แทนที่จะบอกเล่าเรื่องราวแห่งความรุ่งโรจน์ของวัยทำงานที่เปี่ยมด้วยพลัง ซีรีส์ Life's Punchline หรือ Konto ga Hajimaru (2021) กลับเลือกเล่าชีวิตของ 'แมคเบธ' คณะตลกวงทรีโอ้ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ สามหนุ่มนักแสดงตลก อันได้แก่ ฮารุโตะ (สุดะ มาซากิ), จุนเป (นากาโนะ ไทกะ) และ ชุนตะ (คามิกิ ริวโนะสุเกะ) เลือกเดินในเส้นทางอาชีพนักแสดงละครตลกสั้นมา 10 ปี ก่อนที่จะพบว่าทำยังไงพวกเขาก็ไม่ป๊อปซะที! และมันคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องยุบคณะแล้วแยกย้าย!
ไปต่อ? หรือเลิก?
เราก็มักจะถามตัวเองอยู่แบบนี้ซ้ำๆ จริงไหม? โดยเฉพาะใครก็ตามที่เลือกทำอะไรโดยที่คนทางบ้านหรือคนสำคัญในชีวิตไม่ยอมรับหรือไม่เข้าใจ การจะยืนยันเดินต่อมันก็ยิ่งไม่ง่าย ฮารุโตะ จุนเป และชุนตะ ต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งเจอปัญหา ก็ยิ่งถอดใจ และพอยิ่งถอดใจ ก็ย่ิงไปต่อไม่ไหว!
Life's Punchline เปิดและปิดแต่ละตอนด้วยฉากละครเวที เป็นวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ด้วยซาวนด์ประกอบและสไตล์ที่ทำซ้ำเช่นนี้ทุกตอนทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีเอกลักษณ์บางอย่าง การเดินเรื่องในแต่ละตอนผ่านฉากละครตลกสั้น เรียงแต่ละฉากไปในแต่ละ EP ทำให้ผู้ชมได้ดูละครตลกสั้นไปพร้อมๆ กับเรื่องราวด้วย ซึ่งละครตลกเองก็จะมีลีลาที่เล่นล้อไปกับความเป็นไปในซีรีส์ เป็นเหมือนละครซ้อนละครที่เลียนแบบความจริงบางประการในฉากชีวิตคนเรา
ความเทพคือ ในหลายๆ ซีนตัวแสดงจะหัวเราะและร้องไห้ออกมาในวินาทีไล่เลี่ยกัน หรือในบางซีนก็ถึงขั้นหัวเราะทั้งน้ำตาเลยด้วยซ้ำ ทำนองว่ากำลังขำจะเป็นจะตายอยู่แล้วก็ต้องร้องไห้กับเรื่องตลกตรงหน้า โดยส่วนตัวฉันจึงรู้สึกว่าบทละครมีความดีงาม มีมิติรายละเอียด และเต็มไปด้วย 'ประโยคเด็ด' ชนิดที่บอกได้เลยว่าละครเรื่องนี้มี Punchline ที่เป็นเหมือนหมัดตรงพุ่งเข้าใส่คนดูอยู่เต็มไปหมด บางประโยคได้ยินแล้วจุก หรือในโมงยามที่กำลังรู้สึกมืดมน พอได้ฟังบางประโยคแล้วก็เหมือนได้เห็นแสงสว่างบางอย่างขึ้นมา ...ซึ่งนี่ก็อาจจะไม่ต่างจากชีวิตจริงของคนเรา ที่ในบางเวลา การได้ฟังบางประโยคเล็กๆ จากใครบางคน มันก็อาจจะเพียงพอแล้วจริงๆ
ในวันที่เรารู้สึกมืดไปหมด คิดอะไรไม่ออก หรือไม่ทันได้คิดอะไร การได้ยินบางประโยคจากคนข้างๆ ก็อาจคล้ายการได้ฟังคำเฉลยของคำถามที่ขังอยู่ในใจมาเนิ่นนาน และคงเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าจะต้องหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาหลังจากที่ประโยคเหล่านั้นได้ทำหน้าที่
สำหรับฉันและแฟนคลับของซีรีส์เรื่องนี้อีกหลายคน (แฟนคลับมีไม่เยอะหรอก เพราะซีรีส์ที่เรารักมันไม่ดังน่ะ) ซีน 'ล้างรถ' กับ 'เป่ายิ้งฉุบ' ได้กลายเป็นซีนในตำนานที่ลืมไม่ลงไปอีกนานแสนนาน บางสถานที่ในเรื่องกลายเป็นสถานที่ที่บรรจุเรื่องบางเรื่องและคนบางคนเอาไว้ มันยากนะที่จะหาเรื่องราวอื่นหรือคนอื่นๆ มาแทนทับ นอกจากนี้ ตัวละครแวดล้อมในเรื่องก็น่าประทับใจและส่งบทได้ดีจริงๆ ทั้ง มาคาเบะ ครูที่เป็นมนุษย์ครูจริงๆ, มิตสึโยะ เซียนไพ่นกกระจอกเจ้าของร้านอาหารเมกชีราซ, คุณลุงอันโด อดีตนักมวยเจ้าของโบกี้พัตต์อิซากายะ, นัตสึมิ สาวออฟฟิศที่เป็นแฟนของจุนเป, ไทจิ ลูกชายของครูมาคาเบะ ฯลฯ
