว่าซื้อมาปลูกอย่างละต้นสองต้นให้รอบบ้าน ขึ้นบ้างตายบ้าง ปลูกตรงนี้แต่ไปขึ้นตรงอื่นบ้าง รู้ตัวอีกทีบ้านต้องการก็มีสวนรายล้อมเสียแล้ว

    ศิลปินหญิงสามารถหยิบเอาผลผลิตที่ลงมือปลูกรอบบ้านมาทำอาหารได้ทุกวัน แทบไม่ต้องพึ่งพาอาหารสำเร็จรูปจากข้างนอกเลย และวันหนึ่งพืชผักที่ปลูกไว้ก็กลับมาให้คุณกับต้องการมากกว่าแค่อิ่มท้อง

    "เราชอบเด็ดของสดๆ มาดื่มเป็นชา ตอนนั้นปลูกมินต์ ก็เด็ดมินต์สดมาเทน้ำร้อน" เธอเล่าถึงที่มา "จุดเริ่มต้นคืออัญชัน เราเด็ดดอกมาเทน้ำร้อนชงทิ้งใส่แก้วไว้ กลับมาก็เห็นว่าสีมันค่อยๆ ละลายออกมา มันเหมือนตอนที่เราจุ่มพู่กันกับสีน้ำเลย สีมันละลายในน้ำได้เหมือนสีน้ำ ก็เลยลองมาระบายดู"

    เมื่อได้สีน้ำเงินจากอัญชันแล้ว จากนั้นเธอก็ได้สีเหลืองจากกรรณิการ์ และสีแดงจากพริกฝรั่ง ครบเป็นแม่สีที่ใช้ทำงานศิลปะได้ แล้วจึงค่อยๆ ศึกษาหาสีอื่นๆ ที่ต้องการจากพืชชนิดอื่น

    ถ้าหากเธอไม่ได้เป็นมะเร็ง และไม่ได้ย้ายไปที่ปากช่อง ทุกวันนี้เราคงไม่มีศิลปินหญิงที่ทำงานด้วยสีน้ำจากดอกไม้คนนี้มาประดับวงการศิลปะไทยให้มีสีสันมากขึ้น

ไลฟ์สไตล์ออร์แกนิก

    ในฐานะที่ต้องการเองเป็นโต้โผในแวดวงคนออร์แกนิก ถึงขนาดเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งตลาดนิด นิด เธอมองว่าในปัจจุบัน ออร์แกนิกไม่ได้ครอบคลุมแค่อาหารการกินเท่านั้น

    "ไลฟ์สไตล์ออร์แกนิกมันรวมไปถึงเครื่องใช้ และพวกสิ่งแวดล้อมด้วย เราพูดเลยว่าระยะหลังอาหารออร์แกนิกหาง่ายขึ้น จะออร์แกนิกแบบบ้านๆ ได้ตรารับรองหรือไม่ได้ตรารับรอง หรืออาหารแปรรูป หาได้ง่ายขึ้นมาก ค่อนข้างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้คือ เมื่อ 10 ปีก่อนเราหาแชมพูสบู่ใช้ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ง่ายมาก นอกจากนี้พวกเครื่องประทินผิวต่างๆ นานา บอกเลยว่าตอนนี้ 100% เราซื้อจากพี่ๆ น้องๆ ในเครือข่ายตลาดนิด นิด แล้วคุณภาพดีกว่าของตามท้องตลาดด้วย หลังๆ คนไทยทำพวกสกินแคร์แบบที่เป็นธรรมชาติได้ดีมาก จนเราไม่คิดถึงของแบรนด์ฝรั่งเลย แพ็กเกจก็สวย

