ถ้าเปรียบการอ่านนิยายระทึกขวัญ เหมือนการนั่งรถไฟเหาะ บอกเลยว่าหนังสือ บ้านหลอนสุดท้ายที่ปลายถนน จะพาตีลังกาจนสับสนหลายตลบ ทั้งความตาย ความจิต และความหวัง เรื่องไหนคือความจริง? แล้วข้อสันนิษฐานไหนถึงจะมาถูกทาง? แต่ความรู้สึกเหล่านั้นจะอันตรธานหายไป เมื่อความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ในตอนจบ จนทำให้เราตกหลุมรักและอยากโอบกอดทุกตัวละคร
หนังสือปกสีเขียวแดงถูกตีกรอบด้วยมุมต่างๆ ของบ้าน มีเจ้าเหมียวสีดำ และมีบ้านที่หน้าต่างถูกปิดทับด้วยแผ่นไม้ ปรากฏอยู่ตรงกลางภาพ เมื่อมองดูก็รู้สึกปั่นป่วนมากกว่าอบอุ่นหัวใจเสียอีก โดยเรื่องนี้ถูกการันตีคุณภาพจากนักอ่านที่เคยรีวิวไว้อย่างล้นหลาม รวมถึง ปอ-ธัญวรัตม์ นักออกแบบปกหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเคยออกแบบปกหนังสือสืบสวนสอบสวนขึ้นหิ้งของ อกาธา คริสตี้ มาแล้วหลายเล่ม อย่าง จนศพสุดท้าย, ฆาตกรรมในลำน้ำไนล์, ฆาตกรรมเอบีซี ก็ยังแนะนำให้อ่าน ไม่เว้นแม้กระทั่ง สตีเว่น คิง นักเขียนที่ได้ฉายาว่าเป็น ราชานิยายสยองขวัญ ยังชื่นชมหลังอ่านจบว่า เขย่าขวัญสั่นประสาทของแท้และไม่เคยเจอนิยายที่น่าตื่นเต้นถึงขั้นนี้ อีกทั้งหนังสือเล่มนี้ยังได้รับรางวัล Best Horror Novel จาก British Fantasy Award ในปี 2022 ที่เป็นอีกหนึ่งตัวรับรองว่าครบรสถึงเครื่อง ควรค่าแก่การอ่านแน่นอน
บ้านสุดท้ายที่ปลายถนน เป็นนวนิยายสยองขวัญตะวันตกที่ทางสำนักพิมพ์ Biblio นำต้นฉบับเรื่อง The Last House on Needles Street จากนักเขียนสาว คาทริโอนา วอร์ด มาตีพิมพ์ โดย ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี รับหน้าที่แปลฉบับภาษาไทย เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบ้านบนถนนท้ายซอย สมาชิกครอบครัวนี้ประกอบไปด้วย เท็ด ชายวัยกลางคนที่ชอบดื่มเหล้า ซึ่งความทรงจำของเขามักหล่นหายเป็นครั้งคราว ลอเรน ลูกสาวเจ้าปัญหาที่มีอารมณ์แปรปรวนและไม่มีใครเคยพบเห็น สุดท้าย โอลีเวีย แมวดำแสนสวยที่ชอบอ่านคัมภีร์ไบเบิล บรรยายให้รู้จักตัวละครในเรื่องแบบนี้แล้ว พวกเขาอาจเหมือนครอบครัวแปลกๆ ครอบครัวหนึ่ง แต่แล้วเหตุการณ์ฆาตกรรม การลักพาตัว และการแก้แค้น กลับเข้ามาทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความตายและความลับอันดำมืดที่แอบซ่อนอยู่ในป่าลึก จนความสัมพันธ์ในชีวิตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
พอเริ่มเปิดอ่านก็เห็นว่า การดำเนินเรื่องแต่ละบทในหนังสือจะเป็นการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครแต่ละตัว เขาหรือเธอคิดอะไร พูดอะไร และภายในจิตใจเป็นอย่างไร ทำให้ช่วงปูเรื่องสำหรับเราแล้วแอบน่าเบื่อไม่มีอะไรจูงใจให้น่าตื่นเต้นเลยสักนิด ไหนล่ะปริศนา ไหนล่ะการหาความจริงที่คาดหวัง แต่ในความน่าเบื่อก็ยังมีความย้อนแย้งผิดปกติให้เราได้จับสังเกตอยู่บ้าง นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจและดึงดูดให้เรายังคงอ่านต่อไป ซึ่งเท็ดดูเหมือนจะเป็นตัวละครหลักจากทุกการกระทำที่ค่อนข้างเข้าข่ายอาชญากรป่วยจิตตามนิยายทั่วไป อย่าง การไม่เข้าสังคม ไม่ชอบยุ่งกับใคร และไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับตัวเอง จนตกเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาคนอ่านไปโดยปริยาย
เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไปผ่านกิจวัตรประจำวันอันแสนธรรมดาของครอบครัวนี้ จนกระทั่งความธรรมดาเหล่านั้นเริ่มถูกเหตุการณ์และความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับครอบครัวของเท็ดเข้ามาหลอกหลอน ซึ่งเราอยากให้ทุกคนตั้งใจอ่าน คิดตาม และจดจำรายละเอียดต่างๆ เอาไว้ให้ดี เพราะมันคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยปะติดปะต่อปริศนาทุกอย่างในตอนสุดท้าย ซึ่งระหว่างทางก็แอบทำให้ข้อสันนิษฐานของเราแอบไขว้เขวหลังจากได้เจอกับตัวละครลอเรน เพราะเธอเป็นยัยตัวแสบได้โล่ ทั้งหัวรุนแรง อารมณ์แปรปรวน ปลิ้นปล้อน แถมยังมีความจิตยิ่งกว่าเท็ดเสียอีก ส่วน โอลิเวีย เป็นตัวละครที่เราคิดว่าไม่ค่อยมีสำคัญมากเท่าไหร่ในตอนแรก นางมาแค่ร้องแง้ว แง้ว บ่นชีวิตการเป็นแมวหรือการเป็นอยู่ของเท็ดให้ฟัง แต่พออ่านต่อไปสักพักเรากลับรู้สึกแมวตัวนี้ก็มีเสน่ห์ที่แปลกใหม่ดี นางมีความคิดเหมือนมนุษย์และอ่านคัมภีร์ไบเบิลได้ ซึ่งเธอเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่จะช่วยไขความลับของบ้านนี้ให้กระจ่างด้วยเหมือนกัน
นอกจากสามตัวละครหลักที่ได้พูดถึงไปแล้ว ก็มีตัวละครเสริมโผล่เข้ามาบ้างประปราย ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวประกอบชาวบ้านก. หรือชาวบ้านข. แต่พวกเขามีบทบาทและเกี่ยวข้องกับเรื่องราวจนถึงตอนสุดท้าย โดยเฉพาะ ดี ตัวละครซีเคร็ท ซึ่งการปรากฏตัวของเธอทำให้เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มเข้มข้นมากขึ้น จากการเชื่อมโยงเส้นเรื่องที่เป็นปมของเท็ด เข้ากับคดีการลักพาตัวเด็กหญิงไอติม หรือก็คือน้องสาวของเธอ ทำให้เท็ดตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่ดีต้องตามสืบ เพื่อช่วยเหลือน้องสาวและลบล้างความผิดบาปที่อยู่ติดในใจ ซึ่งพอเรื่องเป็นแบบนี้แล้วการเรียงลำดับเรื่องราวก็ยิ่งซับซ้อนกว่าเดิม ทำให้แอบสับสนนิดๆ ตอนอ่าน เพราะไม่รู้เลยว่าไทม์ไลน์ที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้คือช่วงเวลาไหน แล้วเรื่องของแต่ละคนมันต่อกันหรือเปล่า แต่อ่านเรื่อยๆ ก็เริ่มสนุกเฉยเลย เราจึงปล่อยให้เรื่องที่ชวนสับสนนี้นำพาไปเรื่อยๆ
ตอนนี้เรื่องของทุกคนที่ดูจะกระจัดกระจายต่างคนต่างความคิด สุดท้ายมันกลับบรรจบกันได้อย่างน่าประหลาดใจ เมื่อแต่ละบทของทุกตัวละครที่เคยอ่าน กลายเป็นเหตุการณ์ตัดสลับฉากเหมือนในภาพยนตร์ที่ค่อยๆ ปะติปะต่อกัน ความเข้มข้นของข้อเท็จจริงกำลังทะลักไหลหลากเข้าสู่สมองจนลามไปถึงขนแขน นี่คือหมากที่นักเขียนได้ทิ้งความพีคระลอกแรกไว้เหมือนเอาใจคนอ่าน ผู้ชอบตั้งข้อสันนิษฐานแบบสามัญตามฉบับนักอ่านนิยายสยองขวัญทั่วไป ซึ่งเมื่อเราดำดิ่งไปกับความจริงประเภทนี้อยู่นาน จนเริ่มตายใจว่า คงจะถึงจุดจบของโศกนาฏกรรมนี้สักที ความพีคระลอกที่สองก็กลับสาดเข้ามาเรียกสติตอกย้ำให้ตาสว่าง เพราะเธอสับขาหลอกเราถึงสองครั้งแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทีเดียว
เมื่อถึงคราวปมของเรื่องคลี่คลายและเฉลยทุกอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจ กลับกลายเป็นว่าเราไม่อยากให้มันจบลง เหล่าตัวละครได้เข้ามาผูกมัดสร้างความสัมพันธ์ผ่านตัวอักษรและการบรรยายแสนละเอียดของนักเขียนไว้กับเราเรียบร้อยแล้ว เธอเล่าทุกอย่างให้เราเข้าถึงและเข้าใจในตัวตนของพวกเขาได้อย่างลึกซึ้ง จนเราไม่กังขาต่อความจริงที่เธอมอบให้เลย ทุกตัวละครมีเหตุผลที่กระทำลงไปทั้งสิ้น บางคนทำเพื่อความสบายใจ บางคนต้องการหลีกหนี หรือบางคนก็ไม่มีทางเลือก ซึ่งสุดท้ายพวกเขาต่างมีชีวิตขึ้นมาเพื่อช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายและปลอบโยนซึ่งกันและกัน
ถ้าสนใจหนังสือเล่มนี้ คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บ้านหลอนสุดท้ายที่ปลายถนน
307 VIEWS |
เด็กฝึกงานทีมกองที่ชอบนั่งเงียบ เก็บข้อมูลจากเสียงพูดรอบข้าง เธอมีความสุขที่ได้อยู่ในโลกของจินตนาการ และมีความใฝ่ฝันที่อยากให้คนอื่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในโลกของเธอด้วยเช่นกัน
กองบรรณาธิการที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ชอบคุยกับผู้คน ท้องฟ้า และเสียงดนตรี เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฟังเพลง ที่บางทีก็ปล่อยให้เพลงฟังเรา