นี่คือการสัมภาษณ์ที่ครึกครื้นที่สุดครั้งหนึ่งของ happening เมื่อสมาชิกวงดนตรีหญิงล้วน 8 คน แห่งวงซุปเปอร์สตรีมารวมตัวให้เราสัมภาษณ์ในบ่ายวันหนึ่ง ฟิล์ม-รินรนา โสนันทะ (ร้องนำ), เตย-ปภาณิน เกษตรทัต (กีตาร์), เอิร์ธ-ณัฐสุดา อิทธิยากร (เบส), น้ำเย็น-พัชพร มุขพรหม (คีย์บอร์ด), กุ๊กไก่-กัลยา บัวกด (กลอง), เมย์-ณัฐอร เลาหวงศ์เพียรพุฒิ (แซกโซโฟน), แนทจี้-นิติกาญจน์ นิธิไชยพัชร์ (ทรอมโบน) และ ปุ๊กปิ๊ก-วงศรัตน์ สวนอุดม (ทรัมเป็ต) ยืนรวมตัวกันอยู่ที่จุดนัดหมาย ทุกคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสในโทนที่นัดกันมาอย่างดิบดี
และการสนทนากับพวกเธอครั้งนี้ก็มีสีสันในเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว
ในจุดร่วมของกลุ่มสตรีที่รักดนตรีเหล่านี้ แต่ละคนมีวิถีชีวิตและภาระหน้าที่แตกต่างซึ่งน่าจะเจอกันได้ยาก อย่างฟิล์มทำงานเป็นเออีอยู่ที่บริษัทวงใน พร้อมกับร้องเพลงกลางคืนไปด้วย เอิร์ธเองก็ทำงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์อยู่บริษัทร้อกเวิธและรับเล่นดนตรีตามงานอีเวนต์กับเพื่อนในวงตัวเอง อีกคนหนึ่งที่ทำงานประจำคือเมย์ที่รับราชการตำแหน่งดุริยางคศิลปิน เป็นนักดนตรีของกรมประชาสัมพันธ์ ขณะที่สมาชิกส่วนใหญ่ในวงเป็นฟรีแลนซ์ เช่น เตยที่เล่นดนตรีกลางคืน รับเรียบเรียงดนตรี รวมถึงรับงานเขียน งานแปล และพิสูจน์อักษร แนทกับปุ๊กปิ๊กรับเล่นดนตรีตามงานต่างๆ โดยไม่มีวงประจำของตัวเอง กุ๊กไก่เล่นดนตรีกลางคืนอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี โดยมีทั้งวงหลักของตัวเองและมีไปแจมกับวงอื่นบ้าง ขณะที่น้ำเย็นเป็นนักดนตรีอาชีพเต็มเวลา เปิดโรงเรียนสอนเปียโน สอนแต่งเพลง สอนร้องเพลง และเล่นเปียโนอาชีพ พร้อมๆ กับรับงานแต่งเพลงไปด้วย
แต่กระนั้นพวกเธอก็โคจรมารวมกันได้เพราะผู้ชายหนึ่งคน
เอิร์ธเล่าให้ฟังว่า นอ-นรเทพ มาแสง เป็นคนแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน และบอกให้เธอเป็นคนลองตั้งชื่อวงดู เธอเห็นว่านี่เป็นการรวมตัวกันทำวงดนตรีผู้หญิงล้วน จึงตั้งชื่อไว้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้พบหน้าทุกคนว่า ซุปเปอร์สตรี "เป็นความบังเอิญที่น่าแปลกใจและเหลือเชื่อมากที่หนูตั้งขึ้นมา แล้ววงดันกลายออกมาเป็นซุปเปอร์สตรีจริงๆ เป็นเรื่องที่บังเอิญและน่าประทับใจในเวลาเดียวกัน"
