สามปีต่อมา ชายชราวัย 70 ปีก็ส่งมอบแรงบันดาลใจให้กลุ่มเด็กหนุ่มที่ชื่นชอบเสียงเพลง กลายมาเป็นวงดนตรีอินดี้ที่มีชื่อว่า Uncle Ben ของเหล่าสมาชิก 4 คน ได้แก่ นับ-ธนบัติ รักษนาเวศ (ร้องนำ,กีต้าร์) อดิ๊บ-ธัชพล ปานนพภา (กีต้าร์) บาส-พิทิต แสนอินทร์ (กลอง) นอร์ท-กฤษณพล โพธิ์ศรี (เบส) พวกเขาเป็นเจ้าของบทเพลงฮิตอย่าง อย่าเป็นฉันเลย เพลงขวัญใจวัยรุ่นที่มียอดวิวกว่า 40 ล้านวิว และเพิ่งมี EP อัลบั้มแรกในชีวิต 'Sundown' ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความโศกเศร้าในยามที่พระอาทิตย์ตกดิน
"เราอยากได้ชื่อวงที่อ่านง่าย จำง่าย แล้วเราชอบคาแรกเตอร์ลุงเบนในภาพยนตร์เรื่อง The Inturn มาก เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ปิดกั้น ชอบทดลองอะไรใหม่ๆ เวลาอยู่ใกล้ใครคนนั้นก็จะมีความสุข เราอยากให้วงเราเป็นแบบนั้น" นับเล่าถึงที่มาของชื่อวง
นับกับนอร์ทเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เล่นดนตรีด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น พวกเขาเคยทำวงชื่อ แมวเหมียวโหม่งโลก ที่แม้เจ้าตัวจะจำไม่ได้ว่าทำไมต้องโหม่งโลก แต่ก็ยังจดจำความสนุกในช่วงเวลานั้นได้ดี ก่อนที่รุ่นน้องอย่างบาสและอดิ๊บจากวงยายจ๋าจะตามมาสมทบ หลังจากจบงานประกวดวงดนตรีของโรงเรียน
"ช่วงที่ผมกับอดิ๊บอยู่ม.ปลาย เราทำวงประกวดดนตรีกัน แล้วพี่นอร์ทกับพี่นับมาเป็นกรรมการ เลยมีโอกาสได้รู้จักกัน เขาคงเห็นว่าเราเล่นเก่งน่าดู ก็เลยมาทาบทามไปเล่นด้วยกัน ผมคิดว่าเราเข้ากันได้ดี เพราะตอนนั้นพวกเราชอบอะไรคล้ายๆ กันด้วย อย่างเพลงก็ชอบฟังแนวคล้ายๆ กัน" บาสเล่าถึงช่วงเวลาก่อนที่ทั้งสี่คนจะมารวมตัวกัน
"พวกหมอลำอะไรแบบนี้" นับแทรก
"ใช่... อะไรนะ?" แล้วมุกตลกของบาสกับนับก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งห้อง
"พื้นฐานแล้วผมชอบเพลงร็อก แต่เวลาเล่นกับเพื่อนๆ ก็จะหาจุดตัดที่กำลังดี แต่จริงๆ เราก็ฟังไปเรื่อยเนอะ เพลงมันเหมือนแฟชั่นที่เปลี่ยนไปตามเวลา" นอร์ทเล่าถึงแนวเพลงที่ชอบ
"อย่างผมกับบาสฟังเพลงด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม อย่างตอนนั้นผมจะชอบฟังเพลงสากลเก่าๆ มันมีซาวด์กีต้าร์ที่เพราะดี พอมาเจอพวกพี่นับก็ได้ลองฟังเพลงที่พี่ๆ เขาชอบฟังกัน" อดิ๊บเสริม
จากที่เคยชอบเพลงคนละแนว พวกเขาค่อยๆ มองเห็นจุดร่วมเดียวกัน แล้วความสนุกก็ค่อยๆ เติบโตเป็นความฝัน เมื่อวง Uncle Ben มีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการ TK Band ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนมาเรียนรู้ทักษะด้านดนตรีจากเหล่าโปรดิวเซอร์มืออาชีพ พวกเขาได้ทำเพลงร่วมกับ แทน-ธารณ ลิปตพัลลภ สมาชิกวง Lipta ผู้ควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์มือทอง และมีผลงานชิ้นแรกออกมาให้แฟนๆ ได้รับฟัง คือ เพลงแสงไฟ