ถึงแม้ฉันจะรู้สึกเฉยๆ กับงานโปรดักชั่นของละครเรื่องนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าประเด็นนี้ดูจะเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับภาพรวมและคุณค่าที่ละครทำออกมา โปรดักชั่นของซีรีส์ที่เราดูกันในยุคนี้หลายๆ เรื่องเดินไปไกลมาก และหลายเรื่องก็ไม่แพ้ภาพยนตร์แล้ว แต่ฉันกลับรู้สึกว่าละครเล็กๆ เรื่องนี้ให้ความรู้สึกที่ซีรีส์ฟอร์มใหญ่หลายๆ เรื่องให้ไม่ได้ (ฉันเคยรู้สึกเสียดายเวลาที่ดูซีรีส์ดังบางเรื่อง แต่ตอนดู Life's Punchline กลับไม่รู้สึกอย่างนั้น) งานภาพและมุมกล้องของซีรีส์ตลกเรื่องนี้ไม่มีอะไรพิเศษมากนัก แต่ก็ไม่ได้แย่ ฉันจำมันได้ในฐานะของละครภาพเรียลๆ ที่หัวเราะและร้องไห้กันจริงๆ และมันก็ทำให้ฉันหัวเราะและร้องไห้จริงๆ ได้
ซีรีส์เรื่องนี้เหมือนการเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เหมือนคนเดินเล่น เป็นการเดินแบบธรรมดาๆ แต่พอรู้ตัวอีกทีคือถึงยอดเขาแล้ว! มันสุดยอดตรงนี้ และพออยู่บนยอด คนดูก็ไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติแท้ๆ ตรงหน้า
คงเพราะ tick, tick…BOOM! เป็นหนังที่มาจากวัฒนธรรมในอีกฟากโลก และโดยส่วนตัวรู้สึกว่าหนังมีความ 'ใหญ่' และห่างไกลกับชีวิตตัวเองพอสมควร ก็เลยรู้สึกชอบและชื่นชมหนังแต่ไม่ได้รู้สึกอินหรือรับเอามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ...ต่างจากตอนดู Life's Punchline ที่จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องดาดๆ ที่ใกล้ตัวเราสุดๆ บางบทพูดทำให้เรานึกถึงน้องในที่ทำงานบางคน นึกถึงตัวเองในบางจังหวะ นึกถึงเพื่อนพี่น้องในแวดวงเดียวกัน และรู้สึกคิดถึง Babymime คณะตลกละครใบ้ที่ฉันชอบ (ปัจจุบันเบบี้ไมม์มีสมาชิก 2 คน จากเดิมที่เคยมี 3 คน เป็นความเปลี่ยนแปลงที่แฟนคลับคนนี้เข้าใจ และยังคงให้กำลังใจนักแสดงทั้งสามอยู่ในระยะไกล)
ในสายงานสร้างสรรค์ การส่งรับพลังระหว่างคนสร้างงานกับคนเสพงานเป็นเรื่องสำคัญมาก ในขณะที่สังคมอาจบอกเราว่าความโด่งดังเป็นเรื่องสำคัญกว่า แต่ฉันยังไม่เชื่อว่ามันจริงนะ แน่นอนว่าความป๊อปมีประโยชน์ในตัวมันเอง แต่ความไม่ป๊อปก็คงไม่ใช่ตัวตัดสินว่ากำลังเดินผิดทางไม่ใช่หรือ เพราะมนุษย์แต่ละคนต่างเดินบนเส้นทางของตัวเอง ไม่ได้เดินบนเส้นทางเดียวกันเสมอไปนี่นา ในวินาทีที่คำว่า 'ประสบความสำเร็จ' เข้ามาสะกดจิตให้มนุษย์ต่างรอคอยคำนี้ บางทีอาจจะเป็นเรื่องงดงามเช่นกัน ถ้าเราจะมองให้เห็นว่า ความสำเร็จเป็นแค่เรื่องที่ปลายทางเท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางมันได้เกิดขึ้นแล้ว—ไม่เคยสูญเปล่า—และอาจส่งผลไม่เร็วก็ช้า
สำหรับใครก็ตามที่กำลังพยายามอย่างมากเพื่อบางสิ่งที่ตัวเองตั้งเป้าหมายไว้ พยายามในทุกๆ วันแม้จะไม่มีคนหนุนหลัง ฉันคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้เหมาะกับคุณนะ และสำหรับใครก็ตามที่ต้องละทิ้งความฝันบางอย่างไปเพื่อให้ชีวิตได้เดินไปข้างหน้า ซีรีส์เรื่องนี้ก็จะไม่ทอดทิ้งคนแบบคุณแน่นอน และเมื่อพูดถึงความหมายของคำว่า 'ความสำเร็จ' แล้ว ฉันคงต้องบอกว่าละครเรื่องนี้อาจไม่ได้ให้คำตอบของคำคำนี้แบบชัดเจนอะไร แต่เราในฐานะผู้ชมน่าจะตอบชีวิตของตัวเองได้ไม่มากก็น้อยเมื่อได้ชมซีรีส์เรื่องนี้