"คือก่อนหน้านี้ทุกคนน่าจะชอบดนตรีอยู่แล้ว และทุกคนก็ต้องหาโอกาส มันก็มีโอกาสที่เข้ามาบ้างแต่อาจจะยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง พอยุคนี้ที่วงการดนตรีมันเปิดกว้างมากขึ้น ฟิล์มคิดว่าทุกคนก็อยากจะเป็นศิลปินเหมือนกัน ทั้ง 8 คนเลยมาทำด้วยกัน ต้องขอบคุณพี่นอด้วยค่ะที่ทำให้พวกเราได้มารู้จักกัน"
ฟิล์มยังบอกให้ฟังอีกว่า แม้ช่วงแรกแนวเพลงอาจจะมีต่างกันบ้าง แต่ด้วยเคมีและนิสัยที่เข้ากันได้ ทำให้พวกเธอพยายามหาแนวทางที่ทุกคนชอบ ที่สำคัญคือการนำเสนอที่ต้องการสะท้อนว่าซุปเปอร์สตรีเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและสามารถทำเพลงได้ด้วยตัวเองสมชื่อ
ซึ่งหากใครติดตามข่าวคราวของพวกเธออยู่จะรู้ว่านอกจากฝีมือที่ไม่ธรรมดาของทุกคนแล้ว พวกเธอยังมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้เราหลงรักอีกด้วย
"หนูมองภาพซุปเปอร์สตรีเป็นผู้หญิงแบบเป็นตัวเองน่ะพี่" น้ำเย็นเล่าถึงบุคลิกเวลาสื่อสารกับคนที่ติดตามในเพจแบบเป็นตัวเองจริงๆ "คือรู้สึกว่าเพื่อนทุกคนหรือตัวหนูเอง มันมีคำหรือจริตการพูดที่พวกเราพูดกันแบบนี้ ตอนทำคอนเทนต์ในเพจเลยรู้สึกว่าลองดู ไม่ต้องคิดเยอะ เป็นตัวเอง เวลาพิมพ์อะไรที่เป็นตัวเองซื่อๆ มันมีการตอบรับที่ดี"
แล้วทุกคนก็ประสานเสียงกันว่าเป็นคนที่สวยด้วยตลกด้วย
"อุ๊ย พอกัน กินกันไม่ขาด" เอิร์ธพูดติดตลก
"เราไม่ได้ตลกมากขนาดนั้น เราสวย 98%" เตยพูดด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
"ตลกแค่ 2% ค่ะ" น้ำเย็นยืนยันผ่านรอยยิ้มสวย
ไลน์ประสานของเครื่องเป่าที่เปิดนำทางให้กลอง คีย์บอร์ด กีตาร์ และเบส ดำเนินไปสู่เสียงร้องหวานๆ นำเสนอความเป็นตัวตนผ่านดนตรีแนวป๊อปโซลออกมาได้อย่างน่าสนใจ เมื่อเราได้ฟังซิงเกิลแรก 'ปล่อยจอย' ผลงานที่พวกเธอใช้ระยะเวลากว่า 2 เดือนในการสร้างสรรค์นี้ก็อยากรอฟังเพลงอื่นๆ ของพวกเธอทันที
สำหรับเพลงแรกนี้พวกเธอได้ กอล์ฟ-ประภพ ชมถาวร หรือ กอล์ฟ ซูเปอร์เบเกอร์ เป็นผู้แต่งเนื้อเพลง และ ม่อน-มุรธา ร่วมรักษ์ มารับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้อีกด้วย
"คือเรารู้จักพี่กอล์ฟ ซูเปอร์เบเกอร์ แล้วเล่าให้พี่กอล์ฟฟังว่าเรามีวงผู้หญิงแบบนี้ ซึ่งวงเราเป็นวงป๊อปแต่มีเครื่องเป่า เหมือนฟิวชั่นโซล แล้วคอนเทนต์ของวง ลุคของวง บุคลิก นิสัยใจคอของซุปเปอร์สตรีคือผู้หญิงกวนๆ อยากจะมีเพลงที่เป็นตัวแทนถึงผู้หญิงสมัยนี้ที่ไม่ฟูมฟายถ้าจะต้องเลิกกับแฟน คือถ้าเรารู้แล้วว่าเขาไม่ดี เราก็ชิ่งเทเขาก่อน ปล่อยจอยก่อน ไม่ต้องรอให้เขาเทเรา ไม่ต้องรอให้เสียเวลา" น้ำเย็นเล่าถึงที่มาของเพลงแรกให้ฟัง
