พุฒิ ภูมิจิต กับการวิ่งย้อนกลับมาเรียนรู้ร่างกายและดูแลจิตใจให้แข็งแรง #ชีวิตดีเริ่มที่เรา

    พุฒิ-พุฒิยศ ผลชีวิน หรือที่เราเรียกติดปากว่า พุฒิ ภูมิจิต เป็นชายอารมณ์ดี ที่ไม่เคยปล่อยให้ชีวิตของตัวเองหยุดนิ่ง เขาเป็นทั้งนักร้องและคนเขียนเพลงประจำวง ภูมิจิต เจ้าของอัลบั้ม Midlife บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของช่วงวัยกลางคน ขณะเดียวกัน เขายังเป็น Chief Engineer ในบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นงานประจำที่เขากลับมาทำได้ซักพัก อีกทั้ง เขายังมีพอดแคสต์รายสัปดาห์ ชื่อ Midlife Podcast ในช่อง Gets Talk เป็นรายการที่เขาพาตัวเองไปนั่งพูดคุยถึงชีวิต ความฝัน ความจริง และความรัก ของผู้คนทุกช่วงวัย

    เรานัดพบกันในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนหลังเลิกงาน พุฒิเดินมาหาเรา พร้อมกับรอยยิ้มเฉกเช่นคนอารมณ์ดี ไม่มีร่องรอยความเหนื่อยล้า หลังจากการทำงานมาตลอดวัน ทำให้เรานึกสงสัยว่า พุฒิมีวิธีจัดการกับชีวิตของตัวเองได้อย่างไร ถึงดูมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงขนาดนี้

    จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ อาจมีเหตุผลง่ายๆ เพียงแค่ต้องการหาอะไรทำแก้เหงาเท่านั้น

    พุฒิเล่าถึงครั้งที่เขาต้องเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองชิริว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 1 เดือน ฟังครั้งแรกเรานึกอิจฉา เพราะเขามีโอกาสได้ไปอยู่ในเมืองน่ารักและบรรยากาศดีๆ แต่เรื่องจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น ด้วยอากาศหนาวเกือบติดลบ ทำให้กิจกรรมที่ทำได้เหลือไม่มากนัก

    "ช่วงแรกมันก็ตื่นเต้นนะ แต่หลังๆ เราเริ่มเหงา เพราะมันหนาวมาก จะออกไปไหนก็ลำบาก นอกจากลูกค้าแล้ว เราก็ไม่มีใครคุยด้วยเลย จำได้ว่า เราเหงาถึงขั้นไปนั่งเล่นที่สถานีรถไฟ เพื่อฟังว่ามีใครพูดภาษาไทยบ้างไหม เรานั่งอยู่ถึง 4-5 ทุ่ม ไม่มีใครพูดไทยเลย" เขาหยุดหัวเราะ "วันต่อมาเลยตัดสินใจนั่งรถไฟไปนาโกย่า แวะซื้อรองเท้ามาหนึ่งคู่ เราวิ่งฝ่าอากาศหนาวทุกวัน เช้าก็วิ่ง เย็นก็วิ่ง นั่นคือจุดเริ่มต้นของการวิ่งของเรา"

    ก้าวแรกของพุฒิอาจเริ่มต้นเพราะความเหงา แต่สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้เขาวิ่งต่อ กลับเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ

    "เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ฟูเขาไฟฟูจิ เราชอบมันตั้งแต่แรกเห็น เลยฝันว่าอยากวิ่งรอบภูเขาไฟฟูจิเพราะเราอยากลองเห็นมัน ในทุกมุมที่จะเห็นได้ซักครั้งในชีวิต เราจึงคาดหวังว่า เราจะต้องวิ่งเก่งมาก เราจะต้องไปมาราทอนและไปอัลตร้ามาราทอนต่อ พอเก็บอัลตร้าได้ 3-4 งาน เราจะได้ไปวิ่งรอบฟูเขาไฟฟูจิซักที"

    เขาเก็บความฝันนั้นไว้ และเริ่มพัฒนาขีดจำกัดของตัวเอง ด้วยการซ้อมวิ่งอยู่เป็นประจำ และออกไปวิ่งตามงานต่างๆ บ้างเมื่อมีโอกาส เขาเล่าถึงความสนุกในงานวิ่งแต่ละครั้งให้เราฟัง เริ่มตั้งแต่การวิ่งมินิมาราธอนครั้งแรก พร้อมกับเพื่อนๆ ทีม GetsTalk ไปจนถึงเสน่ห์ของงานวิ่งต่างจังหวัด ที่มีทิวทัศน์สวยงามและความน่ารักของชาวบ้านในละแวกนั้น เป็นกำลังใจให้เขาและนักวิ่งคนอื่นๆ ตลอดสองฝั่งทาง

