พระอาทิตย์เที่ยงคืน โศกนาฏกรรมของเด็กชายและเด็กหญิงที่เป็นพระอาทิตย์ในยามเที่ยงคืนของกันและกัน

    "จนเมื่อพลิกถึงหน้าสุดท้าย รับประกันได้ว่าชะตากรรมของตัวละครทั้งหลายจะทำให้ผู้อ่านตกตะลึงเย็นเยียบระคนตื่นเต้นจนต้องรู้สึกว่าผลงานชิ้นเอกของฮิงาชิโนะ เคโงะ เล่มนี้ สั้นเกินไปด้วยซ้ำ"
    นี่คือคำโปรยด้านหลังของหนังสือพระอาทิตย์เที่ยงคืน ผลงานจากฮิงาชิโนะ เคโงะ (Higashino Keigo) ที่เขียนหนังสือผลงานเด่นๆ ออกมามากมาย เช่น ความลับ (Himitsu), กลลวงซ่อนตาย (Yougisha X no Kenshio), กาลิเลโอไขคดี (Tantei Galileo), ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ (Namiya Zakkaten no Kiseki) และอีกมากมาย 
    'พระอาทิตย์เที่ยงคืน' จัดพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1999 โดยเริ่มจากการพิมพ์เป็นนิยายตอนสั้นๆ ลงในนิตยสาร Shosetsu Subaru ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะตั้งแต่ ค.ศ.1997-1999 และเมื่อมีการพิมพ์รวมเล่มจึงได้มีการปรับเนื้อหาบางส่วนเพื่อเรียบเรียงเป็นนวนิยายขนาดยาวในปี 2005 นอกจากนั้นยังได้รับการนำไปทำเป็นละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์และละครเวทีมากมายหลายครั้ง ทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ รวมถึงยังได้รับรางวัลอีกมากมาย 
    นิยายเรื่องนี้ได้มีโอกาสทำเป็นภาษาไทยครั้งแรกโดยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์เนชั่น เมื่อ ค.ศ. 2011 ที่มีความหนากว่า 1044 หน้า และล่าสุดได้กลับมาตีพิมพ์อีกครั้งโดยสำนักพิมพ์ไดฟุกุ ด้วยการแบ่งออกเป็น 2 เล่ม ด้วยความหนาของหน้ากระดาษรวม 873 หน้า ถึงจำนวนหน้าจะน้อยลง แต่ไม่ได้ตัดทอนเนื้อหา ยังคงเนื้อหาเข้มข้นของนิยายไว้ได้ตั้งเดิม
    ด้วยความหนาและจำนวนหน้าของหนังสือเล่มนี้ คิดว่าคงทำให้นักอ่านบางคน (รวมถึงตัวฉันเอง) แอบท้อไปบ้าง จนคิดว่าต้องใช้เวลาเป็นเดือนถึงจะสามารถอ่านได้จนจบ แต่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อเริ่มเปิดอ่านหนังสือกลับใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด เพราะเนื้อหาในแต่ละบท น่าติดตามเป็นอย่างมาก ชวนให้เราอยากรู้เรื่องราวต่อไป อยากที่จะค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ของตัวละครหลักทั้งสองอย่าง คิริฮาระ เรียวจิ บุตรชายเจ้าของโรงรับจำนำที่ถูกฆาตกรรม และ นิชิโมโตะ ยูกิโฮะ ลูกสาวของผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์การฆาตกรรมในครั้งนั้น
    เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในปี 1973 จากการเสียชีวิตของคิริฮาระ โยสุเกะ เจ้าของโรงรับจำนำในโอซาก้า ภายใต้การสืบสวนสอบสวนที่นำโดยซาซางากิ จุนโซ เงื่อนงำที่ค่อยๆ เปิดเผยชี้ไปยังนิชิโมโตะ ฟุมิโยะในฐานะผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ ทว่าในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถหาความเชื่อมโยงระหว่างผู้ต้องสงสัยกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น ฟุมิโยะกลับเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ ทำให้ไม่สามารถหาตัวคนร้ายที่แท้จริงในคดีนี้ได้ และภายหลังเกิดคดีประหลาดมากมายรอบตัวของลูกชายผู้ตายและลูกสาวผู้ต้องสงสัย
    หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาที่ยาวนานมากจนเรียกได้ว่าเป็นมหากาพย์เรื่องหนึ่ง เพราะดำเนินเรื่องราวนาน 19 ปี ตีแผ่เรื่องราวของทั้ง 2 คนออกมาตั้งแต่เป็นเด็กชายและหญิงอายุเพียง 11 ปี จนอายุเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ทำให้เราทั้งรู้สึกผูกพัน ทั้งเอาใจช่วย ทั้งรู้สึกไม่สบายใจและระแวงไปกับการกระทำต่างๆ ของทั้ง 2 ตัวละคร
    วิธีการดำเนินเรื่องของหนังสือเล่มนี้อาจจะมีความแปลกและทำให้ผู้อ่านสับสนได้ไม่น้อย เพราะเราไม่เคยได้รู้ถึงความรู้สึกจริงๆ หรือสิ่งที่ตัวละครหลักคิดอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเรื่องราวในแต่ละบทเป็นการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของคนรอบข้างหรือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากทั้ง 2 ตัวละครหลัก เช่น ซาซางากิ จุนโซ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามค้นหาความจริงตลอด 19 ปี, ทาคามิยะ มาโกโตะ สามีคนแรกของยูกิโฮะที่มีพร้อมทั้งหน้าที่การงานและชาติตระกูลแต่ชีวิตแต่งงานกลับไม่ประสบความสำเร็จ, ชิโนสึกะ คาซุนาริ รุ่นพี่ชมรมเต้นสมัยมหาลัยที่ระแคะระคายการกระทำของยูกิโฮะ,โทโมฮิโกะ โซโนมุระ เพื่อนสมัยมัธยมปลายที่ยอมทำตามที่เรียวจิสั่งเพราะเหตุผลบางอย่าง และอีกหลากหลายตัวละคร 
    ด้วยเวลาที่ดำเนินยาวนาน 19 ปี ทำให้เราได้รู้จักตัวละครเยอะมาก จนบางทีต้องแอบเขียนโน้ตไว้ว่าตัวละครนี้เป็นใครกันและเกี่ยวข้องกับตัวละครหลักยังไงบ้าง และนั้นก็เป็นจุดเด่นของนิยายเรื่องนี้ เพราะแต่ละบทก็เหมือนจิ๊กซอว์ที่ผู้เขียนตั้งใจค่อยๆ วางทิ้งไว้ให้กับผู้อ่านอย่างเราได้ต่อจิ๊กซอว์ไปช้าๆ และสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้เอง จนเมื่อพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย ก็ไม่อยากที่จะยอมรับว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดคืออะไรกันแน่ ทำให้มูฟออนจากหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ไป 2 วันเต็มๆ