สำหรับกระบวนการทำงานของเพลงนี้เตยเล่าว่าจะมีการขึ้นโครงไว้ก่อน คือมีคอร์ด มีทำนอง แล้วแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปคิดไลน์ของตัวเอง ก่อนที่จะมาแจมที่ห้องซ้อมว่าเข้ากันได้หรือเปล่า "ไลน์เครื่องเป่าพี่ม่อนเข้ามามีบทบาทในการช่วยคิด เพราะว่าไลน์เครื่องเป่ามันต้องมาพร้อมกัน หมายถึงสามเครื่องมันต้องสัมพันธ์กัน เข้ากัน ทีนี้พอพี่เขาคิด เขาก็มาปรึกษากับพาร์ตเครื่องเป่าอีกที สมาชิกเครื่องเป่าก็มีความเห็นว่าอยากให้แต่ละไลน์มีการสอดแทรกกันไม่ใช่เป่าพร้อมกันทั้งหมด จึงมีการแชร์ไอเดียกันด้วย"
การทำดนตรีในช่วงที่เทคโนโลยีเอื้อให้ศิลปินสามารถทำเพลงเองได้ อาจทำให้คนฟังเผลอคิดว่าผลงานที่ได้ฟังกันอยู่นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นศิลปินของค่ายหรือไร้สังกัดล้วนแล้วแต่มีต้นทุนที่ต้องจ่าย ทั้งคุณภาพของอุปกรณ์และเครื่องที่ใช้ซึ่งมีราคาต่างกันไป ยังไม่นับทักษะของบุคลากรที่มีส่วนร่วมในการผลิต เวลาที่ศิลปินใช้ในการคิดสร้างสรรค์และฝึกซ้อมก่อนที่จะเข้าห้องอัดอีกด้วย
สำหรับซุปเปอร์สตรีที่มีสมาชิกวงหลายคนและไม่มีสังกัด จะมีการตกลงนัดวันซ้อมและคุยงานกันสัปดาห์ละครั้ง แต่หากมีกระบวนการช่วงไหนที่ต้องการให้รวมตัวนอกจากนี้ ทุกคนก็พร้อมที่จะสละเวลาส่วนตัวมาร่วมทำงานเพลงของวงกัน เพราะนอกจากพวกเธอลำพังแล้วยังมีเพื่อนฝูงและพี่ๆ ในวงการมากมายที่คอยสนับสนุนและสละเวลามาช่วยอยู่ ซึ่งน้ำเย็นบอกว่าพวกเขามีส่วนร่วมทำให้เพลง ปล่อยจอย ซึ่งเป็นผลงานชิ้นแรกของพวกเธอออกมาดีมากอย่างนี้
"จริงๆ ถ้าไม่มีคอนเน็กชัน ไม่มีใครช่วย การจะทำให้โปรดักต์ดีมากอะแพงแน่นอน แต่เพราะเรามีคอนเน็กชัน มีรุ่นพี่ช่วย คือได้โปรดักชันดี ทุกอย่างดี ในราคาที่น้อยลง เพราะถ้าทำไม่ถึงมันจะไม่ดี มันจะได้แค่เดโมง่ายๆ ไม่สามารถออกมาเป็นมาสเตอร์แทร็กได้"
เตยเสริมเรื่องต้นทุนการทำงานเพลงว่า "ถ้าพูดเป็นราคาช่วงแรกก็อาจจะเห็นว่าแพง แต่จริงๆ พอเพลงปล่อยไป คนที่ไม่ได้ทำเพลงเขาก็อาจไม่รู้ว่ากระบวนการมันต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะอัด แล้วเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้มันก็มีราคาของมันนะคะ คือเหมือนจะฟังดูแพง แต่มันก็คุ้มค่า สมราคา การทำงานของโปรดิวเซอร์เองก็ทุ่มเทมากๆ เขาดูรายละเอียดทุกจุด ทุกเม็ดเลย"
ฟิล์มบอกว่าถ้ามองเป็นตัวเงินอาจจะไม่คุ้ม เพราะนอกจากทุกคนจะเสียเงินในการทำเพลงแล้ว บางคนอาจจะต้องเสียงานบ้าง แต่สุดท้ายพวกเธอก็คิดว่าสิ่งที่สำเร็จออกมามันคุ้มค่า