    "งานวิ่งต่างจังหวัด มันมีความสบายๆ น่ารัก แถมช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้านด้วย บางครั้งมีงานวิ่งงานเดียว เขาขายได้เท่ากับทั้งเดือนเลย บรรยากาศรอบๆ ก็สวย การวิ่งทำให้เราได้เห็นแต่ละมุมเคลื่อนไปอย่างช้าๆ มันเป็นมุมที่เราไม่สามารถเห็นได้จากรถ เราคิดว่าการได้วิ่งในที่สวยๆ และได้เห็นวิวมันเปลี่ยนไปทีละมิลลิเมตร มันสนุกมาก"

    ตลอดทางที่พุฒิออกวิ่ง มีเพื่อนๆ แวะเวียนเข้ามาและผ่านไป แต่เขายังคงวิ่งอย่างสม่ำเสมอ โดยมีเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นแรงผลักดันให้ก้าวแต่ละก้าวมั่นคง ก่อนที่เขาจะขยับขยายขีดจำกัดของตัวเอง จากมินิมาราธอนไปสู่ฮาล์ฟมาราธอน

    น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป เมื่อพูดถึงการแข่งขันฮาล์ฟมาราธอน เขาและเพื่อนมีโอกาสกลับไปพักผ่อนที่ประเทศญี่ปุ่นก่อนการแข่งขัน ระหว่างทาง เขาเลือกซื้อรองเท้าราคาแพงคู่หนึ่งติดมือกลับมาด้วย แต่นั่นกลับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ จนเป็นเหตุให้พุฒิต้องสิ้นสุดทางวิ่ง...

    "หลังจากที่เราซื้อรองเท้าคู่นั้นมา เราวิ่งแล้วเจ็บบ่อยมาก ทำให้เราไม่ได้ซ้อมอย่างเต็มที่ ซึ่งมันไม่ดีนะ เพราะการฝึกซ้อมจะช่วยให้เราขยายขีดจำกัดของตัวเองได้ ถ้าเราซ้อม 5 กิโลเมตร แล้วไป 10 กิโลเมตร มันก็อาจจะพอไหว แต่พอต้องวิ่ง จาก 5 กิโลเมตร ไป 20 กิโลเมตร มันเป็นขีดจำกัดใหม่ที่เราไม่ชิน จำได้ว่าตอนถึงฮาล์ฟมาราธอน เรากอดเสาเลยอะ"

    เช่นเดียวกับนักกีฬา เมื่อไม่ได้ฝึกซ้อมจนร่างกายเคยชิน พุฒิเผชิญกับภาวะกล้ามเนื้ออ่อนล้า และเริ่มเจ็บหัวเข่า จากการวิ่งด้วยรองเท้าที่ไม่เหมาะกับสรีระร่างกาย จนเป็นเหตุให้เขาบาดเจ็บหนัก และต้องหยุดวิ่งเป็นเวลากว่าครึ่งปี

    "จริงๆ รองเท้ามันมีคาแรกเตอร์ของมัน เราแค่ต้องหารองเท้าที่เข้ากับเรา เข้ากับวิธีวิ่งของเรา ฝ่าเท้าของเรา ตอนนี้เราได้คู่ใหม่มาแล้ว ราคาถูกลง แต่วิ่งดีขึ้น เหมือนที่เขาบอกกันว่า ผู้หญิงสวยอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนไง" เขาจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะ

    หลังห่างหายจากการออกกำลังกายไปพักใหญ่ เมื่อไม่นานมานี้ พุฒิกลับมาวิ่งอีกครั้ง เรานึกสงสัยว่า เป้าหมายในการวิ่งของเขา มันต่างออกไปจากเดิมไหม เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนตอบว่า...

