ในเดือนสุดท้ายของปีแบบนี้ หลายคนคงเริ่มมองหาของขวัญสำหรับตัวเองและคนใกล้ตัว โดยเฉพาะเหล่านักอ่านตัวยง การให้และได้รับหนังสือดีๆ สักเล่มคงเป็นตัวแทนส่งมอบความรู้สึกที่ดีไม่น้อย
ใครที่กำลังมองหาแหล่งรวมหนังสือคุณภาพดี เราขอแนะนำเทศกาลหนังสือ Winter Book Fest 2020 ที่ชักชวนสำนักพิมพ์ชั้นนำคัดสรรหนังสือมาให้เหล่านักอ่านได้เลือกซื้อเป็นของขวัญสำหรับตัวเองและคนพิเศษ ตามคอนเสปต์ที่ว่า 'Give me books หนังสือคือของขวัญ' งานนี้จัดขึ้นที่สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ตั้งแต่วันที่ 10 – 20 ธันวาคม 2563 ภายในงานยังมีการแสดงดนตรีจากเหล่าศิลปินน้อยใหญ่ ซุ้มสอยดาวหนังสือ โซนแจกลายเซ็นจากเหล่านักเขียนชื่อดัง และกิจกรรมเซียมซีเสี่ยงทายชื่อหนังสือให้ทุกคนลุ้นกันสนุกๆ ระหว่างที่มองหาหนังสือที่ถูกใจอีกด้วย
ทีม happening จึงถือโอกาสนี้ ชวนเหล่านักเขียน นักออกแบบ และกองบรรณาธิการ ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงการอ่านตลอดปีที่มาร่วมงานเทศกาลหนังสือครั้งนี้ทั้งหมด 10 คน มาแนะนำหนังสือ 10 เล่มที่พวกเขาอยากมอบเป็นของขวัญให้กับใครสักคน จะมีเล่มไหนที่น่าสนใจและมี 'ใคร' ที่พวกเขาอยากมอบหนังสือให้บ้าง ไปดูกันเลย!
จาก จีระวุฒิ เขียวมณี บรรณาธิการสำนักพิมพ์ Biblio
"คุณกิตติคือผู้เบิกเนตรผมเข้าสู่โลกของการอ่านหนังสือ จากแต่เดิมที่ผมอ่านแค่การ์ตูน ดูแต่ภาพยนตร์ ความรู้หรือความสนใจเรื่องหนังสืออื่นๆ แทบจะเป็นศูนย์ และในบ่ายวันหนึ่งที่ไม่มีคาบวิชาเรียน คุณกิตติก็แนะนำหนังสือเล่มหนึ่งจากผลงานของอาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล มาให้ผมลองอ่าน บ่ายวันนั้นเองที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการอ่านของผมไปโดยสิ้นเชิง ผมตามอ่านหนังสือที่อยู่ในลิสต์ของเขาอย่างบ้าคลั่ง จนเริ่มมีแนวทางหนังสือของตนเอง และนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ผมสนใจหนังสือ จนได้นำมาสู่การทำงานในสายอาชีพนี้ในที่สุด
ผมจึงขอส่งต่อหนังสือเล่มนี้ให้คุณกิตติ เพราะเขาเป็นคนที่สนใจเรื่องการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทางสังคม เขามักจะตั้งคำถามถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ หรือตัวละครที่อยู่ในเรื่องราวเหล่านั้น เขาเสมือนนักคิดที่ชอบเก็บตัว และครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ เพียงลำพัง เขาไม่ค่อยจะบอกสิ่งที่คิดหรือสงสัยในโซเชียลมีเดียนักหรอก กระทั่งได้พบเจอกันก็ใช่ว่าจะมีถ้อยความใดๆ หล่นออกมาจากเขาได้ ผมจึงคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเหมาะสมกับบุคลิกคนช่างคิด ช่างสงสัยแบบเขา และหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งเมื่อเขาได้อ่านมันจบแล้ว ผมก็อยากได้ยินจากปากของเขาสักครั้งว่า นายคิดอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้"
จาก วีรพร นิติประภา นักเขียนดับเบิลซีไรต์
"พี่คิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจ ในแง่การเล่าเรื่องสงครามหรือบุคคลสำคัญต่างๆ แทนที่เราจะเล่าถึงฮิตเลอร์หรือสงครามโลกโดยตัวของมันเอง พอมันถูกเล่าผ่านบุคคลอื่นแบบนี้ มันทำให้เราเข้าใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันส่งผลต่อคนอื่นอย่างไร นอกเหนือจากคนยิวที่ต้องตาย ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีตัวตนจริงๆ หรือเป็นแค่จินตนาการก็ตาม