    "เรารู้สึกดีที่วางในห้องน้ำแล้วมันสวย ตัวคุณภาพก็ดีด้วย เราได้ความสบายใจที่คนทำส่วนใหญ่หลายๆ เจ้า เขาศึกษาและทำขึ้นมาเพราะเขาแพ้ของตามท้องตลาด เวลาไปซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ เราต้องอ่านฉลาก มันก็มีตัวที่ไม่อยากได้ เพราะของพวกนี้อายุการวางขายมันต้องยาว แต่เราไม่ได้ต้องการข้อนั้น ของออร์แกนิกคือบางทีเขากวนขึ้นมา เสร็จล็อตหนึ่งเขาก็ขาย ส่วนใหญ่มีขายออนไลน์ ขายหมดคือหมด แล้วอันมันเล็กใช้ไม่นานก็หมด เลยไม่จำเป็นต้องใส่วัตถุกันเสีย เราซื้อแบบนี้แล้วสบายกว่า ทั้งสวยทั้งหอม เดี๋ยวนี้คนไทยทำดีมาก"

    หนึ่งในจุดประสงค์ในการจัดตลาดนิด นิด ขึ้นมา ไม่นับรวมความสนุกที่ได้ร่วมทำอะไรกับเพื่อนๆ คอเดียวกัน ต้องการก็อยากส่งต่อวิถีชีวิตนี้ให้คนทั่วไปรู้จักเป็นวงกว้างมากขึ้น อยากทำให้ทุกคนรู้ว่าเราหลีกเลี่ยงสารพิษสารเคมีได้ แค่ต้องรู้จักเลือกและใส่ใจ

    'แล้วถ้าคนเมืองที่ย้ายไปต่างจังหวัดไม่ได้ แต่อยากใช้ชีวิตออร์แกนิกบ้าง เขามีโอกาสทำได้ไหม' เราตั้งคำถาม

    ต้องการเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่ายาก แต่ยุคนี้มีความเป็นไปได้สูงขึ้น

    "ต้องมีความพยายามนิดหนึ่ง ถ้าเราอยากกินเพื่อสุขภาพ ศึกษาให้ดี ส่วนของออร์แกนิกอย่างตลาดสีเขียวทั้งหลาย เราสามารถไปหาวัตถุดิบมาเก็บไว้ได้ หรือให้ดีแนะนำเลยว่าลองปลูกอะไรบ้าง ปลูกที่มันง่ายๆ ในกระถาง ต่อให้อยู่อพาร์ตเมนต์หรือคอนโดก็ทำได้ ยิ่งคนที่มีบ้านให้แม่ดูแลสวนไปเลย จริงๆ แล้วอะไรที่เราใช้เยอะอย่างพริกหรือกะเพรา ไม่ใช่ของปลูกยากเลย ถั่วงอกนี่ไม่ต้องมีดินด้วยซ้ำ เอาขวดเจาะรู ถั่วงอกแช่น้ำ ราดน้ำบ่อยๆ หน่อย เดี๋ยวมันก็ออก 4 วันได้กินแล้ว แถมอวบขาวด้วย เราไม่เข้าใจว่าที่เขาขายทำไมต้องใส่สารฟอกขาว เพราะเราปลูกเองมันขาวอวบอยู่ในตู้เย็นได้ 4-5 วัน ไม่เหลืองเลยนะ อย่างน้อยเราก็มีผัดกะเพรา ผัดถั่วงอกกินแล้ว อย่างอื่นก็ง่ายเช่นกัน อะไรที่เป็นต้นอย่าง ไชยา ก็โคตรง่าย แค่คุณมีกิ่งจิ้มดินเดี๋ยวมันก็ขึ้นแล้ว ใช้แทนคะน้าได้ด้วย"

    เธอแนะนำเพิ่มว่าถ้าอยากเริ่ม ลองวิธีการง่ายๆ อย่างการทำอาหารที่บ้านกินเองสักหนึ่งวันต่อสัปดาห์ก่อนก็ได้ แล้วจะพบว่าการใช้ชีวิตออร์แกนิกไม่ได้ยากขนาดนั้น

    ส่วนในปีนี้ เธอตั้งใจที่จะออกกำลังกายให้มากขึ้น หลังจากทำบ้างหยุดบ้างไปหลายครั้ง แม้เธอไม่ใช่สายออกกำลังกาย แต่ก็มองเห็นความสำคัญของส่วนนี้ โดยเธอจะทำโยคะตามโทรทัศน์ และเดินตามรั้วบ้านเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตรทุกเช้า