    "เปลี่ยนนะ ตอนแรกที่เราวิ่ง เราฝันว่าเราจะวิ่งรอบภูเขาไฟฟูจิ เราคาดหวังกับมันมาก และพยายามเร่งตัวเองเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น แต่เราทำมันไม่สำเร็จ เรารู้สึกผิดหวังกับตัวเองเหมือนกันนะ แต่ตอนนี้ เราไม่ได้วิ่งเพราะความรู้สึกนั้นแล้ว เราวิ่งเพราะเราอยากวิ่ง แค่อยากสดชื่น อยากลดความอ้วน อยากขยายขอบเขตตัวเองทีละนิด แค่นั้น เราไม่ได้มีเป้าหมายใหญ่โตเหมือนเมื่อก่อนแล้ว"

    การออกวิ่งในครั้งนี้ นอกจากจะสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้พุฒิย้อนกลับไปทำความเข้าใจร่างกายและภาวะจิตใจของตนเองอีกด้วย

    "ร่างกายกับจิตใจ มันเป็นเรื่องที่ไปด้วยกัน ช่วงไหนร่างกายไม่ดี จิตใจก็จะไม่ดีไปด้วย แต่ถ้าเราดูแลร่างกายได้ดี เราก็จะควบคุมจิตใจได้ดี คนเมืองแบบเราใช้ความคิดเยอะ บางครั้งการกลับมาโฟกัสที่ร่างกายก่อนบ้าง มันก็ดีเหมือนกัน ถ้าเรารู้ว่าเราเจ็บตรงไหน มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการมีสตินะ อย่างวันไหนเราวิ่งเยอะ เราก็ไม่เครียด"

    พุฒิยังเสริมอีกว่า การวิ่งของเขาทำให้คนรอบตัวหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาแปลกใจและภูมิใจในเวลาเดียวกัน

    "แต่ก่อน เราจะวิ่งแถวออฟฟิศทุกเช้า วันหนึ่งก็มีน้องมาวิ่งด้วย แล้วเขาก็ไปคนอื่นมาวิ่งอีก เราเห็นเขาตั้งแต่เขาไม่วิ่ง จนเขาวิ่ง ซ้อม ไปมินิมาราธอน ไปฮาล์ฟมาราธอน แล้วเขาถ่ายรูปมาโชว์เรา หรืออย่างพ่อตาเราที่กลับมาวิ่งอีกครั้ง เพราะเห็นเราวิ่ง มันทำให้เรารู้ว่า การวิ่งของเรามันสามารถส่งต่อถึงคนรอบข้างได้ด้วย"

    ระหว่างคุยกัน พุฒิหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันวัดค่าการออกกำลังกายให้เราดู ตอนนี้เขามีไขมันมากเกินไป และกำลังพยายามสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาทดแทนไขมันอยู่ ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาโชว์รอบวิ่งของเขา ในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาบอกว่า อุปกรณ์เหล่านี้ ช่วยเตือนให้เขาออกกำลังกายได้ครบตามเป้าอยู่เสมอ

    ขณะเดียวกัน การนอนก็เป็นอีกสิ่งที่พุฒิในวัย 37 ปีให้ความสำคัญ เพราะการนอนให้เพียงพอ ไม่ใช่แค่การนอนให้ครบชั่วโมง แต่เป็นการนอนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ และช่วยให้เราใช้ชีวิตในเช้าวันใหม่ได้ดีขึ้น

    "ชีวิตที่ดีของเรา คือ 'กินอิ่ม นอนหลับ ขยับดี' เริ่มจากการนอนให้เพียงพอ กินให้สารอาหารครบ นอนหลับให้ลึก เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ และหาเวลาไปออกกำลังกายบ้าง"

    การสนทนากับพุฒิ ภูมิจิต ทำให้เราเข้าใจว่า การนอนหลับพักผ่อนให้มีประสิทธิภาพ รู้เท่าทันจิตใจ ปล่อยวางจากสิ่งรอบตัว และหันกลับมาดูแลสุขภาพร่างกายให้สมดุล ด้วยการกินอาหารครบหมู่ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ ชีวิตของเราก็พร้อมจะเริ่มต้นวันใหม่อย่างแจ่มใส เป็นชีวิตดีๆ ที่ทุกคนสามารถเริ่มจากตัวเองได้เช่นกัน


    สำหรับผู้อ่านที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของ พุฒิ แล้วอยากเริ่มต้นชีวิตดีๆ ในแบบของตัวเอง สามารถคลิกเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ชีวิตดีเริ่มที่เรา

นิษณาต นิลทองคำ

กองบรรณาธิการที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ชอบคุยกับผู้คน ท้องฟ้า และเสียงดนตรี เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฟังเพลง ที่บางทีก็ปล่อยให้เพลงฟังเรา

กมลลักษณ์ จิรหิตะภัทร

ช่างภาพฟรีแลนซ์จบใหม่ ปกติเขาจะชอบถ่ายภาพสตรีทโฟโต้ แต่ปัจจุบันแม่ไม่ให้เงินแล้วเลยหันมาถ่ายทุกๆ อย่างที่จะทำให้ใช้ชีวิตรอดต่อไปอีกเดือน