พี่อยากให้ทุกคนอ่านหนังสือเล่มนี้หรือเล่มไหนก็ได้ที่สนใจ ส่วนตัวพี่มองว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยมาก เราควรจะอ่านมากกว่านี้ อ่านทุกอย่าง อ่านทุกเล่ม ไม่ต้องเลือกอะไรมาก แค่อ่านมันเข้าไป เพราะระดับการอ่านเราต่ำมาก เมื่อเทียบกับคนบนโลกนี้ ถ้าคุณไปเรียนเมืองนอก สิ่งที่ต้องอ่านให้ทันก่อนเข้ามหาวิทยาลัย มันเยอะมาก และมันมีหนังสือเล่มใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกปี พี่คิดว่าต่อให้อยากให้แม่พี่อ่าน เขาก็คงไม่อ่านไง มันก็ควรจะเป็นคนอายุน้อยๆ โดยเฉพาะคนในวัยเรียน และพี่ก็พบว่าคนในวัยเรียนเขาก็อ่านอยู่แล้ว"
จาก จักรพันธุ์ ขวัญมงคล นักเขียนและอดีตบรรณาธิการนิตยสาร HAMBURGER
"เราเขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานกัน เราเริ่มเขียนตั้งแต่ปี 2556 ที่กปปส.ประกาศชัยชนะ ตอนแรกเราเริ่มจากความโกรธ เรารู้สึกว่าเขาทำแบบนี้ได้ยังไง แล้วเราก็สะสมเรื่องพวกนี้เรื่อยมา จนเรื่องสุดท้ายเราเขียนเมื่อตอนมกราคม 2563 เราไม่รู้ว่าระหว่างที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะรู้ไหมว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่มันค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่พอใจในสิ่งที่เขาทำ การที่เขาล้มการปกครองที่มันควรจะเป็น มันส่งผลกระทบต่อคนตัวเล็กๆ มากแค่ไหน เรื่องสั้นทั้งหมดนี้เกิดจากการที่เราบังเอิญได้ไปคุยกับคนที่เขาเข้าไม่ถึงโอกาส คนที่เขาถูกความเหลื่อมล้ำทำให้เขากลายเป็นคนนอกของสังคม และรัฐบาลไม่สามารถตอบสนองความต้องพื้นฐานของเขาได้"
จาก สันติ ลอรัชวี กราฟิกดีไซเนอร์และผู้ร่วมก่อตั้ง Practical Design Studio
"ผมอยากมอบหนังสือเล่มนี้ให้กับน้องๆ นักศึกษาที่ใช้ชีวิตในชั้นเรียนด้วยกัน มันเป็นเรื่องราวของคนญี่ปุ่นที่ไปเจอกันในต่างแดนโดยบังเอิญ เนื้อเรื่องมันค่อนข้างน่ารัก มีทั้งมิตรภาพ อาหาร การเดินทาง แต่ละคนก็มีปัญหาต่างกัน ผมคิดว่ามันก็เหมือนกับน้องๆ นักศึกษาที่มีปัญหาแตกต่างกันไป บางทีก็เป็นชีวิตที่เขาอาจไม่ได้วางแผนเอง หนังสือเล่มนี้อาจทำให้พวกเขามีมุมมองใหม่ๆ กับสิ่งที่พวกเขาเป็นและกำลังทำอยู่ เด็กๆ ที่กำลังจะจบอ่านแล้วน่าจะได้มุมมองที่ดี และมันสะท้อนให้เห็นชีวิตที่หลากหลาย แถมหนังสือก็อ่านสบายๆ ถ้าเขาได้อ่านเล่มนี้คงเป็นการส่งท้ายปีที่อบอุ่นดีเหมือนกัน"
จาก ปนิธิตา เกียรติ์สุพิมล บรรณาธิการสำนักพิมพ์ P.S. Publishing
"เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นสื่อกลางในการทำความเข้าใจระหว่างคนสองเจเนอเรชั่น ทั้งมนุษย์แม่ มนุษย์ป้า มนุษย์พ่อ และมนุษย์ลูก เราเศร้าใจทุกครั้งเวลาได้ยินน้องๆ บอกว่าพ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน หรือไม่ให้เงิน ถูกทำโทษ ทะเลาะกัน เพราะความเห็นต่างทางการเมือง เราอยากให้พวกเขาตรองว่าสิ่งอื่นใดทำไมถึงสำคัญกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขที่เติบโตจากการเลี้ยงดูของคุณเอง มันต้องมีเหตุมีผลอะไรสักอย่างไหมนะที่ลูกคิดเห็นไม่เหมือนคุณ และเราหวังว่าพวกเขาอาจหาคำตอบได้จากหนังสือเล่มนี้"
จาก ศศิ วีระเศรษฐกุล นักวาดภาพประกอบเจ้าของนามปากกา Sasi การเดินทางของพระจันทร์
"ผมขอเลือก Stationary ที่รัก 1 ให้เป็นของขวัญสำหรับคนที่ชอบในเครื่องเขียน ชอบการจดบันทึก และเข้าร้านเครื่องเขียนทีไรอยู่ได้เป็นชั่วโมงเหมือนกับผม ที่เลือกเล่มนี้เพราะสัมผัสของปกมันดีมากๆ และเนื้อหาข้างในน่าจะถูกใจคนที่ชอบเครื่องเขียน เพราะเราใส่รายละเอียดของปากกาและดินสอที่เคยใช้ บางชิ้นต้องเดินทางไกลมากกว่าจะหาเจอ"
จาก คนธรัตน์ เตชะไตรศร เจ้าของแบรนด์ give.me.museums