แล้วเอิร์ธก็เล่าให้ฟังว่าทุกคนได้รับประสบการณ์และมิตรภาพดีๆ ที่ทำให้มีความสุขในการทำเพลงมากๆ "ทุกอย่างมันมีระยะทางใช่ไหมคะ ช่วงระหว่างการเดินทางนี่มันสนุกมากอยู่แล้ว มันเป็นประสบการณ์ทุกอย่างก่อนที่เรากำลังจะทำมัน ตั้งแต่เราคุยกัน ลำบากไปหาคนนั้นคนนี้ให้เขาช่วยหน่อย ทุกอย่างมันเป็นมิตรภาพดีๆ ทั้งนั้นเลย ตอนนั้นสนุกมากอยู่แล้ว แล้วเราก็ได้เห็นทุกคนทุ่มเท อย่างกุ๊กไก่ก็อุตส่าห์มาจากจันทบุรี พี่น้ำเย็น หรือใครก็แล้วแต่ บางทีเรานัดแต่ว่าวันนี้ติดงาน ก็ยังลางานเพื่อมาทำตรงนี้บ้าง ทุกคนสละเวลากัน เพราะฉะนั้นมันมีความสุขมาก"
เตยเล่าบรรยากาศของการทำงานของซุปเปอร์สตรีที่ให้ความรู้สึกต่างจากงานเพลงอื่นๆ ที่เธอทำผ่านมาว่า "วันที่อัดเพลง แต่ละคนก็ลางานมา แต่เราไม่ได้มาแค่อัดส่วนของตัวเองแล้วกลับบ้าน ระหว่างที่ฟิล์มอัดร้อง เราก็อัด วันนั้นหนักหน่วงมาก เข้าไปในห้องอัดตั้งแต่สองทุ่ม ออกมาเที่ยงคืน แต่เพื่อนๆ ก็ยังรอ พี่เมย์ก็อยู่ คือทุกคนอยู่ให้กำลังใจเป็นเพื่อนฟิล์ม อย่างตอนเตยอัดมันก็แตกต่างกับที่เคยไปทำงานของเราที่อัดเสร็จแล้วก็กลับ แต่อันนี้อัดเสร็จก็รอดูผลงาน พอได้ฟังเวอร์ชันที่ออกมาทั้งเพลง มันรู้สึกตื้นตันใจว่า เออ... นี่คือผลงานของพวกเรา"
เราถามซุปเปอร์สตรีว่าหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำเพลงแรกแล้ว เมื่อได้ฟังครั้งแรกรู้สึกอย่างไร แล้วน้ำเย็นก็เป็นตัวแทนตอบความรู้สึกในครั้งนี้
"เพลงแรกหนูต้องขอบคุณพี่โปรดิวเซอร์เลย คือหนูฟังเดโมครั้งแรกน้ำตาซึมเลยอะ เพราะว่ามันดีจริงๆ มันยากด้วย ยอมรับว่าถ้าเราทำกันเองมันจะไม่ถึงขนาดนี้ พี่ม่อนเขาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ศิลปินอย่าง เบลล์ สุพล กับ ลุลา กันยารัตน์ มาก่อน แล้วอย่างน้ำเย็นก็เคยทำเบื้องหลังทำงานเพลงของตัวเอง เลยรู้ว่าเพลงที่เขาทำออกมาให้พวกเรามันดีมาก ศิลปินไทยช่วงนี้ที่เป็นแบนด์ผู้หญิงยังไม่มีใครเล่นแนวนี้แล้วทำเพลงแบบนี้แน่นอน เราต้องรอโอกาสว่าทำยังไงที่จะกระจายเพลงออกไปให้คนรู้จัก หรือว่าหาที่แสดงสด มันยากเพราะเราไม่มีค่าย ไม่มีสื่อ"
ขณะเดียวกันการเป็นวงสตริงคอมโบ้หญิงล้วนก็ทำให้มีคนสนใจไม่น้อย ตอนนี้พวกเธอเริ่มมีงานติดต่อให้ไปแสดงสดอยู่บ้าง แต่น้ำเย็นก็ยังยืนยันว่าถ้าเพลงดีและมีคนได้ฟังเพลงของวงมากกว่านี้ ก็น่าจะมีคนสนใจพวกเธอเพราะฝีมือมากกว่าแค่การเป็นผู้หญิงเล่นดนตรี
"คือหนูเชื่อว่าเดี๋ยวเพลงมันจะทำงานด้วยตัวมันเอง" เอิร์ธบอกด้วยความเชื่อมั่น