    สำหรับตัวฉันเองเมื่อได้อ่านแล้ว ก็พบว่ามันเป็นการถ่ายถอดเรื่องราวของคนสองคนที่หัวใจแตกสลาย รู้สึกว่าโลกช่างโหดร้ายและไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไปทำร้ายคนอื่นได้เช่นกัน และนอกจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับคดีแล้ว นิยายเรื่องนี้ยังถือว่าเป็นจดหมายบันทึกเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอีกด้วย เพราะในแต่ละปีของหนังสือจะมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศญี่ปุ่น เช่น เรื่องของทีมเบสบอล เทคโนโลยี ตั้งแต่เกมส์ คอมพิวเตอร์ บัตรเอทีเอ็ม รวมไปถึงสังคมในสมัยนั้น เซตติ้งต่างๆ ทำให้อินกับเนื้อหาได้ไม่ยาก ถึงไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่นก็สามารถเข้าใจได้

    และสุดท้ายถ้าใครอ่านแล้วยังมูฟออนไม่ได้เหมือนฉัน แนะนำให้ไปดูฉบับของซีรีส์ Byakuyako (2006) ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือ นำแสดงโดย Haruka Ayase และ Yamada Takayuki เรียกได้ว่าตัวซีรีส์ทำออกมาได้ดีทีเดียว ถึงจะเปิดเรื่องมาจะเฉลยตัวจบของเรื่องแล้วค่อยเล่าย้อน แต่มันทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวละครหลักมากขึ้น เพราะในหนังสือจะเล่าเรื่องด้วยตัวละครอื่นๆ แต่ในซีรีส์จะดำเนินเรื่องและเล่าเรื่องราวผ่านทั้ง 2 ตัวละครหลักเลย เลยรู้สึกว่าซีรีส์ได้มาเติมเต็มในส่วนที่นิยายไม่ได้กล่าวถึงด้วย

    ต้องยอมรับจริงๆ ว่า 'พระอาทิตย์เที่ยงคืน' ถือเป็นอีกผลงานขึ้นหิ้งของอาจารย์ฮิงาชิโนะ เคโงะ และเป็นอีกหนึ่งผลงานที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ไปอ่านกันจริงๆ ต้องบอกเลยว่ายอมรับกับคำโปรยที่เขียนไว้ตรงปกหลังแล้วจริงๆ 


    ลองอ่านดู แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงได้ชื่อว่าพระอาทิตย์เที่ยงคืน

ณัฐพร ก้อนมณี

ครีเอทีฟผู้ตกหลุมรักการกินของหวาน ชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือ ดูการ์ตูน และอินไปกับซีรีส์สืบสวน และยังเชื่อว่าชานมพุดดิ้งเป็นคำตอบของทุกสิ่ง