"ตอนนั้นเรายังไม่รู้เลยว่า Uncle Ben คืออะไร จะทำเพลงแบบไหน ทุกคนมีความชอบคนละสไตล์ แต่ยังมีจุดร่วมเดียวกันอยู่ แต่การจะเอาจุดร่วมนั้นมาทำเป็นเพลงของเรา มันไม่ง่ายเลย เราใช้เวลาสักพักเลยกว่าจะจับทางได้ ถ้าใครติดตามมาตั้งแต่แรกจะรู้ว่า จริงๆ เราเคยทดลองทำเพลงแนวอื่นไปก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ไม่มีให้ฟังแล้วนะ" นับหัวเราะเมื่อเล่าถึงช่วงเวลาที่วงค่อยๆ ค้นหาแนวทางของตัวเอง
หลังห่างหายจากการทำเพลงไปพักใหญ่ พวกเขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับเพลง 'อย่าเป็นฉันเลย' ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของนับ ด้วยเนื้อร้องและทำนองที่พาผู้ฟังดำดิ่งไปกับความทรงจำอันแสนเจ็บปวด ทำให้เพลงนี้กลายเป็นที่พูดถึงของสาวกเพลงอินดี้จนมียอดฟังในยูทูปสูงกว่า 40 ล้านวิว
นอร์ทเล่าว่าเพลงนี้เกิดขึ้นมาได้เพราะเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ "ก่อนหน้านี้เรามีโอกาสเล่นสดอยู่สองสามงาน คนที่ฟังก็ยังถามหาเพลงนี้เรื่อยๆ เลยเป็นแรงผลักดันให้เราเอาเพลงนี้กลับมาทำ"
"จริงๆ ช่วงนั้นพี่นับกับพี่นอร์ทก็ทำงาน บาสกับอดิ๊บก็เรียนดนตรี มันเป็นช่วงคาบเกี่ยวที่วงจะเข้าปีที่สี่ ทุกคนก็ดูเอื่อยๆ กับวงกัน เรากับอดิ๊บก็เลยฮึบขึ้นมา ลองหยิบเพลงที่พี่เขาเคยแต่งมาขึ้นโครงดนตรีดู ตอนแรกพี่นับก็ไม่อยากทำเพราะความรู้สึกมันมูฟออนมาแล้ว แต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นเพลงนี้ครับ" บาสเล่าถึงเบื้องหลังของเพลงนี้
"ในพาร์ทของเนื้อร้องเราแต่งไว้นานแล้ว ตอนนั้นเราเจอความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่ เลยอยากระบายออกมา มันเป็นความรู้สึกว่าเราไม่อยากเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว ไม่อยากเล่นไปตามเกมของเขาแล้ว เราเหนื่อย จำได้ว่าเราแต่งชั่วโมงเดียวเสร็จ พอลองมาทำดนตรีกับวงเป็นเพลงร็อกดุๆ เสร็จแล้วก็พับเก็บไว้ พอช่วงนั้นจะแต่งเพลงใหม่ น้องๆ ก็เสียดาย เราเลยทำทิ้งทวนเป็นของขวัญให้แฟนคลับ 10-20 คนที่ถามหาเพลงนี้ฟัง แต่กลายเป็นว่าเพลงนี้มันไปไกลกว่านั้นมากๆ" นับเสริม
"เราไม่ได้คาดหวังเลย ตอนอัดเสียงก็อัดกันในตู้เสื้อผ้า" บาสพูดไปหัวเราะไป
"หลังจากที่เพลง อย่าเป็นฉันเลย ปล่อยไป เรามีโอกาสได้คุยกับแฟนๆ เยอะขึ้น มีหลายคนทักอินบ็อกซ์มาเล่าเรื่องชีวิตของตัวเองให้ฟัง บางครั้งเราก็ไม่รู้จะช่วยแก้ปัญหาหรือให้กำลังใจเขายังไง เราเลยอยากแต่งเพลงเพื่อบอกเขาว่า เราอยู่ตรงนี้นะ พอดีกับเราเริ่มเข้ามาอยู่กับค่าย MILK! แล้ว คำว่า โตไปด้วยกัน ก็สื่อถึงสเต็ปนี้ของพวกเราด้วย ถือเป็นเพลงที่เราแต่งมาบอกแฟนเพลง บอกวง บอกค่าย บอกทุกคนว่า เติบโตไปด้วยกัน ทุกข์สุขไปด้วยกันนะ" นับเล่าถึงที่มาของเพลงที่สอง
"จริงๆ ตอนนั้นเราทำอีกเพลงหนึ่งที่ชื่อ อยู่เป็นของขวัญให้ฉันก่อน เสร็จแล้ว แต่เราไม่อยากให้คนมีภาพจำว่า วงเราเป็นวงเศร้าๆ เพราะพื้นฐานคาแรกเตอร์ของวงก็ไม่ได้ดูเศร้าขนาดนั้น" บาสเสริม
"โดยเฉพาะไอ้นี่" นับพูดพลางชี้ไปที่บาส "ใครจะไปคิดว่าตอนทำเพลงจริงจังจะกลายเป็นเพลงที่เศร้าขนาดนั้น พอมานั่งคุยกัน พวกเราก็เห็นตรงกันว่าอยากให้คนเห็นเราในหลายๆ สี หลายๆ มู๊ด"