ฟิล์มพูดในฐานะของนักร้องนำบ้าง "ถ้ามองจากคนภายนอก บางคนอาจจะมองว่าแค่ผู้หญิงเล่นดนตรีมันก็น่าดูแล้ว แต่เราไม่อยากให้เขาดูเพราะเราเป็นแค่ผู้หญิง เราอยากทำให้รู้จริงๆ ว่าผู้หญิงก็ทำได้ แล้วทำออกมาได้ดี ไม่รู้ว่าจะดีในสายตาคนอื่นหรือเปล่า แต่เราประทับใจกันใน 8 คนนี้ก็ภูมิใจแล้ว"
"พูดจากประสบการณ์ส่วนตัวนะ พอเราเป็นผู้หญิง เราจะโดนมองว่าไม่เก่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็โดนขายลุคก่อน แต่ซุปเปอร์สตรีพยายามจะทำให้เห็นว่าสวยด้วยและเก่งด้วย คือแต่ละคนเล่นแบ็กอัพให้คนอื่นมาตลอด เราเล่นเป็นอาชีพมาตั้งนานแล้วค่ะ เราไม่ได้เป็นนักดนตรีที่เพิ่งหัดเล่น แล้วนี่คือโอกาสที่จะพรีเซนต์ให้ทุกคนได้เห็นว่าวงนี้เล่นแข็งแรง แต่ก็สวยด้วย" น้ำเย็นพูดติดตลก แต่เราก็รู้ว่าเส้นทางดนตรีที่ผ่านมาของพวกเธอไม่ได้ตลกอย่างท่าทีที่เล่าให้ฟังเลย
อย่างกุ๊กไก่เองที่เป็นมือกลองในวงที่สมาชิกคนอื่นๆ เป็นผู้ชายเท่านั้นยังไม่พอ แต่เธอยังเป็นมือกลองหญิงคนเดียวที่เล่นอยู่ในจังหวัดจันทบุรีเสียด้วย
"คืออันนี้เหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวกุ๊กไก่เหมือนกันว่าจะทำออกมาได้ดีไหม แล้วทุกคนก็เหมือนจะยอมรับมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเวลาเล่นที่จันทบุรี คนก็มองว่าเป็นผู้หญิงตีกลองอะไรอย่างนี้ ใช่ คือรู้สึกเลย ที่ทำอยู่เหมือนเราพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน แล้วก็ทุ่มเทเต็มที่เลย"
ก่อนจากกันพวกเธอเล่าว่าอาจจะได้ฟังผลงานหลังจากซิงเกิลแรกอีกในปีนี้ หากทำทันก็จะมีเพลงช้าหนึ่งเพลง และเพลงมีเดียมอีกหนึ่งเพลงให้ติดตามกัน ซึ่งต่อจากนี้ซุปเปอร์สตรีจะลองทำงานด้วยตัวเองแบบเต็มๆ บ้าง หลังจากเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานจากพี่ๆ ที่มาช่วยในเพลงแรก
ถ้าอยากรู้ว่าจะฟังเพลงใหม่ของพวกเธอได้เมื่อไร หรือถ้าอยากชมการแสดงสดของพวกเธอจะหาดูได้จากที่ไหน ลองเข้าไปดูกันได้ที่เฟซบุ๊กเพจ ซุปเปอร์สตรี นอกจากจะได้ติดตามผลงานของพวกเธอแล้ว ยังอยากให้ทุกคนได้เห็นเบื้องหลังการทำงานที่มีความสดใสของพวกเธอปกคลุมอยู่อีกด้วย
4385 VIEWS |
นักเขียน ผู้ใช้พื้นที่ในเวลาว่างไปกับการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ขี่จักรยาน อ่านการ์ตูน เล่นเลโก้ ฯลฯ โดยเชื่อเต็มหัวใจว่าเวลาที่หมดไปกับความรื่นเริงนี้สามารถเติมเต็มชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