    แต่ชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอนจริงๆ หลังจากห่างไกลจากโรคมะเร็งมาได้ถึงกว่าทศวรรษ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ต้องการกลับมาเผชิญหน้ากับมะเร็งอีกครั้ง คราวนี้โรคร้ายรุกเร้ารุนแรง จนเป็นผลให้เราได้สูญเสียศิลปินผู้มีอัธยาศัยดีและสร้างผลงานที่ส่งมอบพลังใจให้ใครต่อใครผู้นี้ไปในที่สุด

    ความเศร้าคือความรู้สึกแรกที่มาเยือนทีม happening เมื่อทราบข่าวร้าย แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป ความสุขจากการพบเจอ ได้ร่วมงาน ได้พูดคุยกับศิลปินสาวคนนี้อยู่เสมอๆ ก็ยังประทับอยู่ในใจของเรา และเราเชื่อว่านับจากวันที่เธอหันมาใช้ชีวิตแบบออร์แกนิกเมื่อ 10 ปีก่อน ชีวิตใหม่ที่เธอค้นพบก็คุ้มค่า เป็นชีวิตตลอดหนึ่งทศวรรษที่มีความสุข อยู่กับความเท่าทันในเรื่องอาหารและการใช้ชีวิต เป็นช่วงเวลาที่เธอได้เผยแพร่ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพและจิตใจ นอกจากนี้เธอยังเป็นแรงบันดาลใจให้หลายต่อหลายคนลงมือเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง

    บทสนทนาครั้งสุดท้ายในวันนั้นทำให้เราลองมองย้อนกลับมาทบทวนการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวัน ไม่ว่าด้านการกิน การใช้ชีวิต การงาน การพักผ่อน หรือกระทั่งการหาจุดสมดุลให้สุขภาพกายและใจ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่เรายังไม่ได้รับสัญญาณเตือนแบบต้องการ แต่วันหนึ่งเราอาจไม่โชคดีแบบเธอที่ไปหาหมอทันและหันกลับมาดูแลรักษาตัวเอง ดังนั้น ลองเริ่มจากใส่ใจชีวิตเพิ่มอีกนิด ลุกไปทำอะไรที่ดีต่อตัวเองสักหน่อย ไม่แน่ว่าเราอาจได้พบแง่งามที่ซุกซ่อนอยู่ ซึ่งทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ตามแนวคิดที่แสนเรียบง่าย ทว่าใช้ได้จริงกับ 'ชีวิตดีเริ่มที่เรา'



    สำหรับผู้อ่านที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของ ต้องการ-วลัยกร แล้วอยากมีชีวิตดีขึ้นสามารถเริ่มจากคลิกเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ชีวิตดีเริ่มที่เราก่อนที่จะออกแบบวิถีชีวิตในแบบตัวเองดู

เดือนเพ็ญ จุ้ยประชา

นักเขียนและกองบรรณาธิการที่พบเจอตัวได้ตามหอศิลป์และร้านหนังสือ ชอบกินแซลมอนและชาบู อยากแก่ไปเป็นคุณป้าใจดีและมีฝูงแมวห้อมล้อม

พิชาญ สุจริตสาธิต

ช่างภาพอิสระ ชอบทำงานเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ ชอบปลูกต้นไม้ ชอบทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับศิลปะโดยไม่จำกัดอุปกรณ์ เพราะเชื่อว่าความรู้ทุกอย่างจะส่งเสริมกัน และทำให้เราเป็นคนที่มองโลกได้ละเอียดขึ้น

วิภว์ บูรพาเดชะ

ผู้ก่อตั้งนิตยสาร happening, บรรณาธิการบริหารนิตยสาร happening, กรรมการบริหารหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (bacc), นักเขียน, นักแต่งเพลง, นักฟังเพลง และนักอ่านตัวยง