แล้วเราก็มีโอกาสได้สัมผัสสีสันของ Uncle Ben ที่เข้มข้นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพลง อยู่เป็นของขวัญให้ฉันก่อน ที่มีรายละเอียดและไลน์ประสานของดนตรีที่เติบโตขึ้นจากเพลงก่อนๆ ขณะที่เพลงล่าสุดอย่าง เพลงก่อนนอน ก็เป็นซิงเกิ้ลแรกที่พวกเขามีโอกาสทำงานร่วมกับศิลปินคนอื่นๆ โดยเพลงนี้ พวกเขาได้เสียงอันอบอุ่นของ แอนท์–มนัสนันท์ กิ่งเกษม มือกีต้าร์จากวง LANDOKMAI มาร่วมเติมความกลมกล่อมให้กับเพลงนี้อีกด้วย
"จริงๆ ตอนแรกเราจะเก็บเพลงก่อนนอนไว้เป็นโปรเจกต์เดี่ยว เพราะเราแต่งเพลงนี้จีบแฟนเรา" นับเล่าถึงเบื้องหลังเพลงเพลงก่อนนอน "แต่พอเอามาเล่นกับวงก็เพราะไปอีกแบบ ตอนแรกจะไม่มีท่อนที่แอนท์ร้อง จนพอเอามาทำเป็นซิงเกิ้ล เราอยากตีความมันเพิ่ม เลยนึกถึงมุมมองของคนที่ฟังท่อนแรกแล้วตอบกลับมา เลยเป็นท่อนใหม่ที่แต่งขึ้น พอดีกับที่เราได้ฟังแอนท์ร้องเพลงใน Live Session ของวง quicksand bed ก็รู้สึกว่าใช่เลย พอได้แอนท์มา มันยิ่งทำให้เพลงนี้ลงตัวมากขึ้น"
ด้วยความที่แต่ละเพลงนั้นถูกแต่งมาแล้ว ขั้นตอนการเรียงเพลงในอัลบั้มจึงเป็นพาร์ทที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุด
"ด้วยความที่ดนตรีแต่ละเพลงมันต่างกันมาก เราเลยพยายามหาจุดร่วมของอัลบั้มนี้ จนเกิดเป็นช่วงเวลาของแต่ละเพลง โตไปด้วยกันเป็นเหมือนเวลากลางวัน ตอนที่แดดส่อง อยู่เป็นของขวัญให้ฉันก่อน เป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ เวลาที่เราคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตอนที่นั่งรถกลับบ้าน เพลงก่อนนอน เป็นช่วงเวลา ตอนกลางคืนที่ได้คุยกับเพื่อนๆ ไถโซเชียล แล้วมีคนมาปลอบใจว่าวันนี้เหนื่อยหน่อย ไม่เป็นไรนะ สุดท้าย อย่าเป็นฉันเลย จะเป็นช่วงเวลาที่มืดที่สุดของวัน ตอนที่เราไม่มีใครแล้วจมอยู่กับความคิดของตัวเองครับ" นับเล่า
เป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วที่เหล่าสมาชิกต่างแบ่งปันประสบการณ์และก้าวผ่านช่วงเวลาที่หลากหลายมาพร้อมกัน พวกเขาเริ่มต้นเล่นดนตรีด้วยความสนุก ก่อนจะค่อยๆ เติบโตจนมี EP อัลบั้มและคอนเสิร์ตเปิดตัวอัลบั้มเป็นครั้งแรกในชีวิต อดิ๊บเล่าว่าเป้าหมายของวงไม่ได้เปลี่ยนไปจากวันแรกนัก พวกเขายังหวังว่าจะมีโอกาสได้สร้างสรรค์บทเพลงใหม่ๆ ให้แฟนๆ ได้ฟังอยู่เสมอ
"ก่อนหน้านี้ เราไม่ได้คิดถึงการทำดนตรีในระยะยาวมากนัก มันมีอะไรหลายอย่างที่เราไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ แต่พอมีโอกาสได้ทำงานเพลงจริงจังมาก มันทำให้เราใส่ใจรายละเอียดในผลงานมากขึ้น เป้าหมายของเราก็ยังเหมือนเดิม เราไม่ได้อยากทำเพลงดัง แต่เราอยากทำเพลงที่สื่อสารกับคนฟังได้ดี"
และไม่ว่าในอนาคต วง Uncle Ben จะเติบโตไปเป็นแบบไหน เราเชื่อว่าพวกเขาจะยังคงมีผลงานที่คอยเติมสีสันและส่งมอบความสุขให้กับแฟนๆ ที่เฝ้ารอการเติบโตนี้ไปด้วยกันอย่างแน่นอน!
674 VIEWS |
กองบรรณาธิการที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ชอบคุยกับผู้คน ท้องฟ้า และเสียงดนตรี เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฟังเพลง ที่บางทีก็ปล่อยให้เพลงฟังเรา