เติบโตผ่านช่วงเวลาเศร้ากับ 'วันที่เหมาะกับ ขนมปัง ซุป และแมว'

    'ไม่ต้องอดทนหรอก ตอนไหนอยากร้องก็ร้องไปเถอะ ไม่อย่างนั้นจะอัดอั้น แล้วจะกลายเป็นเรื่องซับซ้อนขึ้นทีหลัง' 
    อ่านถึงบรรทัดนี้ ฉันก็พยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย นั่นสินะ นั่นสิ ร้องไห้เป็นเรื่องธรรมดา อดทนทำไม ไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้ ไม่ผิดสักหน่อย

    ฉันขอเอ่ยออกมาก่อนว่า ตอนเห็นหน้าปก วันที่เหมาะกับ ขนมปัง ซุป และแมว วรรณกรรมญี่ปุ่นเขียนโดย มูเระ โยโกะ ที่ตอนนี้ขายดีจนพิมพ์ครั้งที่ 3 แล้ว ฉันนึกถึงหนังสือที่มีบรรยากาศอุ่นๆ สักเล่ม อ่านแล้วต้องยิ้มให้กับการพิถีพิถันทำร้านอาหารของ 'อากิโกะ' ที่ขายเพียงซุป และขนมปัง หรือยิ้มน่าเอ็นดูกับการออดอ้อนของ ทาโระจัง เจ้าแมวตัวกลม ตามประสาคนรักสัตว์ แต่ยิ่งพลิกอ่านเท่าไหร่ เรื่องราวที่แสนสบายใจ ก็ทำฉันเสียน้ำตาอย่างไม่น่าเชื่อ  

    วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุป และแมว (パンとスープとネコ日和 - Pan to Soup to Neko Biyori) เป็นหนังสือแปลจากญี่ปุ่น ผลงานของผู้เขียน มูเระ โยโกะ ที่ขายดีจนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ซีรีส์ขนาดสั้น 4 ตอนจบ ชื่อเดียวกัน ในปี 2013 ซึ่งสำนักพิมพ์น้องใหม่ชื่อน่ารักอย่าง สำนักพิมพ์แซนด์วิช ได้เลือกมาเป็นหนังสือเปิดตัวเล่มแรกของสำนักพิมพ์ พร้อมได้ jiranarong นักวาดภาพประกอบหนุ่มชาวไทย มาวาดภาพประกอบด้วยลายเส้นแสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยอารมณ์อบอุ่นให้
    วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุป และแมว เล่าเรื่องของ อากิโกะ ที่ลาออกจากงานประจำมาทำร้านอาหารที่เธอไม่เคยคิดว่าจะทำมาก่อน ฉันเริ่มต้นอ่านแล้วก็จินตนาการเห็นภาพผู้หญิงอายุห้าสิบกว่าคนหนึ่ง ที่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ สร้างร้านอาหารในแบบที่ตัวเองชอบ ปรุงรสชาติอาหารในแบบที่ตัวเองรัก และจัดสรรเวลาบริหารการทำงานกับการพักผ่อนอย่างลงตัว แม้จะมีเสียงโต้แย้งจากผู้คนรอบตัวก็ตาม... น่าอิจฉาจัง
    ที่ อากิโกะ เชื่อมั่นขนาดนี้ คงเพราะมี ทาโระ อยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เพียงมีแมวเหมียวซุกซบอยู่ใกล้ๆ ก็อบอุ่น นี่แหละคือความรักที่สื่อถึงกันโดยไม่ผ่านคำพูด ฉันเองก็คิดว่า อากิโกะ คงไม่ทันรู้ตัวหรอกว่า ทาโระ สำคัญกับเธอ จนกระทั่งวันหนึ่ง ธรรมชาติของชีวิตที่ไม่มีเพียงความสุข แต่ยังมีความทุกข์ด้วย ได้เกิดสถานการณ์พลิกผันที่เปลี่ยนชีวิตเรียบๆ ของเธออีกครั้ง 
    ช่วงท้ายของวันที่เหมาะกับ ขนมปัง ซุป และแมว จึงพลิกอารมณ์อบอุ่นจากต้นเรื่องไปไม่น้อย ต่อให้ อากิโกะ เป็นคนเข้มแข็งขนาดไหน การต่อสู้กับความเศร้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ตัวอักษรบรรทัดแล้วบรรทัดเล่าหลังจากนี้ แม้จะเป็นคำเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยอารมณ์อ่อนไหว ทุกข์ทรมานกับความคิดถึง และเผชิญหน้ากับความเศร้าที่โอบคลุมอยู่รอบตัว ซึ่งฉันต้องสารภาพก่อนว่า อารมณ์ของอากิโกะคล้ายกับฉันอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเวลาหวั่นไหว ฉันอยากถูกโอบกอด ฉันจึงอยากกอดเธอแน่นๆ หวังว่าความเศร้าจะคลายลงเล็กน้อยก็ยังดี 
    ฉันไม่อาจบอกได้ว่า อากิโกะ เดินหน้าไปในทิศทางไหน แต่ฉันชอบหนทางที่ มูเระ โยโกะ - ผู้เขียน เลือกใช้มาก เพราะเธอเปิดเปลือยความรู้สึกและคลายปมในชีวิตบางอย่าง ที่ตลอดชีวิตห้าสิบกว่าปี อากิโกะไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งนอกจากสร้างแรงกระเพื่อมให้อากิโกะเติบโตไปข้างหน้าได้อีกก้าวแล้ว ยังพาให้คนอ่านอย่างฉัน ต้องมานั่งคิดดูแล้วว่า ยังมีอะไรกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าทำ แต่อยากทำหรือเปล่า ไม่แน่ว่าการลงมือทำสิ่งนั้น จะพาชีวิตให้เข้มแข็งพร้อมเผชิญหน้ากับทุกเหตุการณ์จากนี้ได้ 
'การที่มีคนหัวเราะเรื่องไม่เป็นเรื่องไปด้วยกันได้นั้นคือความสุข' 
    คุณอากิโกะบอกไว้แบบนั้น ฉันเองก็ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ไปกับเรื่องราวชีวิตของคุณเช่นกัน ขอบคุณที่แบ่งปันความสุขนี้นะคะ เอาล่ะ...ฉันคงต้องแบ่งปันเรื่องราวของฉันให้ใครฟังบ้าง 
    วันที่เหมาะกับ ขนมปัง ซุป และแมว ไม่ได้เป็นหนังสือบรรยากาศอุ่นๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังพาเราเติบโตผ่านความเศร้า และเรียนรู้ที่จะหาหนทางเปิดประตูคลี่คลายความรู้สึกทุกข์ระทม 
    ฉันกดโทรศัพท์หาคนรัก เล่าเรื่องราวหวั่นไหววันนี้ให้ฟัง...

กมลพร สุนทรสีมะ

อดีตเติบโตมากับกองบรรณาธิการนิตยสารสำหรับเด็กเเละครอบครัว เชื่อมั่นในพลังมหัศจรรย์ของเด็กๆ ชอบดอกไม้ พืชใบเขียว มีหอศิลป์เป็นที่ชุบใจ ติดชาเย็นหวานน้อย พอๆ กับกลิ่นกระดาษ อนาคตอยากเลี้ยงลาบาดอร์ สีน้ำตาล