"เราอยากให้พวกเขาได้มีแรงบันดาลใจในการคิด ไม่อยากให้มองว่าสิ่งที่ออกแบบมามันไม่มีประโยชน์ อย่างในหนังสือเล่มนี้ เขาพูดถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างที่ประเทศญี่ปุ่นต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจ มีคุณลุงคนหนึ่งออกแบบสิ่งของ สิ่งประดิษฐ์แปลกๆ ที่ดูเหมือนใช้ประโยชน์ไม่ได้ บางอันดูแล้วก็รู้สึกตลกดี แต่จริงๆ แล้วเขาใช้งานออกแบบนี้ทำให้คนคลายเครียด เรารู้สึกว่าในปี 2020 ที่คนมีเรื่องให้คิดมากมาย สิ่งเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้มันน่าช่วยให้ผ่อนคลายและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขาในการทำงานหรือคิดงานต่อไปได้ค่ะ"
จาก อรุณี ศรีสุข ผู้เขียนหนังสือ เท่ารักเธอ และเจ้าของร้าน บาร์ บาหลี บิสโตร
"เราอยากให้หนังสือเล่มนี้กับน้องท็อป-ชิษณุ เครือวัฒนกุล น้องนักฟิสิกส์ที่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ เรามีโอกาสได้ทำ Postcast กับน้้องเมื่อปีก่อน เหตุผลที่แนะนำหนังสือเล่มนี้ให้น้อง เพราะท็อปเป็นนักฟิสิกส์ที่มีความคิดบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์มาก รวมถึงตัวเลขที่มีความสำคัญกับวิธีคิดต่างๆ การได้อ่านหนังสือเล่มนี้อาจช่วยน้องได้มีสมดุลย์ในการจัดการชีวิตได้บ้าง ชีวิตคงต้องมีสองด้านเสมอ ถ้าจัดการได้ชีวิตจะมีความสุขและสามารถสร้างงานจนถึงสร้างโลกเพื่อประโยชน์ให้ผู้อื่นได้"
จาก ปฏิกาล ภาคกาย บรรณาธิการสำนักพิมพ์ Salmon Books
"เราเริ่มจากอ่านงานเขียนของพี่โจ้ทางเพจ เขียนไว้ให้เธอ จนรวมเป็นหนังสือเล่มนี้ มันเป็นสิ่งที่พี่โจ้ตั้งใจเขียนไว้ให้ลูกสาว เมื่อลูกสาวโตขึ้น แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่พูดกับคนอื่นก็ได้เหมือนกัน มันเหมาะกับคนวัยทำงานที่อาจรู้สึกว่าตีบตันทางไอเดีย หรือเจอปัญหา หรือกำลังรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว มันมีเรื่องหนึ่งที่พี่โจ้พูดไว้ว่า ต่อให้เราประสบความสำเร็จ มันก็มีวันที่เราต้องลงจากความสำเร็จนั้นอยู่ดี เรารู้สึกว่าพี่เขาพูดในแง่มุมการทำงานได้ครอบคลุม และพาให้เราฉุกคิดเวลาทำสิ่งต่างๆ ได้ มันอาจไมไ่ด้เป็นหนังสือที่ช่วยให้เราหาทางออกจากปัญหาได้ทันที แต่มันน่าจะช่วยเพิ่มมุมมองในการแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ครับ"
จาก วิภว์ บูรพาเดชะ บรรณาธิการบริหาร happening
"ผมขอเลือกหนังสือ คิดถึงทุกปี ของ พี่ต้อ-บินหลา สันกาลาคีรี ให้กับน้องดีเจซึ่งเป็นคนทำสกู๊ปชิ้นนี้ครับ จริงๆ เหตุผลหลักคือ อยากส่งพลังใจให้พี่ต้อด้วยการสนับสนุกผลงานแกอีกครั้ง แม้ว่าผมจะมีหนังสือเล่มนี้ในฉบับพิมพ์ครั้งก่อนๆ แล้วก็ตาม พี่ต้อเป็นนักเขียนในดวงใจคนหนึ่งของผม ขนาดที่ผมมีความฝันว่าอยากเขียนเรื่องสั้นให้ได้ดีอย่างที่พี่ต้อเขียนไว้หลายๆ เรื่อง พอทราบว่าช่วงหลังพี่ต้อไม่ค่อยสบาย ก็อยากบอกพี่ต้อว่าในฐานะนักอ่าน ผมระลึกถึงพี่อยู่ทุกปีนะ ส่วนที่จะให้น้องดีเจไว้อ่านเพราะนอกจากจะเป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ในการทำงานให้น้องแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังเป็นวรรณกรรมร่วมสมัยที่ดีมาก มีหลายอารมณ์ ภาษางดงาม อ่านเพลิน ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องใช้การอ่านการเขียนเป็นอาชีพต่อไปแน่นอน"
2348 VIEWS |
กองบรรณาธิการที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ชอบคุยกับผู้คน ท้องฟ้า และเสียงดนตรี เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฟังเพลง ที่บางทีก็ปล่อยให้เพลงฟังเรา