สำหรับใครก็ตามที่อยากจะดูละครเรื่องนี้เพื่อให้ได้เสียงหัวเราะ ฉันว่าคุณน่าจะได้รับความสนุกสนานไปบ้าง แต่นอกจากความตลกโบ๊ะบ๊ะของกลุ่มเพื่อนในเรื่องแล้ว สิ่งที่คุณอาจจะได้รับไปด้วยก็คือ ความรู้สึกดีๆ ของมิตรภาพ สัมพันธภาพ การช่วยเหลือกันระหว่างมนุษย์ การปลอบประโลมใจ การเรียนรู้ที่จะยอมรับและปล่อยวาง รวมทั้งอาจได้เรี่ยวแรงในการทำอะไรบางอย่างติดมือไปด้วย
ฉันรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเหมือนเพื่อนที่ไม่มีฟอร์มอะไร เป็นเพื่อนที่หัวเราะไปกับเรา ร้องไห้ไปกับเรา เป็นเพื่อนที่คอยตบมุก และคอยตบบ่าให้กำลังใจเรา โดยระหว่างทางของสัมพันธภาพระหว่างเรากับเพื่อนคนนี้ ตัวเราเองก็ได้เรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อยเช่นกัน
- 'แมคเบธ' ชื่อคณะตลกในเรื่อง มีชื่อพ้องกับชื่อวรรณกรรมการละครคลาสสิก ผลงานการประพันธ์ของเช็กสเปียร์ ความงามของภาษาและการใช้ความเปรียบทำให้งานชิ้นนี้ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงในวงการละครเวที
- ชีวิตจริงของสุดะมีบางส่วนละม้ายคล้ายพื้นฐานตัวละคร 'ฮารุโตะ' คือสุดะตัดสินใจไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่เลือกเข้าสู่เส้นทางบันเทิงหลังจากเรียนจบมัธยมฯ นอกจากงานแสดงแล้ว เขายังเป็นนักร้องอีกด้วย หนึ่งในผลงานเพลงของเขาคือ 'Niji' ซาวนด์แทร็กภาพยนตร์อนิเมชัน Stand by Me Doraemon 2 (2020) โดยเพลงนี้มีเอ็มวีที่เป็นเวอร์ชั่นคนแสดงซึ่งสุดะแสดงร่วมกับ ฟุรุคาวะ โคโตเนะ ที่แสดงเป็น สึมุกิ น้องสาวของนากาฮามะ ด้วย
- คามิกิ ริวโนะสุเกะ ที่รับบทเป็นชุนตะ เข้าสู่วงการแสดงตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ในเวลาต่อมาเขาได้ถูกค้นพบโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ หัวเรือใหญ่แห่ง Studio Ghibli ด้วยเห็นว่ามีน้ำเสียงเหมาะที่จะพากย์เป็น Boh หนึ่งในคาแรกเตอร์ในภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง Spirited Away (2001) คามิกิสร้างชื่อในงานลงเสียงหลายครั้ง และที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ การลงเสียงให้กับ 'ทะกิ' ตัวเอกในหนังเรื่อง Your Name (2016) นั่นเอง ในการทำงาน คามิกิมักเลือกงานโดยพิจารณาจากบทที่น่าสนใจมากกว่าความป๊อปปูล่า
ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://mantan-web.jp/article/20210614dog00m200060000c.html
https://mydramalist.com/688431-konto-ga-hajimaru
https://asianwiki.com/Life%27s_Punchline
https://today.line.me/th/v2/article/qpNP8w
https://hero.fandom.com
https://th.wikipedia.org/wiki/ตลกเปิดชีวิต
แปลบางอย่างเกี่ยวกับสุดะ Suda Masaki Thai Fan
บันทึกซีรีส์ญี่ปุ่น
4681 VIEWS |
ที่ปรึกษาทีม happening shop, เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก 'ญี่ปุ่นอุ่นอุ่น', นักเขียน ช่างภาพโฟโต้บุ๊ก 'Nagasaki Light' และไกด์บุ๊ก 'Kagawa Memories' นอกจากภาพถ่ายและงานเขียน สิ่งที่เธอสนใจเป็นพิเศษคือการนั่งสมาธิและการโปรยมุขไม่ขำ